ตอนที่ 311 มีเงินก็มักจะแสดงอำนาจ(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 311 มีเงินก็มักจะแสดงอำนาจ(2)

ตอนที่ 311 มีเงินก็มักจะแสดงอำนาจ(2)

“เธอ…….”

ซุนฮุ่ยหงได้ยินคำพูดนี้พลันรู้สึกโกรธมาก แต่เมื่อนึกถึงฉินมู่หลาน สุดท้ายก็ไม่เอ่ยอะไรอีก เพราะลึกๆ ในใจแล้วไม่ค่อยกล้ายั่วโทสะของฉินมู่หลานหลานสาวคนนั้น

ขณะนี้ฉินเจี้ยนหัวกลับมาแล้ว กระทั่งเขารับรู้เรื่องนี้ เขาก็ยิ้มพลางเอ่ยทันใด “น้องสะใภ้ พรุ่งนี้จาวตี้และอวี้เฟิ่งจะไปที่นั่นตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนพวกเราจะคอยช่วยดูแลเด็กน้อยทั้งสองคนเอง จะทำให้จาวตี้และอวี้เฟิ่งไม่ต้องกังวล” เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เขามองดูสะใภ้ทั้งสองคนพลางเอ่ย “พรุ่งนี้ไปช่วยฉินมู่หลาน จงพยายามให้ดีที่สุดและห้ามแอบอู้เป็นอันขาด”

หวังจาวจี้และซ่งอวี้เฟิ่งต่างพยักหน้าและเอ่ย “พ่อคะ พวกฉันเข้าใจแล้ว”

เรื่องนี้ก็เป็นอันตกลงกันตามนี้ ซูหว่านอี๋ไม่อยู่ต่อและกลับไปในทันที

หลังจากฉินมู่หลานรอให้ซูหว่านอี๋จากไป เธอเองก็ออกไปหาเยว่เจินจู หลังมาถึงที่อยู่ที่เยว่เจินจูทิ้งไว้ให้ เธอก็เห็นว่าเยว่เจินจูอยู่บ้านพอดี จึงบอกข่าวการนำเครื่องสำอางเข้าสู่ห้างสรรพสินค้ากับหล่อน

เยว่เจินจูได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าพลันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“จริงหรือเปล่า เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมมากเลย ถ้างั้นอีกเดี๋ยวฉันก็จะสามารถไปทำงานที่ห้างได้แล้วใช่ไหม”

“ใช่แล้ว หลังจากฉันผลิตสินค้าล็อตแรกออกมาแล้ว เธอก็ไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าได้เลย ในช่วงสามสี่วันนี้เธอก็ใช้โอกาสฝึกฝนได้มากขึ้นอีกนะ” ขณะพูด ฉินมู่หลานหยิบเครื่องสำอางบางส่วนออกมาและกล่าว “ของพวกนี้เป็นสิ่งที่ฉันเก็บเอาไว้ นำมาให้เธอฝึกฝนได้มากขึ้นอีกหน่อยพอดีเลย”

เยว่เจินจูเห็นเครื่องสำอางที่ฉินมู่หลานหยิบออกมา ดวงตาพลันเปล่งประกาย รีบมองดูทุกอย่าง สุดท้ายพยักหน้าด้วยความรวดเร็วและเอ่ย “เธอวางใจได้เลย ฉันจะฝึกฝนให้ดีอย่างแน่นอน”

ก่อนหน้านี้หล่อนเคยเรียนรู้เทคนิคการแต่งหน้าของฉินมู่หลานมาแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าสามารถแต่งเติมได้อีกเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เพิ่มแรงดึงดูดได้มากขึ้น ตอนนี้มีเครื่องสำอางเหล่านี้แล้ว จึงทำให้หล่อนสามารถศึกษาได้อย่างละเอียด

“ดีเลย งั้นเธอก็ฝึกฝนให้มากขึ้นเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน เมื่อไหร่ที่ไปทำงานได้แล้ว ฉันจะแจ้งเธออีกครั้ง”

“ตกลงค่ะ”

หลังจากฉินมู่หลานกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าแม่ของตนกลับมาแล้ว

ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวก็เอ่ยทันใด “พรุ่งนี้จาวตี้และอวี้เฟิ่งจะมาที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นลูกก็ไปเรียนเถอะ พวกเราจะสอนเรื่องพื้นฐานบางส่วนให้กับพวกหล่อนเอง”

“ตกลงค่ะ ลำบากพวกแม่แล้ว”

“ไม่ลำบากเลย”

เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างเองก็มีความคิดแบบเช่นเดียวกัน

ฉินมู่หลานกลับยิ้มพลางเอ่ย “แน่นอนว่าลำบากแล้ว พวกแม่ไม่เพียงแต่ต้องช่วยดูแลลูกทั้งสองคนเท่านั้น แถมยังต้องคอยช่วยหนูผลิตเครื่องสำอางอีกด้วย ลำบากเกินไปแล้วจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะต้องจ่ายค่าแรงพิเศษให้กับพวกแม่อย่างแน่นอน ธุรกิจเครื่องสำอางนี้ถือได้ว่าเป็นของพวกเราทั้งสามคน”

ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ก็รีบส่ายศีรษะพลางเอ่ย “มู่หลาน ลูกอย่าพูดแบบนี้ พวกเราทำไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น จะนับรวมเข้าไปด้วยได้ยังไง ถ้ารู้สึกว่าพวกเราลำบากก็ให้เงินเดือนพวกเราพอแล้ว”

ฉินมู่หลานกลับวางแผนไว้แล้วว่าจะทำให้แม่ทั้งสองคนทำธุรกิจของตนเอง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจแล้ว

ยิ่งกว่านั้นธุรกิจเครื่องสำอางนี้ก็เป็นความตั้งใจเพียงชั่ววูบของเธอ หลังจากนี้เธอจะให้ความสนใจกับการค้นคว้าวิจัยยา โดยที่เครื่องสำอางไม่ใช่หัวใจหลัก “แม่ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วค่อยคุยกันแล้วกันค่ะ”

เหยาจิ้งจือและซูหว่านอี๋ต่างก็คิดว่าฉินมู่หลานรับฟังแล้ว ดังนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

กระทั่งวันถัดมา หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ ใบหน้าของพวกหล่อนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ร่างกายเต็มเปี่ยมด้วยพลังงาน

ฉินมู่หลานเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จและกำลังจะเดินทางไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับฉินเคอวั่ง ครั้นเห็นว่าพี่สะใภ้ทั้งสองคนมาแล้วก็พลันยิ้มและเอ่ย “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง วันนี้แม่ของฉันและแม่สามีจะสอนพวกพี่ว่าต้องทำอะไรบ้าง พวกพี่เรียนรู้ไปพร้อมกับพวกหล่อนก็พอแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งต่างก็พยักหน้าและกล่าว “ได้เลยมู่หลาน พวกเราจะตั้งใจเรียนรู้จากอาสะใภ้เป็นอย่างดี”

เมื่อคืนนี้ฉินมู่หลานสอนแม่และแม่สามีอย่างจริงจัง ดังนั้นซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือจึงคุ้นเคยกับการผลิตเครื่องสำอางมากยิ่งขึ้น การสอนหวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งย่อมไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน

หลังจากฉินมู่หลานเรียนคาบเช้าเสร็จสิ้น เธอวางแผนจะไปยังร้านค้าจีนโพ้นทะเลและห้างโหยวอี้เพื่อดูเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าฉินมู่หลานออกไปโดยไม่แม้แต่จะกินข้าว หล่อนจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “มู่หลาน เธอจะไปไหน?”

“ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอกน่ะ จะกลับมาก่อนคาบเรียนช่วงบ่าย”

“งั้นฉันจะไปกับเธอด้วย”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “เธอไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารเหรอ?”

“ไม่อยากกิน กับข้าวโรงอาหารไม่อร่อยเลย”

เซี่ยปิงหรุ่ยเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ ขณะเดียวกันก็เดินตามรอยเท้าของฉินมู่หลานออกไปด้านนอก “ดังนั้นฉันจะออกไปด้านนอกกับเธอ จริงสิ เธอจะไปที่ไหนกันแน่?”

“ฉันจะไปร้านค้าจีนโพ้นทะเลและห้างโหยวอี้เพื่อติดตามธุรกิจเครื่องสำอางของฉัน เธอแน่ใจใช่ไหมว่าจะไปด้วยกัน?”

“เธอนี่สิ้นเปลืองความสามารถจริงๆ”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานวิ่งเต้นเพื่อเรื่องของเครื่องสำอางแล้วก็มีสีหน้าไม่เห็นด้วย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็อยากจะไปดูด้วย ฉันต้องการเห็นว่าการที่เธอวิ่งเต้นเพื่อธุรกิจเครื่องสำอางนี้ของเธอนั้นคุ้มค่าหรือเปล่า”

เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยยืนกรานจะไปด้วย สุดท้ายฉินมู่หลานก็เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “เพื่อนร่วมชั้นเซี่ยปิงหรุ่ย เธอต้องการจะไปด้วยจริงเหรอ เหมือนกับว่าพวกเราสองคน……ยังไม่สนิทกันถึงขั้นนั้น”

แม้ว่าจะอยู่หอพักเดียวกัน แต่หลังจากคำนวณอย่างรอบคอบแล้วพวกเธอเพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่วันเท่านั้น

ไม่รู้ว่าเซี่ยปิงหรุ่ยฟังไม่เข้าใจหรือว่าไม่อยากเข้าใจ หล่อนยังคงตามฉินมู่หลานออกจากมหาวิทยาลัย

ช่วงเวลาตอนเที่ยงนั้นเดิมทีเร่งรีบมาก ฉินมู่หลานเหลือบมองเวลาและไม่เอ่ยอะไรอีก จากนั้นตรงไปยังร้านค้าจีนโพ้นทะเล

เมื่อทั้งสองคนมาถึงร้านค้าจีนโพ้นทะเล ฉินมู่หลานก็สอบถามกับเจ้าหน้าที่รับผิดชอบและค้นพบเคาน์เตอร์ที่สงวนไว้ให้เครื่องสำอาง เมื่อมองไปยังเคาน์เตอร์ขนาดเล็กตรงหน้า ภายในสมองของฉินมู่หลานพลันเกิดความคิดเล็กน้อย

เซี่ยปิงหรุ่ยชำเลืองมองเคาน์เตอร์ที่ว่างเปล่านี้เช่นกัน จากนั้นเอ่ย “เคาน์เตอร์เครื่องสำอางของเธอมีแค่นี้เหรอ ทำเลที่จัดวางธรรมดามาก พื้นนี้ก็เล็ก เธอแน่ใจเหรอว่าจะมีคนซื้อ?”

“แน่นอนว่าฉันไม่แน่ใจ แค่มีตำแหน่งให้วางเครื่องสำอางของฉันก็ดีมากแล้ว”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นสถานการณ์นี้ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก

จากนั้นฉินมู่หลานก็ไปยังห้างโหยวอี้และที่นั่นเธอได้พบกับหลิวเสวียข่าย

หลิวเสวียข่ายเห็นว่าฉินมู่หลานมาดูเคาน์เตอร์ด้วยตนเองก็เลยพาเธอเดินรอบห้างและเอ่ยเร่งเร้า “คุณจะต้องผลิตเครื่องสำอางให้ทัน การพึ่งพาเพียงแค่การผลิตด้วยมืออย่างเดียวนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะไม่ทัน”

ฉินมู่หลานจึงกล่าวเรื่องที่ตนเองกำลังจะเปิดโรงงานขนาดเล็ก

หลิวเสวียข่ายได้ยินเช่นนั้นพลันพยักหน้าและกล่าว “ก็ดี คุณจะต้องจัดการให้เร็วขึ้นหน่อย ในช่วงแรกคาดว่าพวกคุณจะต้องเร่งทำการผลิต”

“หัวหน้าหลิววางใจได้เลยค่ะ ฉันเข้าใจดี”

หลังจากดูเสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็จากไป สุดท้ายเซี่ยปิงหรุ่ยยังคงเอ่ยถามคำถามหนึ่ง “เธอต้องการเปิดโรงงานขนาดเล็ก งั้นทำไมไม่เปิดให้เร็วกว่านี้หน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ ช่วงแรกเธอเองก็ไม่ต้องเสียเวลาและเสียแรงมาทำการผลิตด้วยมือ”

“ยังขาดอุปกรณ์อยู่เล็กน้อยน่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยเอ่ยถาม “เธอยังขาดอุปกรณ์อะไร?”

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนี้พลันหันศีรษะไปมองและเอ่ยถาม “เธอถามเรื่องเหล่านี้ไปทำไม?”

“หากเธอขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้ ฉันจะช่วยเธอแก้ปัญหา จากนั้นเธอจะค้นคว้าวิจัยยาได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรเรื่องของเครื่องสำอางอีก”

ได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานเลิกคิ้วขึ้น “เธอสามารถแก้ไขปัญหาได้เหรอ?”

“เธอพูดมาก่อนสิ”

ฉินมู่หลานเองก็ไม่ได้คิดจริงจัง เธอเอ่ยเรื่องเครื่องจักรและอุปกรณ์มากมายด้วยท่าทางสบายๆ สิ่งที่เธอให้ลุงเจี่ยงช่วยหานั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งของมากมายที่ไม่สามารถจัดหาได้สะดวกในตอนนี้ เธอจึงไม่ได้ถือเอาคำพูดของเซี่ยปิงหรุ่ยมาคิดจริงจัง เพียงแค่พูดออกไปก็เท่านั้น ไม่ต้องให้หล่อนมาสนใจเรื่องเหล่านี้อีก

แต่ถึงอย่างนั้น……

สิ่งที่ทำให้ฉินมู่หลานคาดไม่ถึงก็คือเซี่ยปิงหรุ่ยแสดงอำนาจความร่ำรวยจัดแจงและเตรียมสิ่งของเหล่านั้นไว้อย่างเรียบร้อยโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แถมยังแสดงท่าทางถ้าอยากได้อะไรอีกก็ให้บอกกับหล่อน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจอซับพลายเออร์ใหญ่เข้าให้แล้วไงมู่หลาน จะร่วมมือระยะยาวไหมนะ

ไหหม่า(海馬)