ตอนที่ 93 โกซุปะทะโซระ (บทปลาย)

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 93 โกซุปะทะโซระ (บทปลาย)

ใบดาบของจูสุมารุ ไม่สิตอนนี้มันไม่ใช่ดาบอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวด้ามดาบหรือใบดาบ ทั้งหมดนั้นมันได้กลายเป็นฟองที่แตกตัวออกมานับไม่ถ้วนแล้ว

ฟองสีเหล็กที่ไม่ได้ร่วงหล่นลงสู่พื้น แต่ฟองเหล่านั้นมันได้เข้าไปเกาะติดอยู่กับร่างกายของโกซุราวกับมีเจตจำนงในตัว

ตั้งแต่หัวจรดเท้าในตอนนี้ทั้งร่างของโกซุได้ถูกฟองเหล็กพวกนี้ห่อหุ้มเอาไว้แล้ว

เดิมดีร่างของโกซุก็เป็นชายร่างยักษ์ ที่ตัวโตพอๆ กับหมีอยู่แล้ว

แต่พอได้ฟองพวกนี้เข้าไปประสานร่างที่ใหญ่ยักษ์นั้นอีก มันก็ทำให้ร่างของเขาขยายใหญ่กว่าเดิม

หลังจากนั้นสักพักฟองที่ตัวอยู่ ก็เริ่มหดลง

มันไม่ได้มีขนาดที่เล็กลงเพียงเท่านั้น แต่ฟองเหล่านั้นเหมือนเปลี่ยนแปลงก่อตัวเป็นรูปร่างใหม่ขึ้นมาด้วย

พวกมันเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นชุดเกราะแบบตะวันออกที่ปกคลุมร่างของโกซุทั้งตัว

หากเป็นชุดเกราะธรรมดามันก็คงจะมีช่องว่างบริเวณรอยต่อของชุดอยู่บ้าง แต่ชุดเกราะดังกล่าวกลับไม่มีของที่ว่าเลย

ไม่ว่าชุดเกราะจะถูกสร้างมาดีขนาดไหน แต่มันก็ย่อมต้องมีช่องว่างเพื่อให้คอ แขน ขาของผู้สวมขยับได้บ้าง เพราะหากทุกส่วนติดกันหมด ผู้สวมจะสามารถขยับแขนขาเพื่อเคลื่อนไหวได้อย่างไรกัน

ดังนั้นชุดเกราะของโกซุที่ไม่มีรอยต่อ ก็ไม่ควรจะขยับไปมาได้สะดวกเลยสักนิด ทว่าตอนนี้เขาก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติไม่ต่างจากเดิม

ด้วยเกราะสีดำที่ห่อหุ้มเขาเอาไว้ทั้งตัวและหมวกที่มีรูปร่างเหมือนหัววัวปิดบังใบหน้าเอาไว้ หากเป็นตัวเขาตอนนี้ไม่ว่าการโจมตีแบบใดก็คงสามารถป้องกันเอาไว้ได้หมด

แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงการป้องกัน เขายังมีดาบมังกรฟ้าขนาดยักษ์ที่ถือเอาไว้อยู่ในมือขวาซึ่งเป็นเทวภัณฑ์ที่ถูกประดับไว้ด้วยดวงดาวทั้งเจ็ดบนดาบ

แทนที่จะเรียกว่าเป็นทหารสวมเกราะ ตอนนี้รูปร่างของเขาคล้ายกับราชาวัวที่จุติลงมาบนโลกใบนี้มากกว่า

「――ท่านโซระ」

มีเสียงของโกซุดังออกมาจากหน้ากากวัว เพียงแค่เสียงของเขามันก็ส่งออร่าแห่งการต่อสู้มาอย่างท่วมท้นแล้ว แรงกดดันมันมากถึงขนาดที่โซระต้องกัดฟันทนแรงกดดันนั้น

เพราะตอนนี้โกซุได้สวมหมวกเอาไว้อยู่ ดวงตา จมูก ปากและหูของเขาทั้งหมดจึงถูกมันปกปิดเอาไว้ แต่โซระก็สัมผัสได้ว่าโกซุยังคงจ้องมองมาที่ตัวเอง โดยที่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเขาไม่ได้รับผลกระทบการหมวกดังกล่าวเลย

「นี่คือสิ่งที่ข้าได้เมื่อบรรลุเข้าถึงความว่างเปล่า และอีกชื่อหนึ่งของอนิม่าอย่างจูสุมารุก็คือราชาวัว หนึ่งในเจ็ดเทพผู้หมายพิชิตสรวงสวรรค์ แต่หลังจากได้รับความพ่ายแพ้ เขาก็สาบานตนว่าจะเป็นผู้พิทักษ์แห่งสรวงสวรรค์ในฐานะเทพหัววัวซึ่งเป็นเทพแห่งการต่อสู้….หากจะให้อนิม่านี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับข้าที่สาบานตนจะรับใช้ตระกูลมิตสึรุกิหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อผู้นำตระกูลไป」

หลังโกซุกล่าวจบเขาก็หยิบดาบมังกรฟ้าของเขาปักลงที่พื้น

ทันทีที่โกซุปล่อยมือจากอาวุธของตน โซระก็เหมือนจะแสดงความไม่พอใจออกมา

มันเป็นเหมือนสัญญาณที่โกซุจะบอกกับโซระว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธก็สามารถเอาชนะโซระได้ และคำพูดต่อไปของเขาก็เป็นเหมือนเครื่องยืนยัน

「จากนี้ไป ข้าจะสู้กับท่านโดยที่ไม่ใช้อาวุธ แต่อย่าได้มองว่าเป็นการดูถูกท่าน เป้าหมายของข้ามีเพียงแค่ต้องการดัดนิสัยของท่านเท่านั้น ดังนั้นวิธีการนี้จึงเหมาะสมที่สุด」

「ก็เอาตามที่ต้องการเถอะ」

「นั่นสินะ นอกจากนี้ อาภรณ์วิญญาณของท่าน――โซรุอีทต้าหรืออะไรสักอย่าง ท่านสามารถใช้พลังของมันได้อย่างเต็มที่แล้ว ดังนั้นได้โปรดบุกเข้ามาด้วยทุกอย่างที่ท่านมีเสีย」

「……หา? 」

「เดิมทีความสามารถในการยับยั้งของจูสุมารุนั้นมีไว้เพื่อผนึกความสามารถเดิมที่แข็งแกร่งเกินไปของมัน ส่วนการผนึกอาภรณ์วิญญาณอื่นเป็นเพียงผลพลอยได้ ในตอนที่ข้าทำลายโซ่ตรวนนี้ลง มันก็จะทำการแสดงพลังที่แท้จริงออกมา และทำให้มันไม่สามารถยับยั้งพลังของอาภรณ์วิญญาณอื่นได้อีก ดังนั้นตอนนี้ท่านจึงสามารถใช้พลังของอาวุธท่านได้อย่างเต็มที่แล้ว」

โซระขมวดคิ้วขณะนึกถึงความหมายในคำพูดของโกซุ

ความสามารถของโกซุคือการผนึกความสามารถของตัวเอง และพลังในในการยับยั้งผลอาภรณ์วิญญาณคนอื่นคือผลพลอยได้

โซระไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาจำเป็นต้องควบคุมอนิม่าของตัวเองขนาดนั้นด้วย แต่มันก็สมเหตุสมผลอยู่มั้ง หากพลังดังกล่าวมันมีมากเกินไปจนทำลายทุกสิ่งรอบข้างลงได้ การที่โกซุจะทำให้ตัวเองอ่อนแอลงก็เพื่อจะฝึกควบคุมมันให้ดียิ่งขึ้น อาจจะเป็นเหตุผลนั้นด้วยก็ได้

เรื่องราวของอนิม่าที่หมายพิชิตสรวงสวรรค์มันก็ทำให้รู้สึกถึงเรื่องราวที่แฝงไปด้วยพลังด้านลบอยู่เหมือนกัน

ดังนั้น จากที่โซระคิดโกซุก็ไม่น่าจะใช้พลังนี้ได้เป็นระยะเวลานานด้วยแน่ๆ

เพราะหากให้นึกถึงพวกที่ใช้พลังทำลายล้างเข้าแลกอย่างไม่สนฟ้าสนดิน พวกเขาก็มีเงื่อนไขประมาณนี้กันทั้งนั้นแหละ――

ทันใดนั้นเอง หมวกหัววัวของโกซุก็พยักหน้าขึ้นลงราวกับมองความคิดของโซระออก

「ดูเหมือนท่านจะรู้ตัวแล้วสินะ ว่าข้าสามารถใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าได้ไม่นานนัก กลยุทธ์ที่ท่านคิดก็คงจะเป็นการต่อสู้ยืดเยื้อเพื่อชัยชนะของท่าน」

ก่อนที่โกซุจะกล่าวต่อ “ทว่า”

「มันก็ในกรณีที่ท่านสามารถทนจนถึงตอนนั้นได้」

จากนั้นโกซุก็เริ่มย่อตัวลงและตั้งท่าสู้ราวกับมันคือสัญญาณสิ้นสุดบทสนทนา

โซระก็ตอบสนองกลับไปด้วยการเตรียมโซลอีทเตอร์รับมือกับเขา

◆◆◆

โกซุที่สวมชุดเกราะหัววัวกลายเป็นคนที่สูงเกินกว่า 2 เมตรไปแล้ว แขนขาของเขาก็ใหญ่ราวกับท่อนซุง หากจะบอกว่าตอนนี้เขากลายเป็นยักษ์ไปแล้วก็คงไม่ผิด

เมื่อร่างกายที่ใหญ่โตขนาดนั้นหายไปจากมุมสายตาของโซระ เขาก็เตรียมล่าถอยจากจุดที่ยืนในทันที

ทว่า กำปั้นของโกซุที่สวมชุดเกราะสีดำเอาไว้ก็กระแทกเข้ากับหน้าท้องของโซระเสียแล้ว

ร่างของโซระกระเด็นไปชนเข้ากับหินอย่างง่ายดาย

「อึก――คึก!」

หลังากพยายามกลืนเสียงร้องและของเหลวที่จะจะไหลสวนออกมาจากปากกลับเข้าไป โซระก็พยายามลุกขึ้นทันที

ทว่าโกซุก็ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณทางซ้ายมือของเขาแล้ว โซระพยายามจะป้องกันด้วยศอกซ้ายของเขาเพื่อลดแรงปะทะ

โกซุได้ทำการเตะร่างของโซระทะลุการป้องกันด้วยศอกของเขาไปอย่างง่ายดาย

ร่างกายของโซระลอยขึ้นไปบนอากาศราวกับลูกบอล ความสูงของมันเลยหัวของโกซุไปเกือบเท่าหนึ่ง ถ้าจะให้เทียบก็คงราวๆ ตึก 3 ชั้น พลังขาที่เตะได้แรงขนาดนั้นมันไม่ใช่พลังของมนุษย์แล้ว

จากนั้นโกซุก็ได้เหยียบหินเป็นแท่นเพื่อดีดตัวขึ้นไปในอากาศ และเข้าไปถึงจุดที่โซระลอยอยู่ในเสี้ยววินาที เขาทำการประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันหมายจะใช้เป็นอาวุธจากนั้น――

「ฮึ้ม!!」

เขาใช้มือที่ประสานกันนั้นยกขึ้นและฟาดเข้าไปที่ร่างของโซระอย่างไม่ลังเล

โซระไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมา ร่างของเขาถูกฟาดลงมากระแทกเข้ากับพื้นในทันที ส่งผลทำให้พื้นหินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แรงสั่นสะเทือนมันก็มากพอจะทำให้พื้นโดยรอบสั่นสะเทือนตามไปด้วย โซระที่ถูกการโจมตีนั้นเข้าไปไม่สามารถยืนขึ้นมาได้ในทันทีและร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

หลังจากโกซุลงมาถึงพื้นโดยไม่มีเสียงใดๆ ตามมา เขาก็จ้องมองไปยังโซระด้วยความเงียบงัน

แม้จะเจ็บปวดถึงขนาดนั้น โซระก็ยังไม่ปล่อยอาภรณ์วิญญาณในมือของตน โกซุได้แต่ชมเชยเขาอยู่ภายในใจ จากนั้นเขาก็เปิดปากพูดขึ้น

「ปล่อยอาภรณ์วิญญาณของท่านเสียหากไม่เหลือใจจะสู้ ข้าจะถือว่านั่นเป็นการยอมแพ้」

โกซุประกาศออกมาอย่างสงบนิ่ง ความมั่นใจในชัยชนะของเขาไม่สั่นคลอนเลยสักนิด

เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั้นอีกเลย เพราะทุกสิ่งอย่างมันชี้ชัดอยู่แล้ว

ไม่สำคัญหรอกว่าเวลาที่เขาจะใช้กับอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าได้จะเหลือเท่าไหร่ หรือพลังของอาภรณ์วิญญาณโซระเป็นแบบไหน แต่มันชัดเจนแล้วว่า มิตสึรุกิ โซระ ไม่สามารถเอาชนะ โกซุ ชิมะลงได้

หากพูดถึงการต่อสู้ ผู้ที่แข็งแกร่งก็ย่อมเป็นฝั่งเขา ส่วนผู้อ่อนแอก็คือโซระ――โกซุเชื่อมั่นอย่างนั้นว่าโซระยังไม่สามารถก้าวข้ามเขาได้ ราวกับมันคือความจริงของโลกใบนี้

ความมั่นใจจะเกิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่ออยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะมีคนไม่พอใจหรือเกลียดมันสักแค่ไหน แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องยอมรับความเป็นจริงในข้อนี้ มันเห็นได้ชัดแล้วว่าการที่คู่ต่อสู้อย่างโซระนอนหมอบราบกับพื้นด้วยความรวดเร็วมันสื่อถึงอะไร

โซระก็ควรจะรู้ถึงความพ่ายแพ้ของตนได้แล้ว

ของเหลวสีแดงค่อยๆ ไหลออกมาจากปากของเขาช้าๆ

โซระค่อยๆ กระเสือกกระสนที่จะลุกขึ้นยืน ทั้งที่มีอาการไออย่างหนัก จากนั้นเขาก็ต้องมองไปยังร่างของโกซุ ส่วนสายตาของโกซุที่มองมายังโซระตอนนี้ช่างไกลกับคำว่าความเป็นปรปักษ์ไปไกลแล้ว

――มันช่างน่าโมโหเสียจริง

พอเขาเห็นแบบนี้มันก็ทำให้เขานึกถึงคืนวันที่ยังอาศัยอยู่บนเกาะอสูรยักษ์

ทุกๆ ครั้งที่มีผู้คนมาเย้ยหยัน หาว่าเขาเป็นเพียงคนอ่อนแอ

แต่เขาก็มักจะใช้มันเป็นเชื้อเพลิงทำให้เขามาแรงจูงใจในการฝึกฝนมากยิ่งขึ้นเพื่อสักวันหนึ่งตนจะสามารถเอาคืนคนเหล่านั้นได้

ทว่าสิ่งที่โกซุสามารถมอบให้เขาได้ก็มีเพียงแค่ความสมเพชในความพยายามนั้น เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะลบล้างความรู้สึกพวกนี้ออกจากใจตนได้เช่นไร

คนแรกที่ดูถูกในความพยายามของเขาก็คืออดีตคนที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก

มันคือสิ่งที่พันธนาการ ติดอยู่ในใจของไม่หายไปไหน ความอ่อนแอที่ที่ไม่อาจจะขัดขืนอะไรได้เลย

และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่โกซุ ชิมะได้เห็นว่า โซระนั้นอ่อนแอถึงเพียงใด

――มันน่าโมโหสุดๆ ไปเลย

แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ? นั่นคือสิ่งที่เขาถามกับตัวเอง

เขาไม่มีทางเอาชนะการต่อสู้นี้ได้เลย โกซุอาจจะใช้พลังไม่ถึงครึ่ง ไม่สิไม่ถึง 1 ใน 10 ด้วยซ้ำ พอคิดแบบนี้มันก็ยิ่งเห็นความแตกต่างได้ชัดกว่าเดิม หากโกซุต้องการจะตามล่าซูซูเมะเอาตอนนี้เลย โซระก็คงไม่มีอะไรไปหยุดเขาได้

จะสู้ก็ไม่ได้ จะปกป้องก็ทำไม่ได้

แล้วคนแบบเขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ?

――คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่ ก็แค่ต้องกลืนกิน

มิตสึรุกิ โซระคือคนที่สามารถทำแบบนั้นได้ ไม่สิ ไม่ใช่ มันคือสิ่งเดียวที่มิตสึรุกิ โซระ สามารถทำได้ต่างหาก

มันเป็นความจริงเพียงอย่างเดียวที่เขาได้เรียนรู้มาตลอด 5 ปีไม่ใช่หรือไงกัน?

「…………ฮ่า นั่นสินะ」

「……ท่านโซระ? 」

「…..จะให้สู้กับพวกนายทั้งสามคน….จะปกป้องซูซูเมะกับทุกคนที่นี่….พอมาคิดดูดีๆ แล้วไม่มีทางจะจบสวยอยู่แล้ว…ฉันน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก…ว่าควรกินพวกนายเสียให้หมดไปเลย」

「น่ะ……? 」

โกซุมองไปยังอาภรณ์วิญญาณที่โซระถือไว้ในมือกำลังแสดงท่าที่ที่ผิดปกติออกมา

ผู้ใช้อย่างโซระ ที่สภาพยับเยินขนาดนั้น ไม่น่าจะสามารถถ่ายพลังคิลงไปในดาบได้แน่

ทว่า ดาบที่เป็นอาภรณ์วิญญาณของเขากลับถูกปกคลุมไปด้วยคิหมดแล้ว

――ไม่สิ นั่นมันไม่ใช่คิ มันไม่ใช่สิ่งที่จะออกมาจากร่างกายของมนุษย์ได้ มันไม่เหมือนกับมานาที่อยู่บนโลกใบนี้ด้วย มันเป็นพลังที่เหนือยิ่งกว่านั้นไปอีก ทั้งความหนาแน่นและความบริสุทธิ์ หากจะให้เรียกมันคงคล้ายกับออร่าเทวะหรืออีเธอร์

ในวินาทีต่อมา โกซุก็รีบกระโดดถอยออกจากจุดที่ยืนทันที และทันใดนั้นเองก็เกิดประกายแสงจ้ากลืนกินทั่วบริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อครู่

มันคือฝีมือของโซระที่เหวี่ยงอาภรณ์วิญญาณในขณะที่นอนอยู่กับพื้น มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยใช้มาหากเทียบกับก่อนหน้านี้

จากนั้นโซระก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ได้มีสัญญาณแห่งความเจ็บปวดใดๆ อีกต่อไป หลังจากที่เขาเช็ดของเหลวซึ่งไหลออกมาด้วยแขนเสื้อ เขาก็เปิดปากพูดด้วยความร่าเริง

「โกซุ จากนี้ไปฉันจะกลืนกินนายให้หมดเลย」

แล้วก็ยิ้มออกมา

การแสดงออกดังกล่าวมันทำให้โกซุถึงกับขนลุก แม้จะอยู่ภายใต้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากดวงตาของโซระซึ่งจ้องมองเขาอยู่

เขาไม่รอช้ารีบเอื้อมมือไปหยิบดาบที่ปักเอาไว้บนพื้นทันที สัญชาตญาณของเขาบอกว่าการต่อสู้กับโซระด้วยมือเปล่าคือเรื่องอันตราย

◆◆◆

โซระพุ่งเขาหาโกซุด้วยแรงระเบิด แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดนั้นเลย แถมความเร็วของเขาก็พอๆ กับโกซุเสียอีก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อาการบาดเจ็บของเขาที่ถูกรักษาไปนั้นต้องมาจากพลังขออาภรณ์วิญญาณแน่ๆ ถ้าอย่างงั้น การเคลื่อนไหวพวกนี้ก็มีจากพลังของอาภรณ์วิญญาณด้วยงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นเพราะเขาเรียนรู้เอาจากการเคลื่อนไหวของโกซุกันแน่ แต่ด้วยเวลาอันสั้น เขาจะทำได้ขนาดนี้เลยหรือ?

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ตอนนี้โซระมีความอันตรายเป็นอย่างมากหากเทียบก่อนหน้านี้ โกซุคิด

เขาต้องการใช้คู่ต่อสู้ของเขายอมจำนน แต่ตอนนี้โกซุมองแล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย

คงไม่เกิดประโยชน์อะไรแน่หากโซระสามารถรักษาตัวเองได้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากอาภรณ์วิญญาณ ก็จริงอยู่ว่าจำนวนครั้งในการรักษาอาจจะมีจำกัด แต่โกซุก็ใช่จะเหลือเวลามากพอให้ทดลอง เขาต้องรีบจบการต่อสู้นี้ในทันที

โซระกำลังค่อยๆ เข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในระหว่างที่เขากำลังคิด โซลอีกเตอร์ในมือของโซระก็เหมือนจะส่งเสียงแห่งความโกรธแค้นออกมา ราวกับต้องการหาที่ระบายความไม่พอใจ แรงกดดันได้แผ่ออกมาจากร่างของโซระ ราวกับว่าเขาคือช้างขนาดยักษ์ ทั้งที่ตัวเขาก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลยแท้ๆ

โกซุเฝ้าระวังอาภรณ์วิญญาณของโซระอย่างไม่ละสายตา โซระค่อยๆ ยกมันขึ้นแหละเหวี่ยงลง ทางโกซุเองก็เตรียมรับมือด้วยดาบของเขา

「มายาดาบเดียวขั้นสูง――ประกายแสง!」

มันเป็นการโจมตีแห่งแสงที่ผสานระหว่างเทคนิคดาบกับเทคนิคพลังคิเข้าด้วยกัน หากพลังดังกล่าวถูกปลดปล่อยมาในขณะที่ใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า มันก็น่าจะเพียงพอให้ อาภรณ์วิญญาณหลุดออกมาจากมือของโซระได้ นั่นคือสิ่งที่โกซุหมายตาไว้

ขณะเดียวกัน การโจมตีของโซระที่ออกมานั้นมันไม่ใช่การโจมตีในรูปแบบของมายาดาบเดียว มันเป็นการโจมตีโดยใช้พลังเพียวๆ ของเขาเอง

และแล้วดาบทั้งสองก็ได้ปะทะกันอีกครั้ง

ในจังหวะนั้นเอง ดาบของโกซุก็ส่องแสงออกมาอย่างรุนแรง――ก่อนที่มันจะเกิดเสียงดังลั่นขึ้นจากการที่ตัวดาบถูกฟันจนแตกสลายไป

「อะไรกัน?!」

เสียงแห่งความตกใจได้เล็ดลอดออกมาจากหมวกหัววัว

การโจมตีดังกล่าวเขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าตนใส่กำลังไปสุดตัวแล้ว แต่พอถูกโซระทำลายลงอย่างสมบูรณ์ ภายในหัวของโกซุก็ถึงกับว่าเปล่าไปชั่วขณะ

แต่การโจมตีของโซระก็หาได้หยุดลงด้วย

ทันทีที่ดาบของโกซุได้ถูกทำลายลง การโจมตีของโซระก็ปะทะเข้ากับชุดเกราะที่ป้องกันโกซุเอาไว้อยู่

และการโจมตีของโซระมันก็ได้ทะลวงเข้าไปในร่างของโกซุผ่านอาภรณ์แห่งความว่างเปล่า ร่างของโกซุถูกฟันเข้าที่ไหล่ซ้าย และโซลอีทเตอร์มันก็ได้ทำการผ่าทำลายกระดูกบริเวณช่วงคอของเขายาวไปจนถึงบริเวณหน้าอกตามไปด้วย

ทันทีที่การโจมตีนั้นจบลง เลือดจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากไหล่ของโกซุราวกับเขื่อนแตก

———

Note 1 : พลังพระเอกนี่เน้อออออ ชิไค 1 – 0 บังไค เอ็งพลาดละที่ใช้พรี่โซระใช้อาภรณ์วิญญาณได้

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code