ตอนที่ 263 ลำดับที่สองร้อยหกสิบเจ็ดบนทำเนียบโอสถ

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 263 ลำดับที่สองร้อยหกสิบเจ็ดบนทำเนียบโอสถ

หนิวโหย่วเต้านิ่งเงียบไม่เอ่ยตอบ กระทั่งเดินลมปราณครบรอบแล้วถึงจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเอ่ยว่า “ไม่ต้องตกใจไป บาดเจ็บเล็กน้อย รอดชีวิตกลับมาได้ก็ดีมากแล้ว”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ถูกชายผอมสูงคนนั้นตามไล่ล่าอย่างไม่ยอมรามือ นึกถึงเหตุการณ์ที่ชายผอมสูงคนนั้นใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองสิบกว่าคนบาดเจ็บล้มตายได้แล้ว ในใจยังคงหวาดผวาอยู่เล็กน้อย

เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังต้องการเอาชีวิตเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะส่งยอดฝีมือระดับนี้มาเพื่อจัดการเขา

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ?” เฮยหมู่ตานถาม

หนิวโหย่วเต้ายังไม่อธิบายเรื่องนี้ ให้นางไปหยิบน้ำมาให้เขาบ้วนปาก หลังจากกำจัดรสคาวโลหิตออกไปจากปากแล้ว เขาถึงจะยกมือปลดผ้าคลุมออก ยื่นส่งให้เฮยหมู่ตาน เดินออกมาจากห้องเล็ก ปลดกระบี่ออกจากเอวแล้ววางกลับไปบนชั้นวางกระบี่ จากนั้นเอ่ยถามว่า “ลิ่งหูชิวกลับมาหรือยัง?”

เฮยหมู่ตานนำผ้าคลุมกลับไปแขวนไว้บนผนัง เดินกลับมาแล้วตอบว่า “ตอนที่ท่านเพิ่งออกไปได้ครู่เดียว เขาก็กลับมาแล้วเจ้าค่ะ แวะมาหาท่านด้วย สีหน้าค่อนข้างผิดปกติ บอกว่าเอาไว้ท่านกลับมาแล้วให้ไปพบเขา เขามีเรื่องจะคุยกับท่านเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าเดินไปที่ริมหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกอย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง เอ่ยเนิบๆ ว่า “ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้น ตามหลักแล้วลิ่งหูชิวน่าจะไม่มีอิทธิพลมากพอจะทำให้กลุ่มอิทธิพลลึกลับนั้นหวั่นเกรงได้ แต่ในการลงมือกับข้าครั้งนี้ พวกเขากลับสร้างเรื่องล่อลิ่งหูชิวออกไปก่อน…เมื่อดูจากที่ไปหาข้าถึงจังหวัดชิงซาน ซ้ำยังคอยประกบติดข้ามาตลอดทาง ดูแล้วน่าจะมีปัญหาจริงๆ ต่อให้ลิ่งหูชิวไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับกลุ่มอิทธิพลลึกลับนั่น แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะรู้อะไรบ้าง”

เฮยหมู่ตานยื่นมือไปจับชีพจรให้เขา ใช้พลังตรวจสอบอาการเขาดูเล็กน้อย เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรร้ายแรงจริงๆ ถึงได้โล่งอก ย้อนถามว่า “หากเป็นเช่นนี้จริง แสดงว่าลิ่งหูชิวจะต้องหวังอะไรจากท่านอย่างแน่นอน แต่เขาต้องการอะไรล่ะเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ก็ใช่น่ะสิ! นี่คือจุดที่ข้าก็ยังคิดไม่ออก เขาต้องการอะไรจากข้า? บนตัวข้ามีอะไรคู่ควรให้เขาต้องการหรือ?”

เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “เลิกคิดเรื่องพวกนี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ เนื้อตัวท่านมอมแมมขนาดนี้ ท่านไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ เอาไว้อาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้วค่อยว่ากัน”

หนิวโหย่วเต้าหันไปถาม “ไหนเจ้าบอกเจ้าลีลาดีไง คืนนี้มานอนกับข้าไหม?”

เฮยหมู่ตานกลอกตาคราหนึ่ง “ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะตีความไม่ออกนะเจ้าคะ ได้รับบาดเจ็บแล้วยังไม่ทำตัวดีๆ อีก…ข้าไม่ทำเรื่องประเภททอดกายให้คนที่ไม่เห็นค่าหรอกเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าร้อง ‘โอ้’ แปลกใจ “มีศักดิ์ศรี!”

เฮยหมู่ตานแค่นเสียงเหอะออกมา “คิดว่าข้าไม่รู้จักพวกบุรุษอย่างท่านเหรอเจ้าคะ ข้าติดสอยห้อยตามอยู่ข้างกายท่านทุกวัน ต้องมีสักวันแหละที่ท่านสะกดเลือดลมไม่อยู่ ข้าจะรอให้ท่านเป็นฝ่ายเริ่มเอง!”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เปลี่ยนประเด็นไปว่า “ยังไม่อาบแล้วกัน ลิ่งหูชิวอยากพบข้าไม่ใช่หรือ ข้าจะไปดูว่าเขาคิดจะเล่นลูกไม้อันใด เจ้าไปหาทางกงซุนปู้ก่อน ไปเอาศีรษะจากทางนั้นมา ”

“ศีรษะหรือเจ้าคะ?” เฮยหมู่ตานสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ยังคงไปจัดการตามคำสั่ง

หลังจากได้ของมาแล้ว ทั้งสองก็มาที่นอกห้องของลิ่งหูชิวแล้วเคาะประตู

หงซิ่วมาเปิดประตู เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้า คล้ายจะค่อนข้างแปลกใจ รีบเปิดประตูออกแล้วเชิญเข้าไปด้านใน พร้อมกับหันไปตะโกนบอก “นายท่าน เต้าเหยี่ยมาแล้วเจ้าค่ะ”

ลิ่งหูชิวรีบเดินออกมาจากด้านใน เพ่งพิศหนิวโหย่วเต้าจากบนจรดล่าง

“พี่ลิ่งหู ได้ยินว่าท่านต้องการพบข้าหรือ?” หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางประสานมือคำนับ

ลิ่งหูชิวตบไหล่เขา พาเขาเข้าไปด้านใน หลังจากเชื้อเชิญนั่งลงแล้ว ก็เอ่ยอย่างคล้ายจะตำหนิอยู่เล็กน้อย “เจ้าไม่รู้หรือว่าตัวเจ้ามีศัตรูมากแค่ไหน? เจ้าออกไปคนเดียวอันตรายมากรู้ไหม? แล้วเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมเจ้าถึงเนื้อตัวเปรอะเปื้อนมอมแมม?”

“ทำให้พี่ลิ่งหูต้องกังวล เป็นความผิดข้าเอง” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยขออภัยก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้าถอนหายใจ “เพียงแต่พี่ลิ่งหูกล่าวถูกแล้ว เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยจริงๆ”

ลิ่งหูชิวพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “มีคนปลอมตัวเป็นเถ้าแก่ร้านค้าสำนักเซียนสถิต ทักษะปลอมตัวของคนผู้นี้เข้าขั้นกลับเท็จเป็นจริง ตบตาข้าได้ ล่อข้าออกไปนอกหอไร้ขอบเขต จากนั้นก็ลงมือหมายสังหารข้า สามารถรอดชีวิตกลับมาพบพี่ลิ่งหูได้แบบนี้ นับว่าโชคช่วยล้วนๆ!”

ลิ่งหูชิวสบถด่านางแพศยาอยู่ในใจ สีหน้าเคร่งเครียด แสร้งถามทั้งที่รู้แก่ใจ “ทราบหรือไม่ว่าเป็นฝีมือผู้ใด?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เรื่องนี้แปลกประหลาด ข้าไม่รู้จักมือสังหารเลยสักคน ข้าก็ฉงนอยู่เช่นกันว่าเป็นฝีมือผู้ใด ที่มาก็เพราะต้องการขอคำชี้แนะจากพี่ลิ่งหูนี่แหละ”

ลิ่งหูชิวถาม “หมายความว่าอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าหันไปกวักมือ “เอาให้พี่ลิ่งหูดู”

เฮยหมู่ตานหิ้วห่อผ้าเดินเข้ามา วางห่อผ้าลงบนโต๊ะ แก้ห่อผ้าออก เผยให้เห็นศีรษะศีรษะหนึ่ง นางมองดูเล็กน้อย ไม่รู้จักเช่นกัน จากนั้นหันศีรษะไปทางลิ่งหูชิว

หนิวโหย่วเต้าสังเกตปฏิกิริยาของทางลิ่งหูชิว

เมื่อเห็นหน้าตาของศีรษะ หงซิ่วและหงฝูสบตากันเล็กน้อย ดวงตาฉายแววตกใจ ลิ่งหูชิวจ้องมองศีรษะนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากค่อยๆ เม้มแน่น

หนิวโหย่วเต้าสังเกตสีหน้าวาจา เอ่ยถามว่า “พลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดที่ข้าเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้คือไป๋เหยาแห่งสำนักหยกสวรรค์ แต่เมื่อเทียบกับคนผู้นี้แล้ว เกรงว่าไป๋เหยาน่าจะด้อยกว่ามาก ตั้งแต่ข้าออกจากกะลามา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบยอดฝีมือเก่งกาจขนาดนี้ ข้าว่าคนผู้นี้ไม่มีทางเป็นพวกปลายแถวไร้นาม ไม่ทราบว่าพี่ลิ่งหูพอจะรู้จักหรือไม่?

ลิ่งหูชิวใช้ความคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็ค่อยๆ พยักหน้า “ข้ารู้จักคนผู้นี้ เคยมีโอกาสพบหน้าเขาครั้งหนึ่ง”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ ถามทันที “ไม่ทราบว่าเป็นยอดฝีมือของสำนักใดหรือ?”

ลิ่งหูชิวส่ายหน้า “คนผู้นี้นามว่าจั๋วเชา ไร้สังกัดสำนัก เป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักเหมือนกับพวกเรา ทว่ามิใช่ผู้บำเพ็ญไร้สำนักธรรมดา ในรายนามแปดร้อยโอสถทองสั่นคลอนใต้หล้า หากสามารถติดสามร้อยลำดับแรกในทำเนียบโอสถได้ ก็แทบจะนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้าในใต้หล้าแล้ว จั๋วเชาผู้นี้ติดลำดับที่สองร้อยหกสิบเจ็ดในทำเนียบโอสถ เขาแข็งแกร่งแค่ไหน เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว”

จั๋วเชา? ลำดับที่สองร้อยหกสิบเจ็ด? หนิวโหย่วเต้าจดจำไว้เงียบๆ แต่ภายนอกยังคงพยักหน้ารับพลางเอ่ยว่า “มิน่าล่ะ”

เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วอกสั่นขวัญแขวน ยอดฝีมือในสามร้อยลำดับแรกบนทำเนียบโอสถอย่างนั้นหรือ?

ถึงแม้จะบอกว่ามียอดฝีมากมายที่อาจจะไม่ได้อยู่บนทำเนียบโอสถ แต่ยอดฝีมือที่ได้อยู่บนทำเนียบโอสถจะต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติคู่ควรและผ่านการตรวจสอบมาแล้ว

นางจินตนาการออกเลยว่าคนประเภทนี้น่ากลัวแค่ไหน ตอนนี้พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าเพราะอะไรก่อนหน้านี้หนิวโหย่วเต้าถึงบอกรอดชีวิตกลับมาได้ก็ดีมากแล้ว

ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยความแปลกใจ “น้องหนิวมีความแค้นกับเขาหรือ? คนที่มีพลังระดับเขาแล้ว ไม่มีทางรับงานแลกเงินน้อยนิด ไฉนถึงมาลงมือกับเจ้าได้”

หนิวโหย่วเต้าตอบ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าไม่รู้จักมักจี่กับเขาเลย เพิ่งเคยได้ยินชื่อเขาเป็นครั้งแรก จะมีความแค้นกับเขาได้อย่างไร”

“ไม่สิ!” ลิ่งหูชิวส่ายหน้า ชี้ไปที่ศีรษะ “ด้วยพลังของจั๋วเชา หากเขาต้องการลงมือกับเจ้า เกรงว่าเจ้าคงยากจะรอดได้ แล้วเหตุใดกลับเป็นเจ้าที่หิ้วหัวของเขามานั่งอยู่ตรงนี้ได้? นี่มิใช่ว่าข้าดูแคลนเจ้า แต่เกรงว่าต่อให้มีน้องหนิวเป็นโขยงก็ไม่น่าจะสู้เขาได้”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ “เป็นอย่างที่พี่ลิ่งหูว่ามาจริงๆ ข้ามีคู่แค้นมากมาย ในเมื่อกล้าออกมาข้างนอก ไหนเลยจะไม่เตรียมการเลยสักนิดได้ คนที่มาจัดการข้าไม่ได้มีแค่จั๋วเชาคนเดียว แต่ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองอีกสี่คนด้วย ไม่มีผู้ใดรอดไปได้ทั้งสิ้น ล้วนตายกันหมด!”

เขาไม่ได้บอกว่าจับเป็นไว้สองคน

ภายในห้องพลันเงียบสงัด ลิ่งหูชิวถามหยั่งเชิงประโยคหนึ่ง “ทางฝั่งน้องหนิวยังมีคนอื่นด้วยหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ตลอดทางมานี้มีคนจากสามสำนักติดตามคุ้มกันมาด้วยอย่างลับๆ”

ลิ่งหูชิวส่ายหน้า “ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ แต่สำนักอย่างสำนักเซียนสถิตนั่น ต่อให้ขนกันมาหมดทั้งสามสำนักก็ยากจะรั้งตัวจั๋วเชาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตัดหัวเขาเลย คนที่มีพลังพอจะสังหารจั๋วเชาได้ ในหมู่ยอดฝีมือชั้นแนวหน้าของสำนักหยกสวรรค์ก็อาจจะพอมีอยู่สองสามคน…”

“แต่ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ยอดฝีมือเช่นนี้นับเป็นขุมกำลังที่สำคัญเป็นอย่างมากของทั้งสำนัก การจะชุบเลี้ยงขึ้นมาสักคนต้องทุ่มเททรัพยากรมหาศาล ทั้งยังเป็นเสาหลักที่คอยค้ำจุนฐานอำนาจของสำนัก และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สำนักอื่นๆ ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามผลีผลามด้วย หากไม่ถึงคราวคับขันจริงๆ ก็ไม่มีทางเรียกใช้งานส่งเดช สำนักหยกสวรรค์จะส่งยอดฝีมือระดับนี้มาคุ้มกันน้องหนิวอย่างลับๆ ได้หรือ?”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าจะใช้การฆ่าฟันมาแก้ไขได้ แคว้นฉีเองก็มิใช่สถานที่ที่สำนักหยกสวรรค์จะทำอะไรตามใจชอบได้ เกรงว่าต่อให้ส่งยอดฝีระดับนี้มาสักคนสองคนก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี เจ้าส่งคนแบบไหนไป สุดท้ายก็จะอีกฝ่ายส่งคนแบบเดียวกันมาจัดการ แล้วสำนักหยกสวรรค์จะส่งยอดฝีมือระดับนี้ออกมาเสี่ยงได้หรือ? หากสูญเสียยอดฝีมือระดับนี้ไปสักคนสองคน เกรงว่าสำนักหยกสวรรค์คงได้รับความเสียหายอย่างมาก!”

หนิวโหย่วเต้าไม่ตอบรับ แล้วก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้บอกว่ามี แล้วก็ไม่ได้บอกว่าไม่มี หาหัวข้อมาพูดกลบเกลื่อนให้ผ่านไปเสีย

หลังจากเขาและเฮยหมู่ตานขอตัวลาจากไป ลิ่งหูชิวเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องเป็นเวลานาน

“ดูเหมือนพวกเราจะกังวลมากไปแล้ว เบื้องหลังคนผู้นี้อาจจะมียอดฝีมือเก่งกาจคอยปกป้องอยู่จริงๆ ข้าก็ว่าแล้วว่าเขาจะกล้าออกมาเพ่นพ่านด้านนอกโดยมีผู้ติดตามแค่สองคนได้อย่างไร!” ลิ่งหูชิวหยุดอยู่หน้าตะเกียงพลางพึมพำ

หงฝูเอ่ยอย่างเยือกเย็น “จั๋วเชาคนนั้น หรือจะเป็นคนของหอจันทร์กระจ่างเช่นกันเจ้าคะ?”

หงซิ่วกล่าวว่า “ทำเรื่องแบบนี้ได้ เกรงว่าคงจะใช่แล้ว แม้แต่จั๋วเชาก็ยังเรียกใช้งานได้ นี่ตั้งใจจะเอาชีวิตหนิวโหย่วเต้าให้ได้ชัดๆ ครั้งนี้ล้มเหลว ดูสิว่านางจะแก้ตัวอย่างไร!”

ลิ่งหูชิวถอนหายใจเบาๆ “คนธรรมดาไหนเลยจะเรียกใช้คนระดับจั๋วเชาได้ ซูจ้าวคนนี้น่าจะมีเส้นสายภายในองค์กรอยู่ไม่น้อย ในแง่หนึ่งแล้ว ก็แสดงว่านางรับการตำหนิจากภายในได้ มิเช่นนั้นไหนเลยจะกล้าลงมือเช่นนี้! สิ่งที่พวกเราทำได้ ก็มีเพียงรายงานสถานการณ์ต่อเบื้องบนเท่านั้น…”

…..

วันรุ่งขึ้น หนิวโหย่วเต้ากลับมาที่ร้านค้าของสำนักเซียนสถิตอีกครั้ง โดยมีคนของสามสำนักคอยติดตามคุ้มกัน

เมื่อพวกเถ้าแก่พานได้รับแจ้งก็เข้ามาต้อนรับ

หลังจากทั้งสองฝ่ายมาถึงโถงด้านหลัง หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถาม “เปิดปากหรือยัง?”

เถ้าแก่พานส่ายหน้า “ปากแข็งยิ่งนัก บอกว่าถึงพูดไปก็ไม่รอดอยู่ดี เป็นตายก็ไม่ยอมเปิดปากขอรับ”

“ไป ไปดูหน่อย” หนิวโหย่วเต้าโบกมือส่งสัญญาณเล็กน้อย

ทั้งกลุ่มเข้าไปในห้องที่ใช้ไต่สวน มองเห็น ‘เถ้าแก่พาน’ ตัวปลอมคนนั้นถูกมัดไว้บนเสา ถูกทรมานจนสะบักสะบอม เลือดโชกไปทั้งตัว เดิมทีก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว เวลานี้ดูอ่อนแรงอย่างยิ่ง

พอเห็นกลุ่มคนที่เข้ามา ‘เถ้าแก่พาน’ ก็หัวเราะฮี่ๆ

“อย่าทำให้ตายล่ะ ค่อยๆ ไต่สวนไป ยังไงก็ต้องมีทางทำให้เขาเปิดปากออกมาได้บ้างแหละ” หนิวโหย่วเต้าเองก็มองเล็กน้อย มาตรวจสอบด้วยตัวเองเสียหน่อย ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้ายไว้แล้วเดินออกไป

หลังจากพวกเขากลับมาที่โถงหลังร้านแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็ถามอีกครั้ง “คนที่ส่งไปยังร้านค้าของสำนักเมฆาล่องคนนั้นเปิดปากหรือยัง?”

ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักเมฆาล่องที่ติดตามมาเอ่ยว่า “น่าจะยังขอรับ มิเช่นนั้นคงส่งข่าวแจ้งมาแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้ว เสียค่าตอบแทนไปมากขนาดนี้ การที่ยังไม่สามารถง้างปากเชลยได้แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร ไม่เพียงแต่จะมีคนบาดเจ็บล้มตาย กระทั่งตัวเขาก็เสียยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายไปสามจุดเพราะเรื่องนี้ เขาเอ่ยตำหนิเสียงเข้ม “เรื่องแค่นี้ก็ยังจัดการไม่ได้ สามสำนักไม่มีคนแล้วเหรอ?”

พอเอ่ยประโยคนี้ไป เท่ากับหยามหน้าสามสำนักให้อับอาย สีหน้าของศิษย์จากสามสำนักดูค่อนข้างแย่

เถ้าแก่พานเอ่ยอย่างไม่ยอมรับ “เต้าเหยี่ย จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะขอรับ พวกเราใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่อีกฝ่ายถึงตายก็ไม่ยอมพูด แล้วพวกเราจะทำอย่างไรได้? ประกอบกับเขาบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ทรมานไปก็อาจตายได้ทุกเมื่อ พวกเราทำได้เพียงค่อยๆ ไต่สวนไป ได้แค่ค่อยหาทางง้างปากเขา เมื่อครู่ท่านก็บอกให้ค่อยๆ ไต่สวนไปไม่ใช่หรือขอรับ?”

หนิวโหย่วเต้าย้อนถาม “เจ้าหมายความว่าพวกเราต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน รอจนเจ้าค่อยๆ ไต่สวนออกมาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร พวกเราค่อยเดินทางไปแคว้นฉีหรือ?”

………………………………………………………..