บทที่ 259 น่าหวาดกลัว

ทั้งสามหันหลังเดินออกไป เฮยหมู่ตานมาส่งถึงประตู “ท่านลิ่งหูค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”

จากนั้นก็ยืนอยู่ตรงประตู มองส่งทั้งสามกลับไปยังห้องพักของพวกเขา

พอปิดประตูกลับมาอยู่ในห้อง สีหน้าสุขุมเยือกเย็นของเฮยหมู่ตานสลายไป ความร้อนใจเข้ามาแทนที่ เดินกลับไปกลับมาด้วยความกระวนกระวาย

ลิ่งหูชิวที่กลับมายังห้องของตนก็เดินกลับไปกลับมาเช่นกัน สุดท้ายค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ทันใดนั้นพลันทุบกำปั้นลงบนโต๊ะดัง ‘ตึง!’ เอ่ยด้วยน้ำเสียงชิงชัง “นังแพศยา! ไม่จำเป็นต้องเดาเลย เป็นฝีมือของนังแพศยาคนนั้นแน่นอน!”

เมื่อไม่มีคนนอกอยู่ด้วย สุดท้ายจึงอดไม่ได้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา

ตอนอยู่ที่ร้านค้าของสำนักเลิศเมฆา เขาไม่สะดวกจะบอกไปว่ามีคนปลอมตัวเป็นคนของสำนักเลิศเมฆา หากดึงสำนักเลิศเมฆาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สำนักเลิศเมฆาต้องตามสืบแน่ว่าเป็นผู้ใดที่แอบอ้างเป็นคนของสำนักเลิศเมฆา ดีไม่ดีจะส่งผลเสียต่อคนของฝ่ายตนเข้า

อีกทั้งไม่สะดวกจะเปิดเผยต่อหน้าเฮยหมู่ตานด้วย ไม่สะดวกจะบอกว่ามีคนประสงค์ร้ายต่อหนิวโหย่วเต้า มิเช่นนั้นอีกฝ่ายต้องสงสัยแน่ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่ามีคนประสงค์ร้ายต่อหนิวโหย่วเต้า

ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่สามารถไปตามหาหนิวโหย่วเต้าได้ เพราะหากไล่ตามไป เกิดไปพบกับคนที่ปองร้ายหนิวโหย่วเต้าเข้า เขาจะสู้หรือไม่สู้ดีเล่า?

เรียกได้ว่ายากจะป้องกันได้จริงๆ เขาคอยจับตามองมาตลอดทาง ไม่คิดเลยว่าจะถูกคนฉวยโอกาสในสถานที่ที่มีโอกาสเกิดเหตุเหนือความคาดหมายน้อยที่สุดเช่นนี้ได้

เขาแค้นใจที่ตนเองประมาทเกินไป หากมิใช่เพราะคิดไปเองว่าอยู่ที่นี่คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น…เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายฉวยโอกาสจากความคิดนี้ของตน

ตอนนี้สิ่งที่เขารู้สึกสงสัยอยู่คือ หนิวโหย่วเต้าที่ถูกล่อออกไปจะเป็นอย่างไรบ้าง?

ทว่าเรื่องนี้เขาทำได้เพียงอดกลั้นไว้ชั่วคราวก่อน ไม่สะดวกลากตัวเฮยหมู่ตานมาสอบถามให้ชัดเจนได้

ตอนนี้ทำได้แค่รอเท่านั้น รอให้ผลลัพธ์สุดท้ายปรากฏออกมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ

รู้ดีว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่กลับไม่อาจปริปากพูดอะไรได้ อดทนจนโทสะสุมเต็มทรวง!

หงซิ่วและหงฝูทราบดีว่านังแพศยาที่เขากล่าวถึงน่าจะเป็นซูจ้าวคนนั้น เหตุผลก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่าทางนี้ได้รับข่าวแล้ว เรื่องบางเรื่องทางนี้ทราบแก่ใจดี

“นังแพศยานั่นทำข้าเสียเรื่อง พวกเจ้าส่งข่าวหาเบื้องบนเดี๋ยวนี้ ต้องมีคำอธิบายให้ข้า!” ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว เรียกได้ว่าแค้นใจจนกัดฟันกรอด

สตรีทั้งสองสบตากันเงียบๆ คำอธิบายหรือ? อีกฝ่ายน่าจะไม่ทราบถึงตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของท่าน แล้วจะอธิบายอย่างไร ให้มอบคำอธิบายต่อท่าน ตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของท่านก็จะถูกเปิดเผย เบื้องบนไม่น่าจะทำเช่นนั้นได้

ทั้งสองทราบดีว่าเขาพูดไปด้วยโทสะ เรื่องนี้ทำได้เพียงรายงานขึ้นไป ส่วนเรื่องมอบคำอธิบายอันใดนั่นไม่มีทางเป็นไปได้ คนที่สามารถเรียกใช้คนของหอจันทร์กระจ่างได้ ไม่มีทางที่จะไร้ที่พึ่งในหอจันทร์กระจ่าง มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเหิมเกริมได้ถึงขนาดนี้

……

นภากว้างดาษหมู่ดาว ทะเลทรายไร้ขอบเขต

เงามนุษย์สองร่างที่ออกห่างจากหอไร้ขอบเขตร่อนลงบนเนินทรายแห่งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่แถบนี้

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ที่นี่หรือ? คนล่ะ?”

“เขาบอกว่าเมื่อเห็นเต้าเหยี่ยย่อมเผยตัวออกมาเอง เวลานี้น่าจะซ่อนตัวสังเกตการณ์อยู่ที่ไหนสักแห่งกระมัง!” เถ้าแก่พานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หนิวโหย่วเต้ายกมือเลิกหมวกคลุมออก เผยใบหน้าออกมา เพื่อให้คนสังเกตการณ์ได้สะดวก

ทว่าความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้เอง ดวงตาของเถ้าแก่พานที่อยู่ด้านข้างสาดประกายวาบขึ้นมา เจตนาสังหารพลันปรากฏ ซัดฝ่ามือไปที่ทรวงอกของหนิวโหย่วเต้าอย่างรุนแรง

ด้วยความเร็วระดับนั้น หนิวโหย่วเต้าไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลย

ร่างกายของหนิวโหย่วเต้าที่ดูคล้ายไม่ทันตั้งตัวขยับขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่ได้หลบเลี่ยงเช่นกัน เสียงกระบี่ดัง ‘ชิ้ง’ แว่วมาจากใต้ผ้าคลุม ประกายเยียบเย็นสายหนึ่งตวัดออกมาจากภายในผ้าคลุมอย่างรวดเร็ว

นี่คือการต่อสู้ที่บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยเถ้าแก่พานก็คิดเช่นนี้

เถ้าแก่พานเองก็ไม่กริ่งเกรงเช่นกัน เหตุผลง่ายๆ ตนเองลงมือโจมตีก่อน ขอเพียงถูกตนซัดฝ่ามือใส่ ถึงทำให้หนิวโหย่วเต้าตายในทันทีไม่ได้ ก็ต้องซัดจนหนิวโหย่วเต้ากระเด็นออกไปได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็คงทำให้หนิวโหย่วเต้าบาดเจ็บสาหัสได้ กระบี่นั้นของหนิวโหย่วเต้าลงมือช้าไป ทำร้ายตนไม่ได้

วินาทีที่ฝ่ามือกระทบเข้ากับหน้าอกของหนิวโหย่วเต้า เถ้าแก่พานที่ดวงตาเจือแววดุร้ายพลันเผยสีหน้าประหลาดใจ ไหวกายหลบอย่างเร่งด่วน

เห็นๆ อยู่ว่าฝ่ามือซัดโดนร่างของหนิวโหย่วเต้าแล้ว ทว่าเขากลับสงสัยว่าตนเองคิดไปเองหรือเปล่า เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนพลังฝ่ามือที่ตนซัดใส่ร่างหนิวโหย่วเต้าถึงได้ดูไร้เรี่ยวแรงเสียอย่างนั้น

ความรู้สึกนั้นเสมือนแม่น้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่งที่เห็นๆ อยู่ว่าสามารถซัดไม้ซุงให้แหลกได้ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าจู่ๆ ไม้ซุงก็กลายร่างเป็นมัจฉาตัวหนึ่ง เมื่อสายน้ำเชี่ยวกรากถาโถมเข้าใส่มัจฉาตัวนั้น มัจฉาตัวนั้นก็พุ่งเข้าสู่สายน้ำเช่นกัน ไม่ว่าสายน้ำจะไหลเชี่ยวเพียงใด สำหรับมัจฉาตัวนี้แล้ว มันยังคงแหวกว่ายไปได้อย่างอิสระ

จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ สภาวะของตนน่าจะสูงกว่าหนิวโหย่วเต้ามิใช่น้อยๆ เลย ห่างชั้นกันถึงหนึ่งระดับเต็มๆ

ทว่าความรู้สึกนี้มันช่างแปลกพิกลนัก ต่อให้เขามีสภาวะที่สูงส่งแค่ไหน แต่ความรู้สึกที่แวบเข้ามาเพียงครู่นี้ก็ทำให้เขาตกใจจนวิญญาณเกือบจะหลุดออกจากร่างได้เช่นกัน ประกายกระบี่สายหนึ่งส่องวาบจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน หมายจะฟันเขาให้ขาดสะพายแล่ง

สภาวะของทั้งสองห่างชั้นกันเกินไป เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายมหาจักรวาลของหนิวโหย่วเต้าไม่สามารถถ่ายเทพลังทั้งหมดของคู่ต่อสู้ออกไปได้ ด้านหลังเกิดลมกระโชกอย่างรุนแรง พัดพาเม็ดทรายให้คละคลุ้งปลิวว่อน ร่างของหนิวโหย่วเต้าถูกกระแทกจนซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว

แต่ถึงแม้นจะเป็นเช่นนี้ มันกลับไม่ได้ทำให้ตัวเขาที่เผยสีหน้าดุร้ายออกมาล้มเลิกการโจมตีด้วยกระบี่นั้นไป

เถ้าแก่พานที่ตั้งตัวได้รีบเบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังช้าไป กระบี่ของอีกฝ่ายโจมตีรวดเร็วและดุดันเป็นอย่างยิ่ง ประกายกระบี่ฟันถูกร่างเขาจนโลหิตสาดกระเซ็นออกมา แขนข้างหนึ่งและหัวไหล่ครึ่งหนึ่งแยกออกจากร่างของเขา ลอยละลิ่วออกไปภายใต้แสงจันทร์พร้อมกับโลหิตที่สาดกระจาย

ตัวคนพร้อมด้วยโลหิตหมุนคว้างกลางอากาศ หลบเลี่ยงการโจมตีที่อันตรายถึงแก่ชีวิตไปได้ ประกายกระบี่ที่เฉือนผ่านหัวไหล่ของเขาเฉียดผ่านแก้มของเขาไป เกือบจะเฉือนศีรษะของเขาออกไปครึ่งหนึ่ง

หนิวโหย่วเต้าที่ตวัดกระบี่ออกไปเซถอยหลังไปหลายก้าว ถอยเข้าไปอยู่ท่ามกลางพายุทรายที่พัดโหมอยู่ด้านหลัง

เถ้าแก่พานที่หัวไหล่มีเลือดไหลทะลักตกลงพื้นพลางโซซัดโซเซถอยหลัง สีหน้าซีดเผือดลงในทันใด ร่างกายส่ายโงนเงน ยื่นมือไปสกัดจุดตรงหัวไหล่อย่างรวดเร็ว

ปากแผลใหญ่เกินไป หัวไหล่หายไปเกือบครึ่ง ถึงสกัดจุดก็ยากจะห้ามโลหิตได้ ทำได้เพียงสกัดไม่ให้โลหิตไหลทะลักออกมาเท่านั้น ทว่าโลหิตที่ไหลทะลักออกมาจากช่วงอกกลับยากจะสกัดไว้ได้ เขาพยายามใช้พลังสะกดไว้อย่างสุดความสามารถ ถึงจะสกัดไม่ให้โลหิตไหลทะลักออกมาข้างนอกอีกได้

ฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายตกลงพื้นอย่างรวดเร็ว ส่วนละอองฝุ่นเล็กๆ นั้นลอยไปตามลม เผยให้เห็นเงาร่างที่ถอยเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝุ่นทราย เม็ดทรายที่ร่วงตกลงมาดูราวกับหยาดฝนที่พร่างพรมลงบนร่างของเขา

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในผ้าคลุมสีดำถือกระบี่ไว้ในมือ สีหน้าเย็นชา ผ้าคลุมที่แหวกกลางพริ้วไหวอยู่ท่ามกลางสายลม ดูเย็นชาน่าหวาดกลัว!

แสงจันทร์ขับเน้นให้ท้องทะเลทรายดูลึกลับ

เนินทรายสูงๆ ต่ำๆ เหมือนระลอกคลื่น ที่สูงก็เหมือนคลื่นทะเล ที่ต่ำกลับเหมือนเงามืด มีคลื่นอยู่ทุกแห่งหน มีเงามืดอยู่ทุกหนแห่ง ช่างแปลกประหลาด

หลังจากเสียงพายุสงบลง รอบข้างเงียบสงัด เหลือเพียงเสียงสายลม

หนิวโหย่วเต้าชูกระบี่ที่ถือไว้ในมือขึ้น จ่อชี้ไปที่อีกฝ่าย ตั้งคำถามด้วยกระบี่!

แรกเริ่มเขายังนึกว่าอย่างมากอีกฝ่ายก็คงถูกคนอื่นหลอกใช้โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ อีกฝ่ายจะลงมือโจมตีเขา คิดไม่ถึงว่าจะลอบโจมตีเขา นี่เท่ากับเป็นการทรยศต่อสำนัก

โชคดีที่ตนเตรียมพร้อมระวังภัยอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา มิเช่นนั้นฝ่ามือที่ซัดมาเมื่อครู่คงปลิดชีพตนไปแล้ว!

ในเสี้ยวพริบตาเมื่อครู่นี้ เรื่องราวเกิดขึ้นโดยไร้ซึ่งสัญญาณเตือนใดๆ อันตรายเป็นอย่างยิ่ง!

ทั้งสองคนยืนอยู่บนเนินทราย คนหนึ่งไอสังหารพลุ่งพล่าน อีกคนยืนหลังค่อมกุมหัวไหล่ส่วนที่ขาดไป

เถ้าแก่พานหัวเราะเฮอะๆ ด้วยสีหน้าที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกเย้ยหยันตัวเองอยู่หลายส่วน “ได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของหนิวโหย่วเต้าผู้สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนมานานแล้ว วันนี้พบแล้วว่าไม่ผิดไปจากคำร่ำลือเลย มีฝีมือขนาดนี้ มิน่าล่ะ เป็นข้าที่ประเมินเจ้าต่ำไป เพียงแต่กระบวนท่านี้ของเจ้าไม่คล้ายว่าจะมาจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์นะ ”

หนิวโหย่วเต้าพลันตวัดกระบี่ฟันไปทีหนึ่ง ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ฟันเข้าใส่อีกฝ่าย

เถ้าแก่พานซัดหมัดออกไปทันที ตูม! พลังหมัดสายหนึ่งระเบิดปราณกระบี่ที่ฟันเข้ามา แต่ก็ทำให้โลหิตที่มาจากในหน้าอกไหลทะลักออกมาอีก จากนั้นเขาก็ใช้พลังสะกดเอาไว้อีกครั้ง

กระบี่ที่อยู่ในมือหนิวโหย่วเต้าชี้ไปที่หัวไหล่ของเขา “มาจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือไม่ไม่สำคัญ ปัญหาคือเจ้าบาดเจ็บสาหัส สู้ข้าไม่ได้แล้ว หากสู้ต่อไป ไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือ แมงป่องทรายในทะเลทรายแห่งนี้ก็สามารถเอาชีวิตเจ้าได้ พูดมา ผู้ใดบงการเจ้า หากบอกมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

เถ้าแก่พานหัวเราะเฮอะๆ “ไว้ชีวิตข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าสู้ต่อไม่ได้แล้ว แต่หากข้าต้องการจากไป ด้วยความเร็วของเจ้าก็ขวางข้าไว้ไม่ได้เช่นกัน! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือเลย” ระหว่างที่พูดก็หันไปมองทางด้านข้าง

หนิวโหย่วเต้าเหลือบมองตาม เห็นเงาร่างมนุษย์ห้าร่างเหินร่อนลงบนเนินทรายที่อยู่ไม่ไกลนัก

ทั้งห้าจ้องมองมาที่นี่ ผู้นำกลุ่มคือชายร่างผอมสูงที่แอบอยู่ในหอที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงโรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์ก่อนหน้านี้

ภาพเหตุการณ์ที่ทั้งสองปะทะกันก่อนหน้านี้ทำให้ทั้งห้าคนค่อนข้างประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่พานพลาดท่าเสียแล้ว เถ้าแก่พานผู้นี้เป็นถึงยอดฝีมือระดับโอสถทอง เหตุใดจึงพ่ายหนิวโหย่วเต้าได้?

“หนิวโหย่วเต้า ตอนนี้เจ้าลองพูดอีกทีสิ เป็นผู้ใดที่ต้องไว้ชีวิตผู้ใดกันแน่?” เถ้าแก่พานถามด้วยรอยยิ้ม

หนิวโหย่วเต้าย้อนถาม “กลายเป็นคนพิการแล้วมีอารมณ์ขันนักหรือ?”

รอยยิ้มของเถ้าแก่พานพลันหดหายไปทันที ดวงตาฉายแววขมขื่นยากจะบรรยาย ทว่าสีหน้ากลับดุดันโหดเหี้ยม “ก็ยังดีกว่าตาย!”

“ข้ารับรองได้ เจ้าหนีไม่รอดแน่!” หนิวโหย่วเต้าตอบด้วยสีหน้าสุขุมเยือกเย็น พลันเงยหน้าโคจรพลัง เปล่งเสียงร้องที่คล้ายเสียงหอนของหมาป่า “อาวู้ว….”

ทันทีที่เสียงหอนดังขึ้น สีหน้าของเถ้าแก่พานพลันแปรเปลี่ยน เมื่อเชื่อมโยงเข้ากับคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

คนทั้งห้าที่กำลังรู้สึกตกใจระคนสงสัยก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน เคลื่อนตัวออกมาทันที พุ่งเข้ามาทางนี้

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่บนเนินทรายตวัดกระบี่ ซัดปราณกระบี่สายหนึ่งออกไปขวางเอาไว้ จากนั้นก็ย่อตัวแล้วทะยานขึ้นมา หลบหนีเข้าไปสู่ส่วนลึกของทะเลทราย

เกิดเสียงดังตูมๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งห้าคนทำลายปราณกระบี่ที่ฟันเข้ามา ในเวลาเดียวกับที่ร่อนลงบนเนินทรายสูง ด้านหลังก็มีเสียงหอนดังสลับกันอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังตอบรับเสียงหอนที่หนิวโหย่วเต้าเปล่งออกไป

ทั้งห้าคนหันไปมองเล็กน้อย เห็นเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาอย่างเร่งร้อน มองจากความเร็วในการเคลื่อนที่แล้ว สภาวะล้วนมิได้ต่ำต้อย

สีหน้าของทั้งห้าคนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย สถานการณ์นี้ไม่ค่อยปกติ ตามข้อมูลที่ได้รับมา ตลอดการเดินทางพวกหนิวโหย่วเต้าเดินทางมากันแค่นั้น ไฉนจู่ๆ ถึงมียอดฝีมือเหล่านี้โผล่ออกมาได้?

ไม่เพียงแต่จะมีคนมาเท่านั้น แต่ยังเริ่มมีแมงป่องทรายคลานไต่เข้ามาอย่างรวดเร็วจากรอบด้านแล้วด้วย ดูเหมือนจะได้กลิ่นคาวเลือด กำลังมุ่งหน้ามารวมตัวกันทางนี้

“ทิ้งคนไว้คุ้มกันเขากลับไปคนหนึ่ง! คนที่เหลือตามข้าไล่ตามหนิวโหย่วเต้า” ชายผอมสูงตะโกน โบกมือคราหนึ่ง พาอีกสามคนทะยานออกไป ไล่ล่าสังหารหนิวโหย่วเต้าต่อ

“ไอ้เด็กนั่นค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ระวังด้วย!” เถ้าแก่พานตะโกนบอก ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกคนที่รับหน้าที่คุ้มกันคว้าแขนเอาไว้ พาเหินทะยานออกไปยังด้านหนึ่ง

ผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองทั้งสิบห้าคนจากสามสำนักพลันแยกตัวออกไปห้าคน ไล่ตามทิศทางที่สองคนนั้นหลบหนีไป

สองคนที่หลบหนีหันกลับมามองเล็กน้อย ลอบโอดครวญขึ้นมาในใจทันที

ชายผอมสูงที่ตามล่าสังหารหนิวโหย่วเต้าหันกลับไปมอง รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ค่อนข้างผิดปกติ คิดไม่ถึงว่าผู้มาเยือนจะไม่แยแสความเป็นความตายของหนิวโหย่วเต้า ยังแบ่งกำลังไปไล่ตามคนอีกหรือ?

สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา

ทว่าตอนนี้ต่อให้อยากตอบโต้กลับแค่ไหนก็ทำไม่ได้ หากถูกคนเหล่านั้นตามพัวพัน หนิวโหย่วเต้าจะต้องหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแน่ พอถึงเวลานั้น หากคิดจะตามหาตัวหนิวโหย่วเต้าในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลในเวลากลางดึกเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทรเลย

ภารกิจที่พวกเขาได้รับคือกำจัดหนิวโหย่วเต้า ทั้งสี่จึงทำได้เพียงจับตามองและไล่ตามหนิวโหย่วเต้าที่เร่งหลบหนีอยู่ไกลๆ ต่อไป

สิบยอดฝีมือจากสามสำนักที่อยู่ด้านหลังก็เร่งไล่ตามหลังพวกเขามาเช่นกัน

………………………………………………………….