ตอนที่ 205 แม่นางชิงคือหมอปีศาจ

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

บทที่ 205 แม่นางชิงคือหมอปีศาจ

ท่านหมอเริ่นตกใจเป็นอย่างมาก ชายชรารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้นั้นเร่งด่วนเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นลูกศิษย์ของเขาเองก็คงไม่พาคนเข้ามาในช่วงเวลาเช่นนี้หรอก

เวลานั้นเขาได้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และประสานมือคารวะต่อเย่ซิวตู๋ อัครเสนาบดีและเวยหย่วนโหว “ท่านอ๋อง สถานการณ์ของเด็กผู้นี้ซับซ้อนนัก เป็นไปได้ไหมถ้าชายชราผู้นี้จะขอหยุดการประลองไว้แล้วดูอาการของเด็กผู้นี้ก่อน…”

ก่อนที่เย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ จะพยักหน้า ท่านหมอเสิ่นที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ได้ก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่งมาอยู่ข้างท่านหมอเริ่น พร้อมกับเอ่ยรัวเร็ว “อาการของเด็กคนนี้น่าเป็นห่วงถึงชีวิต ดังนั้นต้องช่วยชีวิตของเขาก่อน ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปนักที่จะเริ่มการประลองใหม่อีกครั้งหลังช่วยชีวิตเด็กคนนี้ได้แล้ว”

กล่าวเสร็จท่านหมอเสิ่นก็ผลักหมอเจียงออกไป และอุ้มเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวออกมา เขาได้หันไปมองบนลานประลองไม่กี่ครั้งก่อนที่จะวางเด็กผู้นั้นไว้บนโต๊ะ

ขนาดโต๊ะอันนั้นก็ไม่ได้ต่างจากโต๊ะหนังสือของคนทั่วไปเท่าไหร่นัก มันจึงมีขนาดพอให้ร่างกายของเด็กน้อยที่อายุประมาณสามสี่ขวบนอนอยู่บนนั้น

อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หญิงสาวไม่ได้ทันคิดว่าจู่ๆ ท่านหมอเสิ่นจะมีท่าทางกระตือรือร้นได้ถึงเช่นนี้ เมื่อมองดูแล้วช่างมีความเมตตาของผู้เป็นแพทย์เสียจริง แม้แต่ผู้คนมากมายในโรงเตี๊ยมต่างก็ยื่นหน้าออกมาดู และเริ่มเปลี่ยนความคิดไปในทางชื่นชมหมอปีศาจที่ไม่สนใจมารยาทเพียงเพื่อความปลอดภัยของเด็กน้อย

เย่ซิวตู๋หยุดเคาะที่รองแขนเก้าอี้ไปพักหนึ่ง และมองดูเวยหย่วนโหวที่อยู่ทางด้านข้าง

แต่เมื่อครู่นั้นเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเวยหย่วนโหวผู้นี้ส่งสัญญาณให้กับท่านเสิ่น

เกรงว่าท่านหมอเสิ่นจะไม่ได้มีความห่วงใยที่จะเข้าไปช่วยชีวิตเด็กคนนี้จริง ๆ น่าจะเป็นเพราะเมื่อสักครู่คนเองนั้นเล่นไม่ซื่อและได้สร้างความไม่ประทับใจต่อ

เย่ซิวตู๋ทายไว้ไม่มีผิด ท่านหมอเสิ่นผู้นี้เป็นคนเย่อหยิ่ง และในปัจจุบันเขาก็มือชื่อเสียงต่อหน้าพระสนม หลังจากที่เขาพยายามเข้าไปรักษาให้กับราชวงศ์ จะสามารถมาช่วยเด็กธรรมดาที่เสื้อผ้าหน้าตามอมแมมได้เช่นไรกัน?

เมื่อครู่เขาเองก็เกือบที่จะบอกให้กับท่านหมอเริ่นเริ่มการประลองรอบที่สอง เพราะไม่ต้องการที่จะเสียเวลาอันมีค่าของตน

เพียงแต่เวยหย่วนโหวกลับส่งสัญญาณให้กับตนนั้นไปช่วยเด็กคนนั้นก่อน เช่นนี้จึงสามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้คนได้ เมื่อรอให้ถึงการประลองรอบที่สองและสาม จะส่งผลดีต่อสถานการณ์ของชายชราคนนี้เป็นธรรมดา

เช่นนี้ก้ไม่ได้ถือว่าผิด การสนับสนุนของมวลชนก็เป็นสิ่งที่สำคัญ

ท่านหมอเสิ่นสงบสติลง เขาแอบมองเวยหย่วนโหว จึงก้มหน้าลงไปมองสีหน้าของเด็กผู้นั้นและจับชีพจรของเขา

ในเรื่องที่จู่ ๆ เด็กคนนี้ก็เข้ามาอย่างกระทันหันนั้น ทุก ๆ คนต่างก็รู้สึกว่ามันน่าประหลาด แต่ทั้งหมดก็สงบลง

ถึงอย่างไรท่านหมอเจียงก็ไม่สามารถรักษาได้ ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ท่านหมอเริ่นเท่านั้น หมอปีศาจเองก็อยู่เช่นกัน คิดดูแล้วเด็กผู้นี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว

เช่นนี้แล้วแต่ละคนต่างก็หันไปปลอบแม่ของเด็กผู้นั้น เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ค่อย ๆ สบายใจขึ้นมา และเดินขึ้นไปบนลานประลองอย่างระมัดระวังและไม่กล้าแม้แต่ที่จะส่งเสียงรบกวนท่านหมอเสิ่น นางเพียงแค่หวังว่าลูกของตนจะปลอดภัยเพียงเท่านั้น

แต่ทว่า…

หลังจากที่ท่านหมอเสิ่นจับชีพจรให้เด็กน้อยเสร็จ ชายชราก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา ใบหน้าของเขาดูซับซ้อนและนิ่งเงียบไปนาน

หญิงสาวผู้เป็นมารดาเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา จึงได้รีบถามออกไป “ท่านหมอ ลูกของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

“เด็กผู้นี้…หมดหนทางที่จะช่วยแล้ว”

“อะไรนะ?” หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก นางได้ทรุดตัวลงกับพื้นและจ้องมองไปที่เด็กด้วยสีหน้าดําคร่ำเครียด เมื่อผ่านไปสักพัก จู่ ๆ นางก็เข้าไปกอดขาของท่านหมอเสิ่นและร้องไห้คร่ำครวญ “ท่านหมอ ได้โปรดช่วยเด็กคนนี้ด้วย ท่านหมอ ข้าขอร้องท่านล่ะ ข้าเองก็มีแค่เด็กคนนี้ ท่านช่วยเขาเถอะ ข้ากราบท่านล่ะ… ”

ว่าพลางหญิงคนนั้นก็คุกเข่าลงไปจริง ๆ และเริ่มคำนับขึ้นมา

เสียงร้องฮือฮาดังก้องไปทั่วทั้งโรงเตี๊ยม จนทำให้คนอื่น ๆ ต่างก็จับจ้องไปมองที่นางด้วยความเห็นใจ แต่ถึงอย่างไรแล้ว หากแม้แต่หมอปีศาจเองก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้แล้วผู้ใดยังจะสามารถช่วยได้อีก?

ท่านหมอเสิ่นต้องการจะแงะมือของนางออกจากขาของตน แต่นางกลับกอดเขาไว้แน่น แม้แต่จะถอยไปสักก้าวก็ยังไม่สามารถทำได้ เวลานั้นไม่เพียงแต่ไม่จำเป็นใช้แรงให้นางออกไป เขายังทำได้เพียงขมวดคิ้วและสั่นขาเท่านั้น

ท่านหมอเริ่นมองดูสถานการณ์ จึงรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้ววางมือไว้บนตัวเด็ก ชายชราขมวดคิ้วและแววตาก็เปี่ยมไปด้วยความเสียใจ

เกิด แก่ เจ็บและตายคือเรื่องปกติของคน แต่การเห็นเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตต่อหน้าเขาเช่นนี้ ก็ยังทำให้ท่านหมอเริ่นเองก็ทนไม่ไหว

“ อา อ่า…หื้อ…” เวลานี้ จู่ ๆ เด็กน้อยบนโต๊ะก็ตัวสั่นขึ้นมา และมีฟองสีขาวไหลออกมาจากปาก ตามมาด้วยเลือดสีดำคล้ำไหลออกมาเต็มปาก

หญิงสาวตกใจมากจึงรีบปล่อยมือ แล้วรีบปรี่เข้าไปหาลูกของตน “หงเอ๋อร์ หงเอ๋อร์ เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? เจ้าฟื้นสิ อย่าตายนะ”

ทันทีทที่ขาทั้งสองข้างของท่านหมอเสิ่นเป็นอิสระ ชายชราจึงรีบถอยออกมาสองก้าว เข้าโบกมือทำท่าทางที่ตนนั้นก็หมดหนทางเช่นกัน และจึงได้เอ่ยขึ้นกับหญิงสาว “ฮูหยิน เจ้าโปรดทำใจเถิด นี่เป็นชะตาของเด็กน้อย เจ้ารีบไปจัดการเรื่องงานศพของเขาเถอะ”

“เด็กยังไม่ตาย จะให้เตรียมสิ่งใด?” อวี้ชิงลั่วเข้ามาผลักท่านหมอเสิ่นออกไป และก้มลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา และตบหลังของเขาซ้ำ ๆ ดวงตาของเด็กน้อยเบิกโพลง และอาเจียนโลหิตสีดำคล้ำออกมา

หญิงสาวผู้เป็นแม่ตกใจเป็นอย่างมาก จู่ ๆ เด็กน้อยก็ถูกอุ้มไปจากอ้อมแขน นางตื่นตระหนกเป็นอย่างมากจนเผลอยื่นมือไปคว้าโดยไม่รู้ตัว

โชคดีที่ท่านหมอเริ่นที่ยื่นอยู่ข้าง ๆ ดึงนางเอาไว้ ชายชราเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ฮูหยินอย่าได้ร้อนรน ให้แม่นางดูอาการก่อน แม่นางท่านนี้ก็เป็นหมอเช่นกัน”

ชายชรารู้สึกว่าแม่นางชิงนั้นมีสีหน้าที่สงบนิ่ง ดูราวกับว่าอะไรก็ไม่สามารถรั้งนางได้ บางทีในใจของนางอาจจะมีวิธีการช่วยเด็กผู้นี้ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ท่านหมอเสิ่นที่ถูกอวี้ชิงลั่วผลักอีกนิดก็จะพุ่งลงบันไดไปแล้ว ตอนนั้นเขาโกรธอวี้ชิงลั่วเป็นอย่างมาก “เจ้าจะทำอะไรน่ะ? อาการของเด็กผู้นี้สาหัสขนาดนี้เจ้ายังจะทรมานเขาอีก เจ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือไม่?”

ว่าพลางชายชราก็เดินเข้าไปคว้าเด็กผู้นั้นออกมา

เย่ซิวตู๋ส่งสัญญาณให้กับโม่เสียน หลังจากที่โม่เสียนรับรู้ ชายหนุ่มก็ขึ้นไปขวางท่านหมอเสิ่นบนลานประลองทันที และเอ่ยขึ้นอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ “ท่านเสิ่นกรุณาอย่าพึ่งรบกวนการรักษาของแม่นางชิง”

อวี้ชิงลั่วอุ้มเด็กน้อยมาที่ฝั่งของโต๊ะทางด้านของตน เพราะกลัวว่าท่านหมอเสิ่นจะมารบกวนนาง

หลังจากนั้นนางก็ปลดกระเป๋าใบเล็กออกตัว นี่คือถุงอุปกรณ์การแพทย์ที่นางพกติดตัวมาโดยตลอด ด้านในมีเครื่องมือการแพทย์พิเศษที่ทำให้การรักษาสะดวกสบายขึ้นหลายชิ้นที่ตนนั้นไหว้วานให้คนทำขึ้นมาให้

นางไม่รอช้าอีกต่อไป คลี่ถุงอุปกรณ์ออกและกางออกบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ก่อนดึงเข็มออกมาจากช่องตรงกลาง

ผู้ใดจะทราบได้ว่ายังไม่รอให้นางลงมือทำอะไรมากมาย จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนออกมาจากห้องจากบริเวณชั้นสอง “นางคือหมอปีศาจ แม่นางชิงคือหมอปีศาจ ถุงอุปกรณ์แพทย์นี้ข้าเคยเห็นมาก่อน เป็นของหมอปีศาจ ไม่มีผู้ใดเหมือน และในใต้หล้านี้มีเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ใครคือเอฟซีหมอปีศาจที่ตะโกนมาจากชั้นสองกันนะ

ไหหม่า(海馬)