ตอนที่ 227

My Disciples Are All Villains

บนรถม้าล่องเมฆา

ลู่โจวในตอนนี้กำลังมองลงไปที่แท่นบูชาหลักในขณะที่เอามือไขว้หลังเอาไว้

“ท่านอาจารย์ ม่านพลังของแท่นบูชาได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ยอดฝีมือทั้งเจ็ดของสำนักแห่งความบริสุทธิ์เองก็ถูกเผาไปแล้วเช่นกัน” ต้วนมู่เฉิงมองไปรอบๆ แท่นบูชาหลักแห่งนี้

“นั่นมันรถม้าของสำนักอเวจี! ” หยวนเอ๋อได้อุทานออกมาก่อนที่จะชี้ไปยังรถม้าลอยฟ้าที่ลอยอยู่เหนือแท่นบูชา

ต้วนมู่เฉิงพยายามที่จะนำรถม้าล่องเมฆาไปใกล้ๆ กับรถม้าของสำนักอเวจี

บางทีฝั่งสำนักอเวจีอาจจะสังเกตเห็นแล้ว เพราะแบบนั้นรถม้าของพวกเขาจึงถอยกลับไปที่ด้านหลังของแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว

เมื่ออยู่บนแท่นบูชาความเร็วของรถม้าล่องเมฆาก็ได้ลดลง

“ข้าฮั๊วจงหยางแห่งโถงมังกรฟ้าขอคารวะผู้อาวุโส”

“ข้าดีชิงแห่งโถงเต่าทมิฬขอคารวะท่านผู้อาวุโส”

“ข้าหยางเยียนแห่งโถงวิหคสายฟ้าขอคารวะท่านผู้อาวุโส

“ข้าไปยู่ชิงแห่งโถงพยัคฆ์ขาวขอคารวะท่านผู้อาวุโส”

เสียงของทั้งสี่ได้ดังไปถึงรถม้าล่องเมฆา น้ำเสียงของพวกเขาแม้จะแฝงไปด้วยพลังแต่ถึงแบบนั้นมันกลับฟังดูอ่อนโยน

ผู้คนบนรถม้าล่องเมฆาต่างก็จ้องไปที่คนทั้งสี่ผู้เป็นเจ้าของเสียง “ท่านอาจารย์ นั่นมันสี่สุดยอดผู้พิทักษ์แห่งสำนักอเวจี”

ลู่โจวพยักหน้าในขณะที่มองลงไปที่แท่นบูชา

ในตอนนี้รถม้าล่องเมฆาได้ลอยอยู่เหนือแท่นบูชาเป็นที่เรียบร้อย

เล้งลั่วได้สังเกตพื้นเบื้องล่างเช่นกัน ตัวเขาที่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างก็ได้พูดออกมา “มีข่าวลือมาว่าสี่สุดยอดผู้พิทักษ์สองคนเป็นผู้ใช้พลังร่างอวตารดอกบัว 6 กลีบ ส่วนสุดยอดผู้พิทักษ์ที่เหลืออีกสองคนเป็นผู้ใช้พลังอวตารดอกบัว 7 กลีบ…ข้าสงสัยจริงๆ ว่าข่าวลือที่ว่านั้นเป็นจริงไหม”

“ด้วยความแข็งแกร่งระดับนั้นข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสำนักอเวจีถึงทำลายสำนักแห่งความบริสุทธิ์แบบนี้ได้…” ฝานลี่เทียนพูดเสริม

ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่ฝานลี่เทียน เขาคนนี้เป็นผู้ที่มาจากสำนักแห่งความบริสุทธิ์ แต่ถึงแบบนั้นเขากลับไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลยเมื่อเห็นสำนักเก่าถูกทำลายไป…

ลู่โจวไม่ได้สนใจที่ทั้งสองคนพูด ตัวเขาได้มองไปยังสี่สุดยอดผู้พิทักษ์ก่อนที่จะถามอะไรบางอย่างออกมา “ยู่เฉิงไห่อยู่ที่ไหนกัน? “

ฮั๊วจงหยางเป็นผู้ที่โค้งคำนับลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส ท่านเจ้าสำนักบอกให้พวกเรารออยู่ที่นี่…ท่านเจ้าสำนักยังพูดไว้อีกว่า แมว่าสำนักอเวจีจะเป็นผู้กวาดล้างสำนักแห่งความบริสุทธิ์ไป แต่ถ้าหากท่านต้องการอ้างสิทธิ์ ท่านเองก็เชิญรับไปได้เลย”

ลู่โจวมองไปที่รอบตัว ตัวเขาไม่เห็นยู่เฉิงไห่อยู่ เป็นไปตามคาด ศิษย์คนนี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

ต้วนมู่เฉิงที่ได้ยินแบบนั้นจึงได้ตะโกนตอบกลับไป “บอกยู่เฉิงไห่และสีวู่หยาให้แสดงตัวออกมาได้แล้ว! ช่างน่าขันซะจริง ท่านอาจารย์มาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่ศิษย์ทั้งสองกลับกลัวจนไม่กล้าสู้หน้าแบบนี้ ข้าละอายใจแทนพวกเขาจริงๆ! “

ฮั๊วจงหยางที่ได้ยินแบบนั้นไม่ได้รู้สึกโกรธเลย “ได้โปรดใจเย็นก่อนท่านต้วนมู่เฉิง ท่านเจ้าสำนักและศิษย์น้องของเขาไม่ว่างก็เลยไม่สามารถที่จะมาได้”

“ไร้สาระ! ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับพวกขี้ขลาดแบบนั้นหรอก…เจ้าพวกนั้นก็แค่ละอายใจจนไม่กล้าที่จะปรากฏตัวก็เท่านั้น” ต้วนมู่เฉิงพูดออกมาอย่างไม่พอใจ แม้ว่าต้วนมู่เฉิงจะไม่ได้มีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนกับหมิงซี่หยิน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็กลับมีวิธีเป็นของตัวเอง

แม้จะได้ยินแบบนั้นแต่ฮั๊วจงหยางและคนอื่นๆ กลับไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง ท้ายที่สุดแล้วคำพูดของต้วนมู่เฉิงก็ยังคงเป็นความจริง ถ้าหากไม่เป็นแบบนั้นพวกเขาก็คงจะไม่ถูกสั่งให้อยู่รอที่นี่ “ท่านผู้อาวุโส ข้าพูดความจริงทุกอย่าง ข้าไม่กล้าโกหกท่านแม้แต่น้อย! ” ฮั๊วจงหยางได้โค้งคำนับออกมาอีกครั้ง ตัวเขาสัมผัสได้ถึงความโกรธของลู่โจว

ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปบางทีลู่โจวอาจจะระบายความโกรธที่มีไปลงที่พวกเขาก็เป็นได้

สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ได้เตรียมพร้อมที่จะล่าถอยในระหว่างที่แจ้งข่าวนี้ ถ้าหากลู่โจวคิดโจมตีพวกเขาจริงๆ พวกเขาก็จะคิดหนีโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครจะพยายามขัดขวางก็แล้วแต่พวกเขาก็จะหนี การที่ยอดฝีมือผู้มีพลังร่างอวตารดอกบัว 6-7 กลีบจะคิดหนีเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร และยิ่งลู่โจวในตอนนี้ไม่อยากเอาจริง ตัวเขาคงจะไล่ล่าผู้พิทักษ์ทั้งหมดไม่ทันแน่ “บอกข้ามายู่เฉิงไห่และสีวู่หยาอยู่ที่ไหน? ” ลุ่โจวไม่เชื่อว่าทั้งสี่คนจะไม่รู้เรื่องนี้

“พวกเจ้าไม่บอกสินะ? “

“ท่านผู้อาวุโส พวกเราทั้งสี่ต่างก็เป็นสาวกของสำนักอเวจี พวกเราคงจะทรยศสำนักโดยการบอกความจริงกับท่านไม่ได้ ได้โปรดอย่าถือสาพวกเราเลยท่านผู้อาวุโส” ฮั๊วจงหยางพูดออกมา

“ก็เพราะเจ้าไม่เต็มใจที่จะบอกข้า ข้าจะต้องกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าซะแล้วล่ะ” สายตาของลู่โจวจ้องมาที่ฮั๊วจงหยาง

ฮั๊วจงหยางสั่นไปทั้งตัว ตัวเขาได้แต่ก้าวถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ สมองของเขาทำงานหนักไม่ได้พัก ตัวเขารีบพูดออกมาเพื่อหวังว่าจะลดทอนความโกรธของลู่โจวลงได้ “ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย ท่านผู้อาวุโส ข้าเป็นเพียงหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์ก็เท่านั้น ข้าไม่ได้มีบทบาทอะไรสำคัญกับสำนักเลย ยิ่งไปกว่านั้นม่านพลังของภูเขาทองยังอ่อนกำลังลงแบบนี้ ข้าคิดว่าท่านผู้อาวุโสควรจะระวังตัวกับเหล่าผู้ไม่หวังดีมากกว่า”

ไปยู่ชิงเองก็ได้พูดออกมา “ข้าได้ยินมาว่าลั่วฉางเฟิง เจ้าสำนักดาบสวรรค์ซึ่งเป็นลูกชายของลั่วซิงคงได้ตายจากไป เขาคนนั้นได้ตายด้วยน้ำมือท่าน ลั่วซิงคงจะต้องหาวิธีล้างแค้นท่านอย่างแน่นอน ท่านควรจะระวังเขาเอาไว้จะดีกว่าท่านผู้อาวุโส! “

หยางเยียนได้พูดเสริมเช่นกัน “เจ้าสำนักของพวกเราไม่ได้ทำอะไร ท่านผู้อาวุโส…เป็นเพราะท่านเจ้าสำนักไม่มีทางเลือกเขาก็เลยต้องออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปในตอนนั้น! “

เมื่อทั้งหมดได้ยินแบบนั้นหยวนเอ๋อและต้วนมู่เฉิงก็เข้าใจความหมายในทันที ทั้งสองคนถือเป็นศิษย์น้องของยู่เฉิงไห่ พวกเขารู้ดีว่าผู้เป็นอาจารย์จะทำยังไงต่อจากนี้ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมศิษย์พี่ใหญ่ถึงตั้งใจที่จะจากไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมาสี่สุดยอดผู้พิทักษ์ล้วนแต่มีท่าทีที่น่าเคารพมาโดยตลอด

เล้งลั่วได้พูดออกมา “ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ผู้ที่ทรยศผู้เป็นอาจารย์ยังไงก็เป็นบาปมหันต์ พวกเจ้าทั้งสี่ไม่ใช่พวกโง่ ข้าไม่คิดว่าจะต้องอธิบายเรื่องง่ายๆ แบบนี้ให้กับพวกเจ้าได้ฟัง แม้ว่าตอนนี้เขาจะวิ่งต่อไปได้ แต่ยังไงซะเขาก็ไม่สามารถที่จะวิ่งไปได้ตลอดหรอก”

ฮั๊วจงหยางและคนอื่นๆ ยังคงเงียบกริบ

เมื่อสี่สุดยอดผู้พิทักษ์กำลังสูญเสียความเยือกเย็นไป ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงทุ้มดังขึ้นมาจากที่สำนักแห่งความบริสุทธิ์ “ท่านอาจารย์ ทำไมท่านต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ? ” น้ำเสียงได้เดินทางผ่านป่าไม้รวมไปถึงหุบเขา เสียงที่เพิ่งจะดังขึ้นได้ดังมาจากที่ไกลแสนไกล มันเป็นเสียงที่ดังผ่านแท่นบูชาหลักมา

ดูเหมือนว่ายู่เฉิงไห่จะได้ยินบทสนทนาทั้งหมดดี

ลู่โจวได้โบกมือออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าศิษย์ทรยศ”

“ศิษย์เข้าใจแล้ว! ” ต้วนมู่เฉิงรีบควบคุมรถม้าล่องเมฆาเพื่อไปที่แหล่งกำเนิดเสียง

สี่สุดยอดผู้พิทักษ์ได้แต่ตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าลู่โจวจะแสดงออกแบบนี้

รถม้าล่องเมฆาได้แหวกว่ายผ่านหมู่เมฆไปจนถึงแหล่งกำเนิดเสียงภายในพริบตา

สถานการณ์บนจุดสูงสุดของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ไม่ได้ต่างอะไรจากสถานการณ์บนแท่นบูชาหลัก มันดูยุ่งเหยิงเกินกว่าทุกคนได้คาดเอาไว้ สิ่งก่อสร้างกว่าครึ่งถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไป ศพของเหล่าศิษย์ยสาวกของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ถูกทิ้งให้เกลือกกลิ้งอยู่บนขั้นบันได

ไม่ว่าฝานลี่เทียนจะดูถูกสำนักแห่งความบริสุทธิ์มากขนาดไหน แต่เมื่อได้เห็นภาพอันน่าสะเทือนใจนี้ตัวเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “พวกเจ้าหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ “

ลู่โจวไม่มีเวลาที่จะมีคิดถึงอดีตของฝานลี่เทียน ตัวเขามุ่งมั่นที่จะหาแหล่งที่มาของเสียงที่เพิ่งจะดังขึ้น

ป่าทึบได้บดบังทัศนวิสัยทัศน์ของตัวเขา สิ่งที่ลู่โจวต้องการก็คือการได้เห็นยู่เฉิงไห่และสีวู่หยา

ภูเขาทั้งลูกเงียบสงบจนน่าขนลุก

ในตอนนั้นเองสี่สุดยอดผู้พิทักษ์ก็ได้บินตามมา พวกเขาได้เข้ามาใกล้กับรถม้าล่องเมฆา

“ท่านผู้อาวุโส! “

“ท่านผู้อาวุโส…สำนักแห่งความบริสุทธิ์พยายามที่จะโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้ามาหลายครั้งแล้ว พวกเขาวางแผนที่จะระดมพลกับสำนักฝ่ายธรรมะเพื่อที่จะโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้ง…และเพราะแบบนั้นท่านเจ้าสำนักของพวกเราก็เลยกวาดล้างสำนักแห่งความบริสุทธิ์ไป ท่านควรที่จะมีความสุขนะท่านผู้อาวุโส! ” ฮั๊วจงหยางพยายามพูดเกลี้ยกล่อมลู่โจวสุดกำลัง ตัวเขาได้โค้งคำนับลู่โจวก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

ลู่โจวไม่ได้เหลือบมองไปที่ฮั๊วจงหยางเลย

ต้วนมู่เฉิงได้พูดออกมา “ถ้าเขาสนใจศาลาปีศาจลอยฟ้าจริง เขาทำอะไรอยู่ล่ะในตอนที่สุดยอดฝีมือทั้งสิบบุกโจมตีท่านอาจารย์? และเขาไปทำอะไรอยู่กันในตอนที่สุดยอดฝีมือทั้งสิบบุกโจมตีภูเขาทองอีกครั้ง? ยู่เฉิงไห่ไม่เพียงทรยศต่อท่านอาจารย์ เขายังสมรู้ร่วมคิดกับสำนักฝ่ายธรรมดาเพื่อที่จะเปิดเผยที่อยู่ของท่านอาจารย์! เขาน่ะก็เป็นแค่ศิษย์ทรยศ เขาน่ะสมควรที่จะถูกประหารแล้ว! “

เมื่อได้ยินแบบนั้นสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ต่างก็พูดไม่ออก สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องระหว่างคนในศาลาปีศาจลอยฟ้า มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา แม้ว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวข้องแต่ถึงแบบนั้นพวกเขาทั้งสี่ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างวู่วาม ใครจะกล้าต่อกรกับยอดฝีมือแบบนี้กัน? ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักของเขายังสั่งแล้วสั่งอีกว่าอย่าโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้า

จากจุดที่สูงที่สุดของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ ยู่เฉิงไห่ไม่ได้สนใจอะไรคำพูดของต้วนมู่เฉิงเลย “ศิษย์น้องสาม พวกเราต่างก็มีอาจารย์คนเดียวกัน ทำไมเจ้าถึงจะต้องใส่ร้ายข้าแบบนั้นด้วย? ” เมื่อเสียงของเขาได้ดังขึ้นมา พลังอันผันผวนก็ได้ลอยไปทั่วทั้งอากาศ

เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงยู่เฉิงไห่จะอยู่ในสำนักแห่งความบริสุทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังต่อสู้อีกด้วย