ไม่เชื่อ?ถ้าหากว่าคลอดเป็นเด็กชาย แล้วตายเร็ว แบบนั้นถึงเป็นการทำร้ายจิตใจ และยังส่งผลต่อราชวงศ์ด้วย คนด้านนอกคงมีจำนวนไม่น้อยที่ซุบซิบกันว่าราชวงศ์ไม่มีใครคลอดลูกชาย แต่พอคลอดออกมากลับถูกฟ้าเอาคืน แบบนี้เรียกว่าสวรรค์ลงโทษตระกูลหยู่เหวิน
พระชายาจี้ป่วยเป็นวัณโรค ก็เพราะไปดูแลอ๋องหวย
พระชายารองป่วยเป็นโรคติดต่อ กลับต้องมาดูแลพระชายาจี้ นี่ก็ถือว่านางเป็นผู้มีจิตใจเมตตาแล้ว ยังเกินครึ่งของความผิดนาง ควรจะมอบรางวัลให้
นางจะโทษใครได้?
ไทเฮาพูดขึ้นด้วยเสียงเจ็บปวด: “สวรรค์ไม่สงสารตระกูลหยู่เหวินเรา!”
หยู่เหวินเห้ารู้ดีว่าแค่เวลาอันน้อยนิดไม่สามารถทำให้นางหายโกรธได้ แต่ว่าแต่ละวันทำความดี ผ่านไปสักพัก เรื่องนี้ก็คงเงียบหายไปเอง
เขาพยายามพูดให้นางสบายใจ และให้นางกินโจ๊กให้เยอะๆ
ใครจะรู้ พอหลังจากเฮาดื่มโจ๊กหมดแล้ว กลับหันไปพูดว่า: “เจ้ากับชายาเจ้าอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่แล้ว ทำไมยังไม่มีข่าวดีเลย?ถ้าหากว่าท้องนางไม่ได้เรื่อง เจ้าก็ควรจะแต่งชายารองมาอีกคน ตอนนี้ชายารองของอ๋องฉีเองก็ได้เลือกเรียบร้อยแล้ว เจ้าเองก็ควรจะรีบหน่อย”
ดูแล้วไม่ว่าตอนไหนนางก็ยังคงรักหยู่เหวินเห้า ในใจของนางนั้นก็เอาแต่คิด ในบรรดาอ๋องทั้งหลาย คนที่นางโปรดมากที่สุดก็คืออ๋องฉู่
และแน่นอนว่าเพราะเสียนเฟยเป็นหลานสาวนาง ช่วงไม่กี่ปีนี้ตระกูลนางก็ไม่ได้เรื่องเลย และได้แต่เฝ้ารอคอยอ๋องฉู่ผู้เดียวที่จะพอช่วยดึงนางขึ้นได้
เพียงแต่ว่า หลานก็เป็นหลานแท้ๆ แม้จะไม่สามารถมองเหมือนกัน แต่ก็ยังหวังดี ดังนั้นเรื่องพระชายารองนางถึงได้ใส่ใจขนาดนี้
สิ่งที่หยู่เหวินเห้ากลัวมากที่สุดก็คือเรื่องพระชายารอง เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดเพื่อหยวนชิงหลิง “เรื่องชายารอง หลานไม่ได้มีความคิดเลย อีกอย่างตอนนี้หลานกับชายาเองก็ถือว่าเข้ากันได้……”
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” พอนางได้ยินเขาพูดถึงหยวนชิงหลิง ก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง “ชายาของเจ้า ไม่ใช่ว่าข้าไม่ชอบนาง ที่นางขี้อิจฉา ใจแคบ ฮองเฮาจัดงานชมดอกไม้ขึ้น พระชายาทุกคนต่างบอกชื่อ แต่มีเพียงนางที่ตาสูง บอกว่าไม่มีคนที่ชอบเลย นางไม่ชอบใครเลยหรือว่ารับไม่ได้กันแน่?ถ้าหากนางมีความสามารถ ข้าเองก็จะไม่ว่านาง แต่แต่งงานมาเป็นปีแล้ว กลับยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย เจ้าเองก็เริ่มอายุมากแล้ว ทำไมถึงดูไม่กังวลเลย?”
ตอนแรกหยู่เหวินเห้าคิดว่าหยวนชิงหลิงเป็นคนโปรดของไท่ซ่างหวง แต่เสด็จย่านั้นกลับไม่ได้มาเอาใจใส่มาก ไม่นึกเลยว่าพอพูดก็โดนว่าเลย งั้นเขาก็ต้องปกป้องนาง
“เสด็จย่า จะโทษนางไม่ได้ พวกคุณหนูตระกูลสูงพวกนั้น หลานไม่ชอบเลย ก่อนออกจากจวน หลานเลยกำชับนาง ห้ามนางบอกชื่อใคร หลานสาบาน ว่าหลานไม่ได้พูดเท็จ ไม่อย่างนั้นขอให้ทั้งชีวิตนี้หลานไม่มี…..”
นางโมโหมากจนยกมือขึ้นมาตบที่หน้าเขาอย่างแรง : “เหลวไหล สาบานอะไรกัน?เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาหรือ?บังอาจเอาเรื่องสาบานมาพูด ข้าจะฉีกปากเจ้าเดี๋ยวนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ หลานสำนึกผิดแล้ว เสด็จย่าอย่าได้โมโหเลย” หยู่เหวินเห้ารับพูดปลอบนาง
ไทเฮาใช้หางตามองเขา “พูดจริงหรือว่าเจ้าไม่ชอบ?”
“พูดจริงพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาถอนหายใจออกมา : “แล้วเจ้าอยากได้แบบไหน?เจ้าพูดมา ข้าจะไปเสาะหามาให้”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น: “เสด็จย่ารู้ ว่าตั้งแต่ข้าอายุสิบหกก็เข้าไปอยู่ในกองทัพ และรู้สึกว่าคุณหนูเมืองหลวงนั้นอ่อนแอ แค่ลมพัดก็ปลิวแล้ว ผู้หญิงแบบนี้ ถ้าหากว่าได้รับความทรมาน เกรงว่าความลำบากในการตั้งครรภ์นั้นก็อาจจะทนไม่ได้”
ไทเฮาได้ยินและเข้าใจแล้ว จึงพูดขึ้น: “เจ้าพูดก็ถูก เพียงแต่ในเมืองหลวงนั้นก็มีแต่พวกตัวเล็กๆ ถ้าต้องการจะหาคนร่างใหญ่อ้วนท่วม มันก็ช่างหายากเหลือเกิน และไม่ควรจะหาแบบทั่วไปมาเป็นชายารอง”
ไทเฮาคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ถูกเลี้ยงมาอย่างยากลำบาก ตัวนางเองก็เคยตลอดมา ก็พอจะรู้ว่ามันเจ็บปวดทรมานขนาดไหน
หญิงสาวที่อ่อนแอ ที่จริงนั้นยากเหมือนกัน
ถ้าหากว่าเป็นคนที่รูปร่างใหญ่หน่อย สามปีมีสองคนก็คงไม่มีปัญหา
เด็กคนนี้ช่างเลือกดีจริงๆ
“ดังนั้นหลานถึงพูดว่าไม่รีบร้อน ค่อยๆ หา เพราะต้องอยู่ด้วยกันทั้งชีวิตเลย จะไปเรียกหยวนชิงหลิงไปดูครั้งสองครั้งมันใช้ได้ที่ไหนละ?นางเองก็ยังไม่กล้าที่จะออกความคิดเห็นแทนข้า” หยู่เหวินเห้าพูด
“ตอนนี้เจ้าทนนางได้แล้วจริงหรือ?” ไทเฮารู้สึกสงสัย ได้ยินว่าช่วงนี้อ๋องฉู่อยู่ในจวนนั้นดีมาก แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ
ถ้าดูจากนิสัยของอ๋องฉีแล้ว เขาก็ดูไม่ใช้คนกลัวชายา
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “ดูท่านสิ ท่านพูดอะไรออกมา?นางเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง หลานจะกินนางไม่ลงได้อย่างไร?”
“กินลงก็ดีแล้ว แน่นอนถ้าหากว่านางสามารถคลอดลูกชายให้เจ้าได้ อย่างนั้นก็เป็นไปตามฝันเลย ไม่ว่าจะเป็นชายา หรือชายารอง ต้องเอาชนะพวกเขาโดยการคลอดลูกชาย” ไทเฮาพูด
“ใช่ ใช่!” หยู่เหวินเห้าแสร้งพูดขึ้น เขาต้องไปแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าเสด็จย่าจะเอาเรื่องอะไรมาพูดกับเขาอีก
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เขากำลังจะขอทูลลา นางก็พูดขึ้น: “เออใช่ ชายาเจ้ารักษาหลานหกให้หาย เจ้าก็ช่วยบอกนางไปดูอาการให้พระชายาจี้ด้วย ถ้าหากนางรักษาหาย ก็ให้รีบรักษาเลย”
หยู่เหวินเห้ากลัวว่านางจะพูดเรื่องนี้
“ทำไม? ไม่เห็นด้วย?” ไทเฮาพูดเสียงแข็ง
หยู่เหวินเห้าจึงพูดขึ้น: “จะไม่เห็นด้วยได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? แต่พี่สะใภ้เองก็ไม่ได้เรียกไปพบ จะให้นางวิ่งไปหาเองอย่างนั้นหรือ?อีกอย่าง เดือนนี้รอบเดือนของนางก็ยังไม่มา แม้ว่าจะไม่รู้ว่าตั้งครรภ์หรือไม่ แต่ก็อาจจะมีความเป็นไปได้อยู่ ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นเหมือนพระชายารองหลิวอีก อย่างนั้นท่านก็ต้องเศร้าใจอีกอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“จริงหรือ?” ไทเฮาได้ยินว่ารอบเดือนหยวนชิงหลิงยังไม่มา ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “อย่างนั้นเจ้าต้องดูแลนางดีๆ ต้องเรียกหมอหลวงไปตรวจชีพจรทุกวัน อย่างได้ละเลยเป็นอันขาด”
“พะย่ะค่ะ!” หยู่เหวินเห้าพูดเสียงแข็ง
ไทเฮาดีใจมาก แล้วพูดกับเขาสองสามความ พลันไล่เขากลับทันที
ตอนเย็น หยู่เหวินเห้ากลับมาถึงจวน ก็พูดขึ้นแบบไม่ตั้งใจ: “เออจริงสิ วันนี้ข้าพลั้งปากพูดเรื่องตั้งครรภ์ออกไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงที่นั่งซดซุปอยู่ ได้ยินประโยคนี้ ก็แทบจะพ่นซุปออกมา พลันรีบลูบคอตัวเองลง พร้อมกับจ้องไปที่เขา: “ท่านพูดอะไรออกไป?ข้าจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร?”
“เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องขอกันไม่ได้ไม่ใช่หรือ?ก็เสด็จย่าเอาแต่ถามเรื่องของพระชายาจี้ และยังจะให้เจ้าไปช่วยรักษานางด้วย” หยู่เหวินเห้าดื่มน้ำลงไป วันนี้ช่างเป็นวันที่เร่งรีบจริงๆ
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วแน่น “รักษาโรคให้พระชายาจี้หรือ?รักษายังไง?มียาหรือไม่?”
“ทำไมนางถึงรู้เรื่องกล่องยา?ข้าทำได้เพียงเออออตามนาง เลยบอกว่ารอบเดือนเจ้ายังไม่มา นางก็ดีใจอย่างมาก” หยู่เหวินเห้าพูดพลาง แล้วอยู่ดีๆ ก็มองไปที่นาง “เออใช่ เจ้ากับข้าก็อยู่ด้วยกันนานแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นเจ้ามีประจำเดือนเลย?”
หยวนชิงหลิงวางถ้วยลงแล้วเดินมา “มาไม่มา ข้าต้องเอามาให้ท่านดูหรือยังไง?”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “มาหรือไม่มา ข้ารู้อยู่แล้ว ทุกคนข้านอนกับเข้าหลายครั้ง เจ้าก็ยังไม่มา”
หยวนชิงหลิงโมโหจนกัดฟันแน่น พร้อมกับหันไปมองลู่หยาที่แอบหัวเราะอยู่ จึงหันไปต่อว่าเข้า: “หุบปาก!”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น: “เจ้าตั้งครรภ์จริงๆ แล้วใช่หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงทั้งเขินและโมโห “ไม่มี เมื่อก่อนรอบเดือนข้าก็ไม่มาอยู่แล้ว”
เรื่องนี้ นางเองก็ยังไม่แน่ใจ ในหัวนางไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
หยู่เหวินเห้าร้องขึ้น และพูดอย่างตกใจ: “เจ้ายังไม่มีรอบเดือนหรือ?แล้วเจ้า…..เจ้าอายุขนาดนี้ ยังไม่มีอีกหรือ?”
“สิบเจ็ดสิบแปดยังไม่มาถือว่าปกติ อีกอย่างท่านต่างหากที่แก่ ท่านอายุมากกว่าข้าเท่าไหร่?ยังมีหน้ามาพูดว่าข้าแก?” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดี
ในยุคนี้ตั้งแต่ อายุยี่สิบถึงยี่สิบแปดมาก็ถือว่าปกติ แต่ละคนไม่เหมือนกัน