ตอนที่ 291 ใช้ตัวเองเป็นตัวล่อ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 291 ใช้ตัวเองเป็นตัวล่อ

มู่เถาเยา เย่ว์จือกวง เย่ว์เลี่ยง และลู่จือฉินกลับถึงตำหนักพระจันทร์ตอนช่วงพลบค่ำ

แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดยาวไปไกลเป็นเส้นดุจสายบัวที่ขาดช่วง คล้ายริบบิ้นแดงของนางสวรรค์ที่ทิ้งตัวลงมา แต่เพียงชั่วพริบตาก็ขาดแยกออกจากกัน ก่อเกิดเป็นเมฆแดงทีละก้อน ทีละก้อน

คนตระกูลเย่ว์ต่างชะเง้อคอมองอยู่ในสวนหย่อม เวลานี้เห็นทั้งสี่คนกลับมาแล้วก็พากันเดินเข้าไปหา

“ซาลาเปาน้อย ได้ของดีมาเหรอ” ตี้อู๋เปียนไม่พลาดสีหน้าดีอกดีใจของพวกเขา

“อืม พวกเราเจอสมุนไพรอย่างดีสามชนิด หญ้าอายุยืน ดอกจื่อตัน แล้วก็หญ้าไป่หลิง”

เย่ว์จือเหิง “หญ้าอายุยืนคืออะไรเหรอ” อีกสองชนิดเขาเคยเห็นในภาพที่น้องสาววาด

“พี่ใหญ่คะ หญ้าอายุยืนเป็นยาวิเศษที่ช่วยต้านความชราได้ ไว้ฉันทำเป็นยาเสร็จจะเอาให้คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายและก็พวกอาจารย์กินค่ะ”

เย่ว์หลั่งพูดชมทันที “ลูกพ่อกตัญญูจริงๆ !”

มู่เถาเยา “…ควรทำอยู่แล้วค่ะ”

คนตระกูลเย่ว์รู้ดีแก่ใจว่าเสี่ยวเยาเยาดีต่ออาจารย์ของเธอเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แต่กับพวกเขา…ไม่ต้องทำก็ได้ด้วยซ้ำ

แต่เสี่ยวเยาเยามีของดีอะไรก็ไม่เคยลืมพวกเขา

พ่ออยากร้องไห้อีกแล้ว

ลูกสาวสุดที่รักของเขาจิตใจดี กตัญญูรู้คุณคนขนาดนี้ ทำไงดี!

“ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด หนูจะถ่ายรูปส่งไปให้อาจารย์ใหญ่ พวกศิษย์พี่ แล้วก็ปาเฝ่ย อันนั่ว คนอื่นๆ อีก” มู่เถาเยาหยิบหญ้าอายุยืนกับดอกจื่อตันออกมาจากเข่งแล้วถ่ายรูปหลายๆ มุม

ลู่จือฉินก็เอาหญ้าไป่หลิงออกมาให้เธอถ่ายด้วย

หลังจากถ่ายเสร็จมู่เถาเยาก็ไม่รีบร้อนส่งรูปไป “หนูจะเอาพวกมันไปปลูกไว้ก่อน ระหว่างนั้นก็จะหารือกับอาจารย์ดูว่าจะเอาหญ้าอายุยืนกับดอกจื่อตันมาผสมกันทำเป็นยาได้ไหม”

ลู่จือฉิน “เสี่ยวเยาเยา ความคิดนี้ดีมาก ตราบใดที่ฤทธิ์ของสมุนไพรไม่ข่มกัน กินพร้อมกันไม่มีทางเกิดพิษ ใช้สมุนไพรดึงสรรพคุณของพวกมันออกมาผสมกัน ประสิทธิภาพต้องสูงขึ้นแน่ เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ใหญ่ของเธอเก่งเรื่องยาไม่มีใครสู้ได้ ไว้ว่างๆ พวกเราไปขอคำชี้แนะจากเขากัน”

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ค่ะ”

ปู่เย่ว์ยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา สมุนไพรชั้นดีขนาดนี้ปลูกไว้ในสวนจะเหมาะสมเหรอ ดินจะเหมาะเหรอ”

“หญ้าอายุยืนไม่เลือกดินค่ะ ดอกจื่อตันจะเลือกหน่อย แต่พวกเราก็ขนดินบนภูเขากลับมาหน่อยด้วยค่ะ”

บนรถมีตะกร้าที่สำรองไว้ใช้หลายใบ ก่อนพวกเขากลับมาได้เข้าไปขุดดินในภูเขาใส่มาสองตะกร้า

ย่าเย่ว์ “เสี่ยวเยาเยา งั้นก็เอาสมุนไพรปลูกในตะกร้าไปเลยสิ จากนั้นก็วางไว้หน้าประตู พวกเราจะได้มองเห็นตลอดเวลา กันคนไม่ระวังทำมันเสียหาย”

มู่เถาเยามองประตูใหญ่ของตำหนักพระจันทร์ “ย่าคะ วางสองตะกร้านี้ไว้หน้าประตูไม่น่ามองเท่าไร”

ข้างประตูโค้งขนาดใหญ่มีเสากลมสามต้น บนนั้นมีรูปหมาป่า…สถานที่ที่ดูโอ่อ่าน่าเกรงขามแบบนั้นจะให้วางสมุนไพรสองตะกร้าประดับเหรอ

แค่คิดก็แปลกๆ แล้ว

เย่ว์หลั่ง “น่ามองไม่น่ามองไม่เป็นไร ตอนนี้ใกล้ถึงงานแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติแล้ว ทุกคนต่างงานยุ่ง ไม่มีการจัดงานฉลองอะไร มีแค่พวกเราที่เห็น”

อำนวยความสะดวกให้ลูกสาวสุดที่รักสำคัญที่สุด

เย่ว์เลี่ยง “เสี่ยวเยาเยา ถ้าต้องปลูกนาน งั้นย้ายเข้าไปไว้ด้านในดีกว่า”

“ไม่ต้องปลูกไว้นานค่ะ พวกเราจะทำมันเป็นยาก่อนกลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน ช่วงหลายวันนี้นอกจากตามหาสมุนไพรวิเศษพวกนั้นแล้ว พวกเราจะหาสมุนไพรที่มาผสมหญ้าอายุยืนกับดอกจื่อตันทำเป็นยาด้วยค่ะ”

ลู่จือฉินพยักหน้า

ทำยาใช้สมุนไพรที่สดใหม่ เพราะให้ผลดี ปริมาณน้ำเพียงพอ

คุณยาย “งั้นก็วางไว้หน้าประตูนั่นแหละ”

คนอื่นๆ ก็เห็นด้วย

มู่เถาเยาจำต้องยอม

เย่ว์จือกวงให้บอดี้การ์ดย้ายดินสองตะกร้าไปไว้ข้างเสาสองต้นที่มีลวดลายหมาป่า จากนั้นมู่เถาเยากับลู่จือฉินก็เอาดอกจื่อตันกับหญ้าอายุยืนไปปลูกลงในนั้น

เย่ว์จือเหิงถาม “เสี่ยวเยาเยา หญ้าไป่หลิงต้นนี้ไม่ปลูกเหรอ”

“ไม่ปลูกค่ะ หลังจากอาจารย์สามกับคุณอาเจอหญ้าไป่หลิงก็ได้หาสมุนไพรที่ใช้ทำยาด้วยกันมาด้วย อีกเดี๋ยวกินข้าวเสร็จฉันกับอาจารย์สามจะทำมันเป็นยาทา เก็บไว้ได้หลายปีโดยที่ไม่เสียคุณภาพ”

หวังว่าน้าเหมียวจะได้ใช้มัน

พอนึกถึงตรงนี้มู่เถาเยาก็ถามขึ้น “พี่ใหญ่คะ เหมียวฉีกับเจียงเย่ว์มีความผิดปกติแล้ว ทางด้านครอบครัวเหมียวมีความเคลื่อนไหวอะไรไหมคะ”

เย่ว์จือเหิงกับคนตระกูลเย่ว์ต่างอึ้ง

“ครอบครัวพ่อแม่เหมียวฉียังเหมือนเดิม สองคนนั้นผิดปกติยังไงเหรอ”บราวนี่ออนไลน์

“เมื่อก่อนเหมียวฉีไม่สนใจใยดีเจียงเย่ว์ แต่ระยะนี้ทำอะไรให้หลายอย่าง…ทรัพย์สมบัติของเธอแทบจะโอนเป็นชื่อเจียงเย่ว์หมด…”

มู่เถาเยาแบ่งปันข้อมูลที่เธอได้มาในช่วงนี้ให้คนตระกูลเย่ว์ฟัง

ทุกคนช่วยกันวิเคราะห์ความคิดของเหมียวฉี

เย่ว์เลี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้โดยรวมฟันธงได้แล้วว่าเหมียวฉีคือคนบงการ แต่ก็ยังคงไม่มีแรงจูงใจ อีกทั้งถ้าไม่ได้ใช้เหมียวอวี้ เหมียวฉีก็ไม่มีทางเข้าถึงตัวเสี่ยวเยาเยาได้…”

เย่ว์หลั่งพยักหน้า “เหมียวอวี้ก็ไม่มีทางเชื่อฟังเหมียวฉี”

เหมียวอวี้อยู่บ้านตระกูลเป่ยมาสิบปี เธอมีนิสัยอย่างไร คนตระกูลเป่ยกับคนตระกูลเย่ว์ต่างรู้ดี

ลู่จือฉิน “ดังนั้นฉันถึงสงสัยว่าเหมียวฉีใช้ยาบางอย่างทำให้เหมียวอวี้อุ้มเสี่ยวเยาเยาออกไป”

ปู่เย่ว์ “แต่เหมียวอวี้พาเสี่ยวเยาเยาออกนอกประเทศได้ยังไง นี่เป็นจุดที่น่าสงสัยอย่างมาก ในเวลาหนึ่งเดือนเหมียวอวี้กับเสี่ยวเยาเยาออกจากเผ่าไปป่าเซียนโหยว ระหว่างนั้นพบเจออะไรบ้าง…”

ตี้อู๋เปียนพูดแทรก “เป็นไปได้ไหมครับว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากหมาป่า”

เย่ว์จือกวงครุ่นคิด

ช่วงสองวันนี้ขึ้นเขา เขาได้เห็นแล้วว่าน้องสาวเป็นที่รักของพวกสัตว์ขนาดไหน! ไม่ใช่แค่หมาป่าเท่านั้น!

“ผมว่าที่อู๋เปียนพูดมาเป็นไปได้สูงมาก”

มู่เถาเยาก็ครุ่นคิด

ตอนนั้นเธอตื่นมาใต้ต้นท้อได้ยินเสียงคำรามของหมาป่ากับเสือ ยังคิดอยู่ว่าพวกมันต่อสู้แย่งอาณาเขตหรืออาหารกันอยู่

ตอนนี้มาคิดดู ถ้าไม่ได้หมาป่าปกป้อง มีความเป็นไปได้สูงว่าเธอจะกลายเป็นของว่างของเสือไปแล้วหรือเปล่า

ตอนนั้นก็เป็นไปได้ว่าน้าเหมียว…ใช้ตัวเองเป็นตัวล่อเสือออกจากภูเขา…

แต่ไม่มีคนในเหตุการณ์ ไม่มีพยานบุคคลหรือสิ่งของ นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดา