หลี่ฉางโซ่วสงบมากเมื่อเห็นรูปปั้นของเขาถูกทุบ เขาไม่ได้มีอารมณ์ใดๆ
แต่เขารู้สึกเห็นใจอ๋าวอี่เล็กน้อย…
เนื่องจากรูปปั้นของอ๋าวอี่ที่เต็มไปด้วยวัสดุล้ำค่า ถูกมนุษย์ทำลายจนแตกออกเป็นชิ้นๆ จนมีสภาพที่น่าสลดใจ
สถานการณ์ในยามนี้คือเหตุผลที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วอยากทำลายสำนักเทพทะเลเมื่อก่อนหน้านี้
ในขณะนั้น เผ่ามังกรได้ตั้งกองกำลังซุ่มโจมตีเอาไว้พร้อมโดยที่กองทหารต่างๆ ได้เข้าประจำการตามตำแหน่งหมดแล้ว ทั้งนี้ หลี่ฉางโซ่วเตรียมการที่จำเป็นเอาไว้ทั้งหมดแล้ว…
แต่หัวใจของเขาก็ยังไม่อาจสงบมั่นคงได้
เพราะมันไม่ใช่อย่างที่หลี่ฉางโซ่วคิด เช่น หลี่ฉางโซ่วไม่อาจนั่งบนยอดเขาหยกน้อยเพื่อคอยเฝ้าสังเกตจากระยะทางหนึ่งหมื่นลี้ และวางแผนสังหารได้
เยี่ยมยอดแล้วจะมีประโยชน์อะไร
การใช้ชีวิตและมีอายุยืนยาวต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต!
ดังนั้น ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วจึงเริ่มพิจารณาเรื่องต่างๆ หลังจากการสู้รบ แม้ปัญหาจะเพิ่งปะทุขึ้นในสำนักเทพทะเล และการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่เริ่มต้นขึ้น…
หากเขาก้าวไปหนึ่งก้าว เขาก็จะต้องวางแผนล่วงหน้าไป…หลายสิบก้าว
หากครั้งนี้พวกเขาสร้างปัญหามากเกินไปและทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมเสียหาย สำนักเทพทะเลทักษิณย่อมจะกลายเป็นที่สนใจของสำนักบำเพ็ญประจิมมากขึ้นอย่างแน่นอน
แม้จะไม่น่าเป็นไปได้ที่ปราชญ์เทพจะสามารถสรุปที่อยู่ของสำนักเทพทะเลทักษิณได้ แต่ด้วยเหตุจากเรื่องนี้ เขาก็ต้องพิจารณามากขึ้น…
สำนักบำเพ็ญประจิมไม่ได้มีปราชญ์เทพเพียงสองคนเท่านั้น แต่ยังมีศิษย์ของปราชญ์เทพทั้งสองอีกหลายคนด้วย
แน่นอนว่า ชื่อเสียงศิษย์ของปราชญ์เทพเหล่านี้ย่อมไม่อาจเทียบได้กับสิบสองเซียนจิน และศิษย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งแปดคนของสำนักบำเพ็ญฉาน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็อาจไม่อ่อนด้อยกว่ามากนัก
โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญเหวินจิง…เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักว่า เขายังไม่ได้ฝึกฝนจนกลายเป็นเซียนจินที่มีชีวิตยืนยาวได้ ดังนั้นเขาจึงต้องแอบต่อสู้กับ ‘ผู้อาวุโส’ เหล่านี้อย่างลับๆ
หลี่ฉางโซ่วคิดว่าเขาจะต้องเสียสุขภาพจิตจริงๆ หากทำเรื่องเช่นนี้มากเกินไป
เวลานี้ เขาใช้ดวงตาของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขา
กองทัพมังกรได้ตั้งการซุ่มโจมตีใต้ดิน ซึ่งอ๋าวอี่และปรมาจารย์มังกรสองสามคนได้นำกองกำลังทหารเซียนมังกรวารีจำนวนสามพันนายมารวมกันในทะเลทักษิณ
ปรมาจารย์มังกรหลายสิบคนมากำลังไปรวมตัวกันที่สถานที่ที่รูปปั้นเทพเคารพถูกทำลาย และพวกเขากำลังจะไปถึงวิหารในอีกไม่นานนี้แล้ว
หากข้าจำไม่ผิด พวกเขาน่าจะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมซุ่มโจมตี
ปรมาจารย์มังกรเหล่านี้ยังได้รับคำสั่งของอ๋าวอี่มาล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น หากจู่ ๆ พวกเขาถูกโจมตี พวกเขาย่อมจะบุกทะลวงและป้องกันตัวเองได้ใช่หรือไม่
หลังจากฝึกล่อเหยื่อด้วยตนเองแล้ว บัดนี้ เมื่อทหารสามพันนายของอ๋าวอี่เคลื่อนไหว ก็คงจะเป็นเวลาที่ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังของศัตรูจะถูกเปิดเผยออกมา…
ในท้ายที่สุด หลังจากนี้ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับว่า ‘บุรุษหนุ่มน้อย’ และผู้นำสำนักทั้งสองคนจะดำเนินการอย่างไร หลี่ฉางโซ่วได้ให้คำแนะนำทุกขั้นตอน กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง และทักษะการต่อสู้โดยละเอียดกับอ๋าวอี่ แล้ว
ในเวลานี้ ทูตเทวะของหมู่บ้านสง ซึ่งเป็นคนเผ่าเวทได้รวบรวมผู้คนมากกว่าสามร้อยคนในขณะที่ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวของหลี่ฉางโซ่วได้ปลอมตัวเป็นชายร่างกำยำและผสานรวมไปกับกลุ่มทูตเทวะ ซึ่งขณะนี้ พวกเขาได้ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาในบริเวณที่เผ่ามังกรกำลังซุ่มโจมตี
พวกเขาจะไปทำสงคราม แต่พวกเขาจะล่าถอยกลับไปทันทีที่เกิดระลอกคลื่นการโจมตีมากขึ้นในภายหลัง
แม้ศัตรูจะยังไม่ปรากฏตัว แต่หลี่ฉางโซ่วก็มีความคิดคร่าวๆ แล้วว่า แนวโน้มของการต่อสู้การในครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างไร
ทุกวันนี้ สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วกังวลมากที่สุดก็คือ การที่สำนักบำเพ็ญประจิมตรวจสอบสำนักเทพทะเลทักษิณอย่างละเอียดถี่ถ้วน…
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฉางโซ่วก็ขับเคลื่อนเมฆ มุ่งหน้าไปที่หอไป่ฝานแห่งยอดเขาพิชิตสวรรค์
และทันทีที่เขามาถึงหน้าหอไป่ฝาน เขาก็ตระหนักได้ในใจ
บัดนี้ พวกเขาเริ่มต่อสู้กันแล้ว
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วหันกลับมายืนอยู่หน้ารูปปั้นของ ‘อัศวินผู้ทรงเกียรติ กล้าหาญ และทรงคุณธรรม” ขณะที่เขายืนเอามือไพล่หลังและให้ความสนใจกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองสามตัว และทันใดนั้น ภาพต่างๆ ก็ผุดขึ้นในใจของเขา…
ภาพการต่อสู้กัน
ในเวลานี้ วิหารเทพทะเลถูกทุบทำลายและเหล่าผู้พิทักษ์เผ่าพันธุ์มังกรก็พุ่งเข้าไป ในขณะที่มังกรครามสองสามตัวเผยร่างที่แท้จริงของพวกเขาออกมาและแผดเสียงคำรามลั่นอยู่บนท้องฟ้า
ในเวลานั้น เหล่าสานุศิษย์มนุษย์ของสำนักหลีหม่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกระจัดกระจายกันไปอย่างรวดเร็วในขณะที่บางคนก็คุกเข่าลง…
ส่วนสำนักเทพทะเล…
กระบวนการนี้ไม่ได้เพิ่มกรรมร้ายใดๆ
เมื่อบรรดาฝูงชนแยกย้ายกระจัดกระจายกันไป จู่ๆ ก็มีบางอย่างที่ไม่คาดฝันบังเกิดขึ้น!
ฉับพลันนั้น มีร่างเงาดำสองสามร่างที่อยู่ในหมู่สานุศิษย์สำนักเทพหลีหม่าพุ่งขึ้นไปบนฟ้าและโจมตีผู้พิทักษ์เผ่าพันธุ์มังกรกลุ่มนี้อย่างไม่คาดฝัน
และทันทีที่หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่พวกเขา เขาก็เห็นกรงเล็บมังกรโบกสะบัดไปทั่วท้องฟ้า ในขณะที่รัศมีแห่งแสงสมบัติอันล้ำค่านับร้อยสาดประกายฉายแสงระยิบระยับ…
ผู้พิทักษ์มังกรแห่งสำนักเทพทะเลแต่ละคนได้ระดมลำแสงสมบัติล้ำค่ามากกว่าสิบสายโดยเฉลี่ย แล้วระเบิดคลื่นพลังแสงรุนแรงทำลายร่างเงาสีดำเหล่านั้นให้แตกสลายเป็นชิ้น ๆ ไปในทันที!
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงัน
สมกับเป็นเผ่ามังกรบรรพกาล พวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการจริงๆ
แต่แล้ว หลี่ฉางโซ่วพลันรู้สึกสงสัยในใจ
เหตุใดร่างเงาดำเหล่านั้น ซึ่งมีสองเซียนเสิ่น และสามเซียนเทียนจึงต้องรีบพุ่งออกมาในยามนี้
ไม่ ดูเหมือนว่า ข้าจะเคยเห็น…ในสถานการณ์เช่นนี้ในที่ใดมาก่อน…
ยุงเลือด!
ขณะที่คำเหล่านั้นปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉางโซ่ว จู่ๆ มังกรครามทองบนท้องฟ้าก็เงยหน้าขึ้นและร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ก่อนจะแยกเขี้ยวออกมา และหลังจากนั้นมันก็กวัดแกว่งกรงเล็บแล้วพุ่งเข้าหาคนรอบข้างอย่างกะทันหัน!
ไม่นานหลังจากนั้น มังกรครามทั้งสามก็ปรากฏอาการเช่นนั้นขึ้นทีละตัวอย่างผิดปกติ และเหล่าผู้พิทักษ์มังกรต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที
ในขณะนั้น ร่างมากกว่าร้อยร่างพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่ ‘เหล่าสานุศิษย์มนุษย์’ ล้วนหนีไป
ในหมู่พวกเขา มีหลายคนที่เป็นเซียนเทียนระดับกลางและระดับสูง และในเวลานั้น ก็มีกลิ่นอายลมปราณผสมปนเปกันกัน มีทั้งมนุษย์ ปีศาจ และวิญญาณ…
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นั้น หลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ไกลห่างออกไปกว่าพันลี้ ก็อดจะยิ้มขื่นออกมาไม่ได้
บาดหมางเรื่องใดกัน
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจงใจคิดทำร้ายข้าหรือไม่
นี่คือกรรม หากข้ามีความสามารถในการป้องกันตัวเองในโลกบรรพกาลนี้ ข้าจะต้องส่งเสริมผู้บำเพ็ญเหวินจิงอย่างแน่นอน
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นแล้ว ผู้บำเพ็ญเหวินจิงหาวัสดุสำหรับหุ่นเชิดเหล่านี้ได้จากที่ใดกัน
หากการทำนายของหลี่ฉางโซ่วถูกต้อง นางน่าจะค้นหาสิ่งเหล่านี้จากมหาตรีสหัสโลกธาตุและนำมาใช้งาน
เหล่าปรมาจารย์มังกรโกรธจัด และก่อนที่จะได้ยินคำสั่งขององค์ชายรอง ปรมาจารย์มังกรผู้หนึ่งก็ร้องตะโกนว่า “ถอยเดี๋ยวนี้!”
ดังนั้นปรมาจารย์มังกรเหล่านี้จึงไม่ได้ต่อสู้อีกต่อไป พวกเขาแยกตัวออกจากวงล้อมในทันที และทิ้งศพมังกรสองสามตัวและวิญญาณมังกรที่ถูกควบคุมไว้สามตัว แล้วหนีไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ทว่ากลุ่มหุ่นยุงเลือดไล่ที่อยู่ด้านหลังกำลังไล่ตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ แต่เผ่าพันธุ์มังกรสามารถบินได้ดีและถอยห่างออกมาได้ในชั่วระยะเวลาอันสั้น
แต่ไม่นานหลังจากที่เหล่าผู้พิทักษ์มังกรบินออกไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีการซุ่มโจมตีปรากฏขึ้นที่ทางด้านหน้า
หลังจากถูกสกัดกั้น เหล่าผู้พิทักษ์มังกรก็หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือทันทีและหนีไปด้วยความไม่สบายใจ
ในเวลานี้ ผู้พิทักษ์มังกรหลายสิบคนรู้สึกคับข้องใจจริงๆ
หากไม่ใช่เพราะคำสั่งอันเคร่งครัดขององค์ชายรองที่พวกเขาต้องปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟังแล้ว พวกเขาคงต่อสู้กันจนตายกันไปข้างหนึ่งกับคนเหล่านั้นจริงๆ เพื่อปกป้องเกียรติสูงส่งของเผ่าพันธุ์มังกร! ในขณะที่ห่างออกไปทางใต้หลายพันลี้ เหล่าทหารเซียนมังกรวารีสามพันนายพร้อมที่จะพุ่งโจมตี
ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างเงาดำก็ปรากฏขึ้นในหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ และความจริงแล้วมีร่างเงาดำสามถึงสี่พันคน…