ตอนที่ 181

Great Doctor Ling Ran

ในเวลาสองทุ่มหมอลู่ตื่นขึ้นมาและมองดูโทรศัพท์มือถือของเขาซึ่งเขาทำการรีเฟรชวีแชท ของเขาและพบว่าไม่มีข่าวจากหลิงรัน และโรงพยาบาล จากนั้นเขาก็กลับไปนอนด้วยความสงบ

ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขานอนเพียงประมาณห้าหรือหกชั่วโมงต่อวัน ตอนนี้ความต้องการในการชดเชยการนอนของเขานั้นสูงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

อย่างไรก็ตามนี่เป็นวิธีที่การทำงานในโรงพยาบาล แพทย์ที่เสร็จสิ้นภารกิจในการผ่าตัดโดยทั่วไปจะต้องใช้เวลาสองหรือสามคืนในการเข้ากะต่อสัปดาห์ หากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ยังยุ่งอยู่การเลื่อนกะกลางคืนหมายถึงว่าพวกเขาต้องทำงานข้ามคืน พวกเขาต้องทำงานระหว่างวันด้วยเช่นกันและเมื่อเพิ่มรอบวอร์ดและงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับวันนั่นหมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำงานยี่สิบสี่ถึงสามสิบชั่วโมงในคราวเดียว สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหนึ่งหรือสองครั้งต่อเดือน การทำงานมากกว่าสิบชั่วโมงทุกวันเป็นเรื่องปกติ

ในช่วงที่เขามาทำงานเป็นหมอประจำแผนกใหม่ๆมีเรื่องที่ถูกกล่าวขานกันอย่างมากมายว่ามันเหมือนโรงงานนรกเพราะแพทย์จะต้องอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยสิบเดือนเพื่อฝึกงาน ในช่วงเวลานี้แพทย์จะอยู่ในโรงพยาบาลตลอดทั้งวัน เมื่อแพทย์ง่วงนอนพวกเขาจะหาที่ปิดตาสักพักหนึ่งก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาจะทานยาแก้โรคกระเพราะและทำงานต่อไป ความถี่และความรุนแรงของภาระงานของพวกเขาไม่น้อยไปกว่าของหลิงรันที่ทำอยู่ในปัจจุบันเลย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไร้มนุษยธรรมหรือไม่ … โรงพยาบาลเองก็จะแสร้งทำแน่นอน ณ เวลานั้นผู้คนจะถือว่าแพทย์เป็นศัตรูและคนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้คือแพทย์เอง ดังนั้นสิ่งนี้จึงการสร้างช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างคนรวยและคนจนในวงการแพทย์

ภายใต้ระบบปัจจุบันชีวิตของแพทย์อาวุโสที่จะดีขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับประสบการณ์เพียงพอและมีทักษะทางเทคนิคในระดับหนึ่ง แพทย์ที่ทำการผ่าตัดหลายร้อยหรือหลายพันนั้นหายากในโรงพยาบาลใด ๆ พวกเขาไม่น่าจะได้รับการยกย่อง แต่พวกเขาก็พอจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วย เมื่อพวกเขากลายเป็นแพทย์สายสองมันทำให้งานของเขาน้อยกว่าวิศวกรก่อสร้างเสียอีก

รองศาสตราจารย์และหัวหน้าแพทย์ซึ่งอยู่ในอันดับที่สูงกว่าแพทย์ที่เจะสบายกว่าเนื่องจากรายได้ของพวกเขาสัมพันธ์กับตำแหน่งของพวกเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะมีสถานะและศักดิ์ศรีที่แน่นอนแล้ว มันจะน่ายินดีมากขึ้นถ้าพวกเขาอยู่ในแผนกที่ดีของโรงพยาบาลที่ดี

หมอลู่รู้สึกมีความสุขเมื่อเขานอนหลับจนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ

ความรู้สึกพอใจยาวนานประมาณสิบวินาทีก่อนที่หมอลู่จะสะดุ้งตื่นนึกว่ามีคนจะมาทำร้ายเขา

‘กี่โมงแล้ว‘

เขารีบไปหาโทรศัพท์มือถือและดูข้อความและสมุดบันทึกโทรศัพท์ เขาตกใจเมื่อเห็นว่าเขาตื่นนอนตอนตีห้าและเขารับยาวเป็นเวลาเกือบสิบสองชั่วโมง

เขาดูสายที่ไม่ได้รับและข้อความบนโทรศัพท์ไม่มีอะไรส่งมาจากหลิงรันเลย

หมอลู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วนอนเอนหลังบนเตียง แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน

เมื่อวานนี้เรามีวันหยุดเต็มหรือว่าหลิงรันไม่ได้จัดตารางผ่าตัดใหม่อย่างงั้นหรอ? ‘

หมอลู่ ไตร่ตรองขณะที่เขาดูโทรศัพท์มือถือของเขา ในขณะที่เขามองมันเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่จนถึงจุดที่เขาเริ่มส่งเสียงฮืด ๆ

หลิงรันยังนอนหลับฝันดีที่บ้านเนื่องจากเขาหยุดพักไปหนึ่งวัน

ตราบใดที่เขาแจ้งให้พวกเขาทราบล่วงหน้าหนึ่งวันผู้ป่วยที่มามันทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บนิ้วขาดจะถูกส่งไปแผนกศัลยกรรมมือทั้งหมด ดังนั้นทีมการรักษาของหลิงรันสามารถหยุดพักได้

ปัจจุบันแผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยมากกว่าเจ็ดสิบคนที่เกิดอุบัติเหตุนิ้วขาดและก็น่าจะเป็นเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าพวกเขาจะได้ออกจากโรงพยาบาลก่อนที่วอร์ดใหม่จะได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดหลิงรันก็ยังมีอิสระในการเลือกว่าเขาต้องการทำผ่าตัดหรือไม่

นอกจากนี้ยังไม่มีอะไรที่หลิงรันต้องทำงานในคลินิกที่บ้าน

เมื่อหลิงรันลุกขึ้นในตอนเช้าเขานั่งบนเก้าอี้เอนกายและมองดูท้องฟ้า เขาฟังคำร้องเรียนของผู้ป่วยสูงอายุรอบ ๆ ขณะที่เขาเล่นมือถืออยู่สักครู่แล้วมองไปที่ต้นไม้สีเขียวรอบ ๆ พร้อมกับดอกไม้

หลังจากเตาปิงตื่นขึ้นมาเธอก็ลงไปชั้นล่าง เธอเห็นพฤติกรรม ของหลิงรันและเธออดไม่ได้ที่จะมีความสุข เธอคว้าแขนสามีของเธอแล้วพูดว่า “ดูที่หลิงรันเขาเป็นคนเดียวกับที่เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยเขามักจะสนุกกับการนอนลงที่ลานในขณะที่เขาเติบโตขึ้นมา…ถอนหายใจตอนนี้ฉันคิดว่าถ้า หลิงรันไม่ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยและอยู่บ้านเพื่อช่วยมันก็คงจะดี … “

หลิงโจวมีอาการปวดหัวหลังจากเขานอนหลับนานเกินไป แต่มันก็หายไปทันทีเพราะกลัว เขาเสริมว่า “ฟังสิ่งที่เธอพูดก็แปลกนะทำไมลูกชายถึงจะไม่มีความสุขในบ้านของตัวเองล่ะ…ก็เธอเคยพูดเองนี้… ถ้าเธอโศกเศร้ากับเรื่องนี้เธอจะช่วยปลุกฉันขึ้นมาจากเรื่องเศร้า “

“อย่างงั้นฉันจะตีคุณเพื่อเป็นเป็นการปลุกล่ะกัน” เต่าปิงพิงคอของเธอ

หลิงโจวหัวเราะเบา ๆ “มันเป็นเพียงคำพูดที่ว่างเปล่า แต่พวกเขาก็นึกย้อนไปตอนที่หลิงรันกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยในหยุนหัวและงานปัจจุบันของเขายังขึ้นอยู่ที่หยุนหัวเขาสามารถกลับบ้านได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แค่นั้นมันก็มากพอสำหรับเขา”

มันคงเป็นเพราะเรื่องเงินด้วย เตาปิงพยักหน้าหันกลับมาและถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันจำได้ว่าลูกเป็นอย่างไรเมื่อเขาอยู่ในโรงเรียนประถมและมัธยมต้น”

หลิงโจวสะดุ้งอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาอยู่ในโรงเรียนประถมและมัธยมต้น?”

“ ในเวลานั้นบ้านที่คึกคักไปด้วยกิจกรรมคุณยังจำได้ไหม? ทุกสัปดาห์จะมีเด็กผู้หญิงที่จะมาหาบ้านของเราด้วยข้ออ้างบางอย่างในขณะที่เด็กผู้ชายบางคนก็ดูไม่พอใจและมาที่คลินิกของเรา ตอนนี้ฉันคิดแล้วเวลาที่น่าสนใจที่สุดคือตอนที่หลิงรันยังอยู่ในโรงเรียนประถมเด็กชายบางคนมีการทดสอบความกล้าหาญและพวกเขาให้คุณฉีดยาคุณจำได้ไหม?

หลิงโจวทำเหมือนว่าจะจำไม่ได้ แต่ยิ้มจากความคิดถึง “ฉันจำไม่ได้เหรอเนี่ย? เมื่อคุณเอาเข็มฉีดยาออกมาเพื่อเจาะเลือดเด็กผู้ชาย วิ่งหนีเร็วมาก!”

“ยังมีเด็กผู้หญิงจากโรงเรียนอื่น ๆ ที่มาที่บ้านของเราเพื่อเล่นกับหลิงรัน … ” ตามที่เตาปิงพูดเธอพูดอย่างมีอารมณ์ “เราไม่ได้ทำอะไรเหมือนงานเลี้ยงวันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับลูกชายของเราใช่ไหม”

“โชคดีนะที่ผู้ปกครองของเด็กพวกนั้นรู้ก่อนว่ามีการแรกของขวัญมิฉะนั้นหลิงรันคงได้รับของขวัญกับบ้านมาเยอะแยะไปหมดแน่”

เตาปิง และหลิงโจวมองหน้ากันและยิ้มในขณะที่พวกเขาคุยกัน

หลิงรันถือโทรศัพท์ของเขาเมื่อเขารู้สึกว่าจิตใจเย็นลง อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถหันหัวไปมอง

เขายืนแข็งเหมือนกระดานไม่กี่นาทีก่อนที่เขาจะผ่อนคลายในทันใดและหายใจออกเป็นเวลานาน

“วันนี้ลูกชายดูแลคลินิก” ทันใดนั้นเสียงของหลิงโจวโจวก็ปรากฏขึ้น

หลิงรันหันกลับทันที “คุณหมายถึงอะไรดูแลคลินิก”

“แม่ของลูกกับพ่อจะออกไปทานข้าวเย็นแล้วเดียวเรากลับมา” หลิงโจวแต่งตัวในชุดทางการ เขาสวมเสื้อแบรนด์ลอนจินที่เขาซื้อในวันที่เขาแต่งงานและเขาดูมีสีสันมาก

เตาปิงแต่งตัวในลักษณะที่หรูหรามากยิ่งขึ้น เธอสวมชุดราตรีสีดำขนาดเล็กและสร้อยคอไข่มุก เธอแต่งตัวสวยงาม เมื่อเธอเดินออกไปเธอก็โบกมือที่หลิงรันอย่างไม่เป็นทางการ เธอพูดว่า “ หลิงรัน มีกับข้าวอยู่ในตู้เย็นนะถ้าอันไหนทานได้ก็ทานนะ แต่ถ้านอันไหนทานไม่ได้ก็ทิ้งไปนะลูก”

โดยไม่ต้องรอคำตอบขอหลิงรันซึ่งหลิงโจวและเตาปิงออกจากประตูหน้าบ้านไป หลิงรันเห็นแมลงปีกแข็งตัวหนึ่งที่วิ่งหนีไปครู่หนึ่ง

หลิงรันยกโทรศัพท์ของเขาขึ้นสู่ระดับสายตาอีกครั้ง ทันใดนั้นเขารู้สึกเบื่ออย่างบอกไม่ถูก

“หมอแม้วฉันช่วยเย็บแผลให้ผู้ป่วยได้ไหม?” หลิงรันเข้าหาหมอแม้วซึ่งมีถุงใต้ตาของเขา เขาพร้อมที่จะทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือและทำงานเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

หมอแม้ว ซึ่งดูเหมือนคนที่เคยประสบความยากลำบากมากมายในชีวิตเขาตอบด้วยเสียแฮบ“ผู้ป่วยยังไม่ได้ถูกส่งมาที่นี่”

“ฉันรู้ฉันแค่บอกว่าเมื่อผู้ป่วยมาถึง -“

“ฉันทำคนเดียวได้” หมอแม้วปฏิเสธอย่างแน่วแน่

การเย็บแผลที่ดูดซับได้ของหมอแม้วนั้นไม่เลวเลย โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาดีพอที่จะตอบสนองความต้องการที่หลากหลายสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เขาจะได้รับสามเคสขึ้นไปจากบริษัทกู้ภัยกวางทอง ทุกวัน หลังจากลบค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับการแบ่งผลกำไรสี่สิบและหกสิบเปอร์เซ็นต์เขาและคลินิกมีรายได้ค่อนข้างมาก

ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ผู้ป่วยรายใดไปเป็ยของหลิงรัน

หลิงรันสามารถออกจากห้องรักษาได้เท่านั้น เขาย้ายไปที่ห้องของหมอจียงและถามว่า “มีใครบ้างในละแวกที่ต้องการหมอรักษาโรคกระดูกในวันนี้”

“นายเพิ่งนวดจัดกระดูกไปเมื่อสองสามวันก่อนไม่ใช่หรือยังไงพ่อของนายพูดก่อนหน้านี้ว่าคุณควรชาร์จราคาค่านวดของนายให้สูงขึ้นเนื่องจากนายไม่ได้ทำมันเป็นประจำ เป็นครั้งคราวหากคุณเปลี่ยนเป็นธุรกิจปกติจริง ๆ มีคนในละแวกใกล้เคียงที่จะจ่ายเงิน 20 หรือ 40 หยวนเพื่อรับเงินสำรอง หมอจียงหัวเราะเบา ๆ และผลักหลิงรันออกไป “ทำไมคุณไม่ให้มือช่วยซิสเตอร์ฮวนซี?” เขาพูดว่า.

ฮวงซีไม่ได้ทำอะไรเลยในตอนนี้ เธอนั่งบนเก้าอี้พับหน้าประตูขณะรับประทานเมล็ดทานตะวัน เธอยังคงหัวเราะคิกคักขณะที่มองโทรศัพท์ เมื่อเธอได้ยินชื่อของเธอถูกเรียกเธอโบกมือแล้วพูดว่า “เทน้ำให้ฉันหน่อยไหมล่ะ?”

หลิงรันเดินไปเงียบ ๆ เพื่อรับถ้วยน้ำสำหรับซิสเตอร์ฮวนซี เขานั่งบนเก้าอี้นอนอีกครั้งและรู้สึกว่าเกมของเขาสนุกมาก