ตอนที่ 285 นายหญิงตระกูลฉู่

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 285 นายหญิงตระกูลฉู่

ตอนที่ 285 นายหญิงตระกูลฉู่

ในเรื่องการสังหารคน เหลยสิงเก่งกาจที่สุด และเขาแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่มีภาระทางจิตใจ

ซูเถามองไปที่ร่างของชายคนนั้นและตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง มันดูจะง่ายไปหน่อยสำหรับเขาที่ตายไปอย่างรวดเร็ว

เหลยสิงถาม “แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ”

ซูเถากล่าวว่า “เก็บเธอไว้ก่อน เผื่อพิกัดที่เขาบอกเกิดความผิดพลาด เธอก็ยังมีประโยชน์”

สุดท้ายเหลยสิงก็เรียกหั่วเสอมาเพื่อทำการจุดไฟเผาร่างของชายคนนั้นเป็นเถ้าถ่านโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้

ซูเถาตัดสินใจให้สวีฉีพาคนไปทางเหนือเพื่อนำร่างของเจียงถงกลับมาหลังจากการประชุมสุดยอดพันธมิตรสิ้นสุดลง

เธอสัญญากับเจียงอวี่ว่าเธอจะดูแลน้องสาวของเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เธอได้ยินเจียงอวี่พูดออกมาว่า “ผมไม่เชื่อว่าเธอตายแล้ว”

ซูเถาไม่รู้จะตอบเขายังไงดี

“ผมอยากไปหาเธอด้วยตัวเอง ได้ไหม?”

ซูเถาถอนหายใจ “ถ้าคุณอยากไปด้วยตัวเองฉันก็ไม่มีปัญหา แต่คุณต้องเตรียมใจ”

คนสองคนนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะโกหก เพราะพวกเขาทั้งคู่เห็นร่างของเจียงถง และไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะยังมีชีวิตอยู่

เจียงอวี่เงียบไปเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดอย่างสั่นเทา “ผมรู้”

“งั้นตกลง ถ้าอย่างนั้นคุณไปกับพวกของสวีฉี ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน”

ถ้าจะบอกว่าเขาไม่กังวลเลยก็คงจะเป็นการโกหก หลังจากทำงานกันมานาน เจียงอวี่ได้ปกป้องเธอและตามติดเธอเป็นเงาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ เขาปฏิบัติต่อเธอในฐานะเพื่อนหรือแม้แต่ในฐานะน้องสาวคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ห่วงความปลอดภัยของเธอ”

“ผมจะหาคนมารับช่วงต่อและปกป้องคุณก่อนที่ผมจะไป”

ซูเถาโบกมือ “คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูแลตัวเองดี ๆ เถอะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอด”

เจียงอวี่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ เขาไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกของเขาออกมายังไง แต่แค่รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ

……

คิวสำหรับเข้าฐานซินตูนั้นยาวมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาช้าจนเกินไป แต่อย่างไรเสีย ในขณะนี้พวกเขาจะต้องต่อคิวจนพระอาทิตย์ตกดิน

ทีมของตงหยางตามหลังพวกของซูเถามา คาดว่าในวันพรุ่งนี้เช้าพวกเขาก็ไม่น่าจะเดินทางมาถึง เธอคาดว่าขบวนจะยาวเป็นสองเท่าในเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งแย่มาก

หลายคนที่รอต่อแถวมีความวิตกกังวลอย่างมาก และถึงขั้นเกิดการทะเลาะวิวาทกันหลายครั้ง

เดิมทีซูเถาคิดว่าเธอจะต้องนอนเพื่อฆ่าเวลาการต่อคิวยาวแบบนี้

แต่คิดไม่ถึงว่ามีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบหลายคนรีบวิ่งเข้ามาหาพวกเขาและถามว่าใครคือหัวหน้าสวี่ฉาง พร้อมกับแสดงท่าทีอย่างเคารพนับถือ

เหลยสิงซึ่งยืนอยู่ข้างรถบ้านได้ยินดังนั้นก็เดาะลิ้นของเขาและพูดเสียงดัง

“ทางนี้ ทางนี้ มีช่องทางพิเศษใช่ไหม”

เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบพูดว่า “ใช่ หัวหน้าสวี่อยู่ที่นี่ใช่ไหม พวกเรามารับท่าน รถอยู่ด้านหลังนู้น จะมาถึงในไม่ช้า”

สวี่ฉางยังคงลังเลเล็กน้อยที่จะลงจากรถ แต่ในเมื่อทุกคนมารับเขา เขาก็เกรงใจเกินกว่าจะยื้อเวลาเอาไว้

เพื่อขอบคุณซูเถาที่เชิญเขาเดินทางมาด้วยกัน เขาจึงบอกกับเจ้าหน้าที่ที่มาเยือนว่า

“คนเหล่านี้เดินทางมากับฉัน จัดช่องทางพิเศษให้พวกเขาเข้าไปด้านในด้วย”

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นตกลงทันที

ระดับหัวหน้าจากฉางจิง ไม่ว่าใครที่ร่วมเดินทางมากับเขา ก็ไม่จำเป็นต้องมารอต่อคิว ต้องให้เกียรติพวกเขาทุกคน

ดังนั้นซูเถาและพวก จึงได้รับประโยชน์จากความกรุณาของหัวหน้าสวี่ ได้ผ่านช่องทางพิเศษตรงเข้าไปในเขตผ่านประตูที่อยู่ด้านข้าง

เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้คนที่ยังคงรอเข้าแถวอยู่ต่างก็อิจฉา

“คนเหล่านี้มาจากฐานไหน? ถึงได้รับสิทธิ์ให้ผ่านช่องทางพิเศษ”

“น่าจะเป็นคนจากฉางจิง”

“ไม่น่านะ ปีนี้คนจากฉางจิงมากันเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ ฉันเห็นว่ามีรถหลายคันเลยนะ”

หน้าต่างของรถออฟโรดสีดำลดกระจกลง เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่ง

แม้ว่าใบหน้าของเธองจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่เมื่อมองรวม ๆ แล้วเธอมีความสดใสและมีเสน่ห์

“คนที่ตามเข้าไปในช่องทางพิเศษคือใคร” เธอถามผู้ช่วยที่นั่งอยู่ในที่คนขับ

ผู้ช่วยตอบว่า “พี่หมิง คนที่ตามมาน่าจะเป็นคนจากเป้าถู ปีนี้ฉางจิงจ้างพวกเขาให้ไปทำการคุ้มกันหัวหน้าสวี่”

ฉู่หมิงขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องย้ำเตือนฉัน ฉันจำรถที่ทรุดโทรมของเหลยสิงได้ ฉันหมายถึงรถสองสามคันสุดท้าย โดยเฉพาะรถบ้านนั่น”

ผู้ช่วยคนนี้จะไปรู้ได้ยังไงกัน

ฉู่หมิงฝากความหวังไว้ที่เธอไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงโทรหาเหลยสิงโดยตรง

เหลยสิงที่กำลังคุยกับหัวหน้าสวี่ในรถ

เมื่อสวี่ฉางได้ยินเสียงเรียกเข้า ก็ส่งสัญญาณให้เขารับโทรศัพท์ก่อน

เหลยสิงรับสายโดยไม่หลีกเลี่ยงหัวหน้าสวี่ และพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี

“มีธุระอะไรเหรอ นายหญิง”

“ถ้าไม่มีธุระฉันโทรหานายไม่ได้หรือไง ฉันถามนายหน่อยว่าคนที่นั่งอยู่ในรถคันข้างหลังนายเป็นใคร”

ฉู่หมิงเป็นลูกสาวของตระกูลฉู่

ตระกูลฉู่เป็นที่นับถืออย่างมากในแวดวงทหารรับจ้าง

ก่อนวันสิ้นโลก ครอบครัวของเธอเป็นผู้ฝึกเทควันโด และพ่อของเธอเป็นทหารผ่านศึก

เธอรับอิทธิพลจากครอบครัวที่สนับสนุนการใช้ศิลปะการต่อสู้ ฉู่หมิงสามารถล้มเด็กชายวัยเดียวกันบนพื้นได้ตั้งแต่เธอยังเด็ก และได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับชาติเมื่อเธอยังเป็นวัยรุ่นและได้รับรางวัลมากมาย

หลังจากวันสิ้นโลกมาถึง พ่อแม่และพี่ชายของเธอได้ไปคัดเลือกกลุ่มคนตามชายฝั่งตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อฝึกพวกเขาให้เป็นผู้มีฝีมือในการต่อสู้

คนร่ำรวยในวันสิ้นโลกจะติดต่อพวกเขาและจ้างคนเหล่านี้เพื่อให้ช่วยปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยหากต้องการออกไปข้างนอก

ทหารรับจ้างมืออาชีพกลุ่มแรกมาจากตระกูลฉู่

ตระกูลฉู่มีการพัฒนามายี่สิบปีแล้ว และบารมีของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

หลายคนที่ผันตัวมาเป็นทหารรับจ้างและได้พบวิธีเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลกต่างก็รู้สึกขอบคุณตระกูลฉู่มาก

เป็นผลให้มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มาพึ่งพาบารมีตระกูลฉู่ ทำให้ตระกูลฉู่นี้วุ่นวายไปพักใหญ่

ฉู่หมิงสามารถแก้ปัญหานี้ได้ตั้งแต่เธอยังเด็ก เมื่อเธออายุ 25-26 เธอตัดสินใจบริหารคนเดียวและตั้งทีมทหารรับจ้างของเธอเอง และสาบานว่าจะสร้างทีมทหารรับจ้างที่รู้จักกันในชื่ออันดับหนึ่งของโลก และไม่มีภารกิจใดที่จะสำเร็จไม่ได้

ฉู่หมิงพัฒนาจากรากฐานที่ครอบครัวของเธอวางไว้ให้ และทำให้มันเติบโตเร็วกว่าคนอื่น ในเวลาไม่ถึงสามปีเธอมีคนมากกว่าร้อยคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติในมือของเธอ

ในบรรดาร้อยคน แทบไม่มีผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่อ่อนแอเลย ซึ่งสำหรับฐานระดับสามทั่วไปอาจไม่มีผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติมากมายอยู่ในมือมากเท่าเธอ

แน่นอนว่า 80% ของคนที่นี่ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวของเธอ เพื่อมาทำการสนับสนุนเธอ

ซึ่งเธอรู้แต่วิธีการโจมตี แต่ไม่รู้วิธีการบริหารคน หลังจากบริหารมาได้ 5-6 ปีก็แทบจะไม่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมา

ในตอนแรกเธอและเหลยสิงมีความขัดแย้งกันมากมาย

แม้ว่าเธอจะมีความภาคภูมิใจกับคนหลายร้อยคนในมือของเธอ แต่ผลงานของพวกเขาก็ไม่ดีเท่ากับคน 14 คนของเหลยสิง

คนในวงการเยาะเย้ยเธอนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่พ่อของเธอก็ยังถากถางที่เลี้ยงลูกสาวไร้ประโยชน์เอาไว้ ซึ่งไม่เหมือนเขาเลย

ฉู่หมิงโกรธมากที่เธอพบปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเหลยสิง เธออยากจะปราบปรามกลุ่มเป้าถูนี้ให้ได้

แต่ใครจะไปรู้ว่าเหลยสิงไม่เคยเดินตามเกมของเธอเลย เขาไม่สนใจว่าเธอจะเป็นลูกสาวของใคร เขาไม่เคยยอมแพ้หรือก้มหัวให้เธอ และไม่ได้ให้เกียรติยกย่องตระกูลฉู่แม้แต่น้อย

ต่อมาเขาถึงกับประกาศสงครามกับเธออย่างเปิดเผย ขวางประตูบ้านตระกูลฉู่ โดยขู่ว่าให้ออกมาปะลองกับเขาตัวต่อตัวหากมีความสามารถและเป็นลูกผู้ชายพอ อย่ามาใช้วิธีสกปรกกับเขา

ฉู่หมิงโกรธมากที่ เธอเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ลูกผู้ชาย

แต่สุดท้าย เธอก็ถูกพ่อของเธอด่าซะเละ และกดดันให้เธอขอโทษเหลยสิง

เหลยสิงไม่สุภาพ และยอมรับคำขอโทษอย่างไม่เต็มใจ

หลังจากเหลยสิงจากไป พ่อของเธอพูดอย่างจริงจังว่า

“เขามีความสามารถมาก เขาไม่เคยเข้ามาพึ่งพาตระกูลฉู่ของเรา เขาสามารถทำลายสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แกจะไปต่อสู้กับเขาทำไม ทำไมไม่เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนของตระกูลฉู่ล่ะ อีกหน่อยด้วยความเก่งกาจของเขา ก็จะไม่มีใครมาดูถูกแกได้อีก”

ให้เหลยสิงมาเป็นคนของตระกูลฉู่?

ฉู่หมิงตระหนักขึ้นมาได้

แทนที่จะให้เขากลายเป็นคนของตระกูลฉู่ เธอทำให้เขากลายเป็นผู้ชายของฉู่หมิงไม่ดีกว่าเหรอ!