ขณะที่ เหวินเหยา กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ในใจของเขาก็ตื่นตระหนกด้วยเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้า

เขาได้หันศีรษะไปมองอย่างรวดเร็วและพบว่า บนเส้นทางที่ ทัพมังกรอู๋เซียง กำลังจะรุกคืบ มีทหารจำนวนมากจากอาณาจักรหนานหยานปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“พบศัตรูสังหารสิ้น!”

บรรดาทหารทัพพยัคฆ์ได้ตะโกนคำรามร้องลั่น

“มีกองทัพอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

เหวินเหยา รู้สึกตะลึงอย่างมาก”ไม่ใช่ว่ากองกำลังทั้งหมดของอาณาจักรหนานหยาน อยู่พื้นที่รอบภูเขาติงจิ้ง ไม่ใช่เหรอ ? เหตุใดถึงมีกองกำลังปรากฏตัวขึ้นที่นี่ทั้งยังมีจำนวนไม่น้อยกว่าแสนนาย!”

“ดูจากกกองกำลังที่ปรากฏตัวขึ้นนี้ พวกเขาล้วนเป็นกองกำลังชั้นยอดฝีมือดี…พวกมันปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนทำไมข้าไม่ได้ยินข่าวคราวเลย?”

แม้ว่า เหวินเหยา จะตกใจ และไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็น แต่เขามีฐานะเป็นผู้บัญชาการทัพมังกรอู๋เซียง เขาย่อมตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างรวดเร็วและชักดาบออกมาตะโกนขึ้น”ทัพมังกรอู๋เซียง,เข้าชาร์จศัตรู!”

“เข้าชาร์จ!”

“เข้าชาร์จ!”

ทหารที่ไปปิดล้อมทัพพยัคฆ์ 5,000 นายของ เสี่ยวจือ นั้นเหลือเพียง 10,000 นายเท่านั้น ที่เหลือ ได้พุ่งเข้าหาทัพพยัคฆ์ที่ปรากฏตัวขึ้น

ไม่มีใครเป็นพลซุ่มยิงและไม่มีใครถอยหนี

ในฐานะทหารทัพมังกรอู๋เซียง สิ่งที่พวกเขาล้วนจดจำมีสองสิ่งมีชีวิตหรือตาย นี่คือคำสองคำที่พวกเขาได้ยินเมื่อเข้าสู่กองทัพมังกรอู๋เซียง

“ทหารทุกนายฟัง,ห่างออกไปห้าสิบไมล์ทางด้านหลังคือเมืองเร้ดเมเปิ้ล ปราการทางด้านตะวันตกของอาณาจักรหนานหยาน ถ้าสถานที่แห่งนี้ถูกทำลาย ทางตะวันตกทั้งหมดของอาณาจักรหนานหยาน จะตกเป็นของพวกเรา ผืนดินของศัตรูจะต้องลุกเป็นไฟ!”

“ฆ่า,ตามท่านแม่ทัพไปสังหารทหารทัพมังกรอู๋เซียง อย่าปล่อยให้ ทหารทัพมังกรอู๋เซียงรอดไปได้!”

“พบศัตรูสังหารสิ้น!”

หลังจากถูกปิดล้อมตอนนี้ทหารทัพพยัคฆ์ของเสี่ยวจือห้าพันนายก่อนหน้านี้ตอนนี้เหลือไม่ถึงสามพันห้าร้อยนาย

แต่ผู้คนสามพันห้าร้อยนายนี้ภายใต้การนำของเสี่ยวจือกลับตะโกนคำขวัญประจำทัพพยัคฆ์ออกมากลิ่นอายสังหารของพวกเขาได้พวยพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า

ดาบในมือของพวกเขามีความหมายเดียวเท่านั้น!

ฆ่า!

ฆ่าศัตรูเบื้องหน้า!

ฆ่าให้หมด!

สังหารทัพมังกรอู๋เซียง!

ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนสับสังหารศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง

“พบศัตรูสังหารสิ้น!”

ทัพพยัคฆ์ที่ตามมาได้ยินเสี่ยงของ เสี่ยวจือ พวกเขาได้ตะโกนคำรามพร้อมกัน

ทหารทั้งสองฝ่ายได้ระเบิดพลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ในไม่ช้าทัพทั้งสองก็ได้เผชิญหน้ากันอย่างจริง ๆ จัง ๆ

ศีรษะได้ถูกสับกระเด็น

โลหิตได้สาดกระเซ็นไปทั่วผืนฟ้า ร่างของทหารหลายคนได้ล้มลงกับพื้น

แต่ในสายตาของพวกเขาไม่มีใครหวาดกลัวทั้งนั้น พบศัตรู ย่อมสับสังหาร

ไม่ว่าจะเป็น ทัพพยัคฆ์ หรือ ทัพมังกรอู๋เซียง พวกเขาล้วนเป็นทหารชั้นยอด

พวกเขามีเพียงความคิดเดียวซึ่งก็คือ ฆ่าศัตรูตรงหน้า!

แขนขาของทหารหลายนายล้วนถูกสับขาด

เสียงกรีดร้องได้ดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ

แต่ไม่มีใครหยุดเพราะเสียงกรีดร้องนี้

สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาหยุดเคลื่อนไหวได้ซึ่งก็คือความตาย!

ร่างที่ไร้ศีรษะจำนวนมากได้ล้มลงกับพื้น

โลหิตจำนวนมากได้เปรอะเปื้อนไปทั่วเท้าของทหาร

ทั้งยังสาดไปทั่วลำตัวทำให้เหนียวเหนอะหนะ แต่พวกเขาก็ไม่หยุดการเคลื่อนไหว

ยังคงเคลื่อนไหวตัดศีรษะศัตรู!

ฆ่าศัตรูตรงหน้า!

กลายเป็นสนามรบนองเลือดไปเสียแล้ว

ร่างกายที่ไร้ศีรษะสามารถมองเห็นได้ทุกที่กระทั่งแขนขาบางอันยังถูกทิ้งเอาไว้

กลายเป็นศึกปะทะที่ดุเดือด!

ในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ ทหาร 10,000 นาย ที่ปิดล้อมสังหารทัพพยัคฆ์ 3,000 นายที่นำโดยเสี่ยวจือ นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของ เหวินเหยา!

เสี่ยวจือ แม่ทัพผู้หาญกล้านำทัพพยัคฆ์ 3,000 นายเข้ากวาดล้างทัพ 10,000 นาย

ทัพพยัคฆ์ที่นำโดยเสี่ยวจือนั้นไร้ขีดจำกัด

ด้วยง้าวขนาดใหญ่ในมือของเขาได้วาดฟันออกไปทุกครั้งเต็มไปด้วยพลังทำลาย

ทุกครั้งที่กวัดแกว่งมันย่อมสับสังหารศัตรูหลายสิบหรือหลายร้อยคนกลายเป็นเศษซากได้!

แม่ทัพที่อยู่ในขั้นปรมาจารย์หากไม่มีการปราบปรามจากกองทัพไม่ว่าทหารจะมีจำนวนมากขนาดนั้นล้วนไร้ความหมายทั้งสิ้น

เสี่ยวจือ ในตอนนี้ ราวกับเสือร้ายที่หลุดออกจากกรง!

“ฆ่า!”

เสี่ยวจือ ได้วาดฟันง้าวขนาดใหญ่ของเขาไปยังร่างของศัตรู

เหวินเหยา ได้ค้นพบ ความผิดพลาดนี้ ใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมาก”เร็วเข้ารีบจัดตั้งรูปแบบขบวนทัพ!”

“ขอรับ!”

เสียงของคมมีดยังคงดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ

กองทัพที่ไม่มียอดฝีมือคุมอยู่ย่อมไม่สามารถทำอันตรายเสี่ยวจือได้

แต่ว่า…

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นเองเสียงของดาบอันแหลมคมก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน

ชายวัยกลางคนที่สวมผ้าปิดตาสีดำได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของ เสี่ยวจือ พร้อมกับวาดฟันดาบยาวในมือออกไปเพื่อหวังจะสับสังหารเขา

“วารีทวนกระแส!”

ทันใดนั้น ต้วนชุย ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันเพื่อต้านทานการโจมตี

เขาได้บล็อคการโจมตีของชายวัยกลางคนตรงหน้า

“เจ้าเป็นใคร,ข้าคือ สมาชิกลำดับที่สามของหน่วยพิทักษ์นิกายดาบวิญญาณ เฟิงฉิวผิง ใครกล้าขวางข้าตาย!”

ชายวัยกลางคนได้คำรามออกมา และ ชี้ดาบไปที่ ต้วนชุย

“ไม่รู้จัก,แต่ไม่เป็นไร ยังไงเจ้าก็ต้องตายวันนี้!”

สิ้นสุดเสียงของเขา ร่างของ ต้วนชุย ก็พุ่งเข้าใส่คน ๆ นี้

“ตาย! เหอะ ไร้สาระ!”

เฟิงฉิวผิง สมาชิกลำดับที่สามของ หน่วยพิทักษ์นิกายดาบวิญญาณ ไม่ได้อ่อนแอ โดยพื้นฐานแล้ว เขามีพลังระดับ 4 ขั้นปรมาจารย์

เพร้ง!

ทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันหลายสิบกระบวนท่า

“อุ๊ก!”

ทันใดนั้น เฟิงฉิวผิง ก็กระอักโลหิตออกมาร่างถูกส่งบินออกไปไกลหลายเมตร

“แข็งแกร่งมาก!”

เฟิงฉิวผิง จ้องมองไปที่ ต้วนชุย ที่ยืนอยู่กลางอากาศเขาได้เช็ดเลือดที่มุมปากทันที

เขาเป็นนักรบระดับ 4 ขั้นปรมาจารย์ เท่ากับ อีกฝ่าย แต่ในแง่ของพลังการต่อสู้เขากลับถูก อีกฝ่าบปราบปรามโดยสมบูรณ์

“ไม่แปลกใจ ที่ข้อมูลบอกว่า ทาสดาบทั้งหก ทุกคนล้วนมีความสามารถยอดเยี่ยม แม้จะไม่ได้อยู่รวมกันแต่ความสามารถของแต่ละบุคคลก็เฉิดฉายออกมาได้มากจริง ๆ !’

เฟิงฉิวผิง จ้องมองไปที่ ต้วนชุย และ รู้สึกลังเลในใจ

เขาไม่ใช่คนโง่ เขาสามารถรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ ต้วนชุย หากเขายังคงดึงดันสู้ต่อไปเขาอาจจะเสียชีวิตที่นี่

“เข้ามา!”

ต้วนชุย ได้ชี้ดาบไปที่ เฟิงฉิวผิง และ พูดขึ้น”ภายในห้ากระบวนท่าต่อจากนี้ข้าจะสังหารเจ้า!”

มุมปากของ เฟิงฉิวผิง กระตุกเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่ ต้วนชุย”อย่าได้โอหังให้มันมากไป วันนี้ข้าไม่พร้อม ข้าจะกลับมาปะมือกับเจ้าใหม่อีกครั้ง!”

หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็หันหลังไปจากที่นี่ทันที

เขาได้หลบหนีไป เขาได้ทอดทิ้ง ทัพมังกรอู๋เซียงไว้ที่นี่?

“ไอ้พวกบัดซบนิกายดาบวิญญาณ ข้ารู้อยู่แล้วว่าไว้ใจพวกมันไม่ได้!”

เหวินเหยา ที่ค้นพบว่า เฟิงฉิวผิง หลบหนีไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

“ฆ่าพวกมันให้หมด!”

แม้ว่าเขาจะโกรธมากแค่ไหน เขาก็ทำได้เพียงฝ่าวงล้อมทัพของเสี่ยวจือออกไป

เสี่ยวจือ ที่บุกตีทัพมังกรอู๋เซียง ในตอนนี้ ทัพมังกรอู๋เซียง ก็อยู่ห่างจากความพ่ายแพ้อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!