บทที่ 231 อุทิศชีวิตให้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 231 อุทิศชีวิตให้

บทที่ 231 อุทิศชีวิตให้

“ไอ้สารเลวนี่ ยังไม่บอกความจริงกับข้าอีก” ป้าจางหัวเราะเยาะเย้ยหยัน “มาดูกันว่าเมื่อข้ากลับไป ข้าจะทำอย่างไรกับเขา!”

กู้เสี่ยวหวานรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ช้าก่อนท่านป้า อย่าโทษพี่ฉือโถวเลย ข้าเป็นคนบอกให้เขาไม่บอกท่านป้า”

“ข้าไม่ได้โทษเขา แต่ทำไมเรื่องใหญ่เช่นนี้พวกเจ้าถึงไม่ยอมบอกข้า! พวกเจ้าเป็นแค่เด็กไม่กี่ขวบ แล้วถ้าคนผู้นั้นเป็นคนไม่ดีล่ะ เจ้าจะทำอย่างไร? ” ป้าจางลดเสียงลง ทำหน้าบูดบึ้งขณะพูดและชี้ไปข้างนอก

แน่นอนว่าที่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้บอกป้าจางและคนอื่น ๆ เพราะนางกลัว

“ท่านป้าจาง เขาไม่ได้ดูเป็นคนเลว” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยอย่างลังเล เขาดูดียิ่งนัก ดังนั้นเขาไม่ควรเป็นคนเลว

“ไม่ใช่คนเลว แล้วเขาจะดูดีขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาดูดีกว่าผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?” ป้าจางพูดอย่างโกรธเคือง แม้ว่าเสียงของนางจะเบาลง แต่ฉินเย่จือก็ฟังคำพูดของนางโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเย่จือก็ขมวดคิ้ว ท่านป้าผู้นี้ ใครบอกว่าคนหน้าตาดีเป็นคนเลวกัน? ตรรกะอะไรเนี่ย?

ป้าจางกล่าวต่อ “สาวน้อยเสี่ยวหวาน คนผู้นี้รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ! เจ้าดูสิบางคนก็ดูเป็นคนดี แต่จิตใจนั้นแย่มาก เราไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ อยู่ให้ห่างจากเขาเสีย และรีบให้เขาออกไปโดยเร็วที่สุด”

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจความหมายนี้ดี และพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ท่านป้าจาง ตอนนี้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร และไม่คิดจะให้เขาอยู่ที่นี่ด้วย”

ฉินเย่จือที่อยู่ภายนอกมีสีหน้าที่มืดมิด ตั้งแต่เขาเติบโตขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อคิดเกี่ยวกับมันแล้วทำให้เขารู้สึกหดหู่

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเย่จือก็มองไปรอบ ๆ อย่างเย็นชาและสายตากวาดไปทั่วราวกับว่าเขากำลังเตือนใครบางคน

การสนทนาในบ้านยังคงดำเนินต่อไป…

ป้าจางบอกกับกู้เสี่ยวหวานถึงข่าวที่นางได้รับในวันนี้ กู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับมัน หน้านายที่ดินนี้น่าจะคล้ายกับพ่อค้าคนกลางในยุคปัจจุบัน พวกเขาจะได้รับส่วนต่างของราคาเล็กน้อย

แม้ว่าการซื้อที่ดินจากนายหน้าที่ดินจะแพงกว่าการซื้อที่ดินจากผู้ขายโดยตรง แต่สะดวกกว่ามาก เมื่อเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ที่ดินก็จะไปยื่นต่อทางการผู้ดูแลความมั่นคงของดินเหล่านี้ หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว กู้เสี่ยวหวานยังคงตั้งใจที่จะซื้อที่ดินภายใต้การดำเนินการของนายหน้าที่ดิน เพราะมีสถานที่ให้เลือกมากขึ้นและสะดวกสบายกว่า

กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจว่าในเช้าวันรุ่งขึ้นจะเข้าไปในเมืองหลิวเจีย เพราะป้าจางรู้ว่านายหน้าที่ดินนั้นอยู่ที่ไหน ป้าจางจึงตามไปในวันรุ่งขึ้น เมื่อตกลงกันได้ ป้าจางก็กำลังจะกลับ เมื่อนางเดินไปถึงประตู นางพบว่าชายหนุ่มยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื่อนแม้แต่ปลายนิ้ว หลังจากยืนนิ่งอยู่นาน ดูเหมือนเขาจะไม่เหนื่อยเลยสักนิด หลังยังตั้งตรงเหมือนต้นสนที่แข็งแรง

ป้าจางไม่เคยเห็นคนที่สง่างามเช่นนี้มาก่อนและนางก็ตะลึงเล็กน้อย เมื่อฉินเย่จือเห็นป้าจางออกมา เขาก็แสดงรอยยิ้มที่ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิอย่างรวดเร็ว ป้าจางไม่เคยเห็นคนที่ยิ้มสวยเช่นนี้มาก่อน และหัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

และได้ยินฉินเย่จือกล่าวต่อว่า “ท่านป้าจาง ขอบคุณขอรับ!”

ป้าจางตกตะลึงเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าคนที่นางไม่เคยพบมาขอบคุณนางเพื่ออะไร เมื่อเห็นฉินเย่จือยกแขนเสื้อขึ้น นางก็รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเสื้อผ้า เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ป้าจางก็งงเล็กน้อย เมื่อสักครู่นี้เสียงของตนเบามาก เขาจะได้ยินได้อย่างไร

ใบหน้าของป้าจางร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงสิ่งที่นางพูดเมื่อสักครู่ว่าเขาไม่ใช่คนดี นางหันกลับมามองที่กู้เสี่ยวหวานอย่างมีความหมาย แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าสายตาของป้าจางหมายถึงอะไร หลังจากที่ป้าจางจากไป กู้เสี่ยวหวานก็ไม่รีบกลับเข้าไปในห้อง นางยังคงยืนอยู่ข้างนอกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฉินเย่จือ

“ฉินเย่จือ ข้าชื่อฉินเย่จือ”

ว่าอย่างไรนะ? ตอนนั้นเองที่กู้เสี่ยวหวานตอบสนอง คนผู้นี้กำลังบอกตนเองว่าชื่ออะไรอย่างนั้นหรือ?

ฉินเย่จือ? ชื่อนี้ฟังดูดีมาก!

อย่างไรก็ตาม นางได้วางแผนที่จะขอให้เขาออกไปแล้ว ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ชื่อหรือไม่ก็ตาม

ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง นางวิ่งเข้าไปในห้องอีกครั้ง และเดินออกมาหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ถืออะไรบางอย่างไว้ในมือของนางแล้วยื่นให้ฉินเย่จือ “นี่ของเจ้า!”

สิ่งที่อยู่ในมือของกู้เสี่ยวหวานคือแหวนหยกที่ฉินเย่จือวางไว้ใต้ผ้าห่มเมื่อครั้งที่แล้ว เดิมทีเขาต้องการใช้แหวนหยกเพื่อตอบแทนน้ำใจ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับมัน

ทันทีที่เขาเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้วางแหวนหยกไว้ในตู้ผุพังที่ไม่มีแม้แต่ประตู ฉินเย่จือก็ตกตะลึง หญิงสาวคนนี้คงไม่รู้ว่าแหวนหยกวงนี้มีค่าเพียงใด?

แหวนหยกวงนี้สามารถซื้อเมืองเช่นหลิวเจียได้หลายเมือง แต่หญิงคนนี้กลับโยนมันไว้ในตู้อย่างไม่ใส่ใจ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกหมดหนทาง

ฉินเย่จือไม่ได้เอื้อมมือไปรับมัน แต่กลับเอามือไพล่หลังและไม่มองที่แหวนหยกเลย “ไม่มีเหตุผลที่จะนำของที่ให้ไปกลับคืนมา”

กู้เสี่ยวหวานกล่าว “สิ่งนี้เดิมทีเป็นของเจ้า พวกเรารับไว้ไม่ได้! นอกจากนี้ แหวนหยกนี้ดูเหมือนจะมีราคาแพงมาก ช่วงนี้เจ้าไม่ได้ลำบากอยู่หรอกหรือ? เจ้าเอาไปจำนำเสียก็สิ้นเรื่อง มันยังสามารถเอาไปแลกเงินได้อีกด้วย!”

จำนำ? หน้าผากของฉินเย่จือกระตุก และไม่มีโรงรับจำนำที่ใดกล้ารับแหวนหยกวงนี้!

เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือไม่ตอบ กู้เสี่ยวหวานก็รีบยัดมันลงในมือของฉินเย่จือ “เจ้าเอากลับไปเถอะ! หยกนี้ไม่เลวนัก มันจะมีค่ามากอย่างแน่นอน!”

“นี่คือหยกที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของข้า ถ้าจำนำไปคงไม่สามารถไถ่มันได้ บรรพบุรุษของข้าคงจะไม่ตำหนิข้าหรอกใช่หรือไม่!” ฉินเย่จื่อถามกลับ

“จะไถ่ถอนหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้า รับมันไปเสีย!”

“ไม่มีทาง!” ฉินเย่จือปฏิเสธที่จะรับมัน ถ้าเขารับมันกลับไป เขาก็จะไม่มีข้ออ้างที่จะอยู่ต่อในวันนี้

“ข้ายกแหวนหยกวงนี้ให้แก่เจ้าแล้ว และไม่มีเหตุผลที่จะต้องเอามันกลับคืนมา”

“ได้ อย่างนั้นข้าจะรับแหวนหยกวงนี้ไว้ แล้วถือว่ามันเป็นการตอบแทนความมีน้ำใจ เช่นนี้เราก็ตกลงกันได้แล้ว เจ้าจะไปได้แล้วหรือยัง?” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างโกรธเคือง เหตุใดคนผู้นี้หน้าหนาเช่นนี้ พูดตรง ๆ ก็แล้วคนผู้นี้ก็ไม่ยอมจากไป เขาคิดว่านี่คือบ้านของเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

เขาดูดี แต่นางไม่สามารถเพิกเฉยได้!

“ตกลงอย่างไร?” ฉินเย่จือคว้าแขนเสื้อของกู้เสี่ยวหวานและกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ “เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ แน่นอนว่าข้าต้องตอบแทน แหวนหยกนี้ก็เป็นเพียงของขวัญขอบคุณเท่านั้น”

“แล้วเจ้าจะตอบแทนอย่างไร? อุทิศชีวิตให้อย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อยจากการพัวพันเช่นนี้ แค่คิดเกี่ยวกับพล็อตเรื่องโรแมนติก นางจึงโพล่งออกไปโดยไม่ได้คิด