บทที่ 290 บทส่งท้ายภารกิจ ณ เมียนมา

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 290 บทส่งท้ายภารกิจ ณ เมียนมา

งานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก มันถูกจัดขึ้นที่โรงแรมนานาชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีไว้เพื่อต้อนรับทูตจากต่างแดน มีมาตรฐานค่อนข้างสูง

ในฐานะประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศเมียนมาจึงมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบโรงแรมระดับไฮเอนด์และการตกแต่งอันหรูหราอลังการ โดยถ่ายทอดกลิ่นอายของสังคมชนชั้นสูงออกมา

ทว่าไป๋เยี่ยก็เพิ่งจะพบว่าไม่มีใครอยากนั่งกินข้าวกับเขา ช่างเป็นเรื่องชวนเหงาจริงๆ อย่างไรเสียคนเราก็ควรจะอร่อยไปกับมื้ออาหารอันโอชะด้วยกัน

แต่ถึงกระนั้น ความเหงาก็เข้าครอบงำได้เพียงชั่ววินาทีเท่านั้น…

เพราะว่าตัวหลักของงานเลี้ยงครั้งนี้คือไป๋เยี่ย ในฐานะที่เขาเป็นถึงข้าราชการคนใหม่ของเมียนมา เสน่ห์ของเขาจึงมากเกินกว่าจะจินตนาการได้

ข่าวคราวมักถูกแพร่กระจายออกไปทั่วแวดวงเล็กๆ อย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ วันนั้นข่าวที่ไป๋เยี่ยได้รับตำแหน่งข้าราชการจึงถูกเล่าต่อกันไปในแวดวงข้าราชการทันที

ข้าราชการตำแหน่งเล็กใหญ่ในเมียนมาต่างได้ยินข่าวนี้แล้ว

การที่ไป๋เยี่ยเป็นถึงข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยประมุขแห่งรัฐที่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินนั้นถือเป็นเรื่องเหนือจินตนาการในยุคปัจจุบันจริงๆ

ที่ดินผืนนั้นอาจไม่ใหญ่นัก แต่มันเป็นทรัพยากรของประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของประเทศชาติและผู้นำ

ท่านประธานาธิบดีคิดจะดึงตัวไป๋เยี่ยมา!

ดังนั้นข้าราชการเมียนมาจำนวนมากจึงเข้าหาไป๋เยี่ยอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เองก็ถูกจัดเตรียมโดยข้าราชการหลายคน

เพราะว่าพวกเขาต้องการสืบข้อมูลเกี่ยวกับไป๋เยี่ย

หลังจากที่สตรีตำแหน่งสูงๆ หลายคนเห็นว่าไป๋เยี่ยยังอายุน้อยแถมยังมีหน้าตาหล่อเหลา พวกเธอต่างก็รู้สึกประทับใจและเริ่มลงมือทันที

ทว่าน่าเสียดาย…ดูเหมือนพวกเธอจะดูแคลนอุดมคติและสิ่งที่พวกเด็กเรียนแสวงหาไปหน่อย ทั้งยังเพิกเฉยทัศนคติของพวกเขาในด้านของการเลือกคู่ครองด้วย

บรรดาลูกสาวข้าราชการต่างแต่งตัวสวยสดมาหาไป๋เยี่ย แต่ไม่นานพวกเธอก็ต้องแยกย้ายกันไป

เพราะว่าพวกเธอไม่สนใจเรื่องปริมาณโปรตีนและวิตามินในอาหาร ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้ของมนุษย์กับรูปร่าง ไหนจะไม่อยากคุยกับไป๋เยี่ยเรื่องการแพร่ของพยาธิตัวตืดหมู[1]และพยาธิเส้นด้าย[2]ในอาหาร คงไม่มีใครอยากใช้ค่ำคืนอันแสนโรแมนติกนี้พูดคุยกับผู้ชายที่ในหัวมีแต่เรื่องปรสิตหรอก

เมื่อไป๋เยี่ยเห็นว่าสาวๆ ค่อยๆ แยกย้ายกันไป เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าคนอื่นๆ กำลังคิดอะไรอยู่

ก็อยากได้ผมกันนักไม่ใช่เหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!

ในขณะเดียวกัน เทพธิดากลางหิมะที่ไป๋เยี่ยฝันถึงก็ส่งสายตามาที่เขา

เราจะไม่ทำลายอนาคตตัวเองแน่นอน!

ต้องทำตัวดีๆ…

แม้ว่าไป๋เยี่ยจะไม่รู้ว่าทำไมหลีจื่อเหยียนถึงไม่มานั่งวิจัยคุณค่าทางโภชนาการของล็อบสเตอร์กับตน แต่ไป๋เยี่ยก็รู้ดีว่าเธอคงไม่อยากเห็นเขาคุยกับผู้หญิงคนอื่นอย่างแน่นอน

สายตาของไป๋เยี่ยซึ่งได้รับการบำรุงหลังจากดื่มน้ำยาวิวัฒนาการไป ทำให้เขามองเห็นว่าหลีจื่อเหยียนกำลังกุมมือด้วยความประหม่าพร้อมกับมองมาทางตนมาสักพักแล้ว

ไป๋เยี่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ดูเหมือนว่าจื่อเหยียนก็สนใจเราเหมือนกัน! อืม…เป็นเรื่องที่ดี! ไว้กลับไปจะต้องพาเธอไปเจอแม่หน่อยแล้ว

ท้ายที่สุด ทุกคนทนดูไป๋เยี่ยนั่งกินอาหารคนเดียวอย่างเหงาหงอยไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาดื่มเหล้าเพื่อเฉลิมฉลองและเต้นรำเป็นเพื่อนไป๋เยี่ยอย่างมีความสุข

คืนนั้นไป๋เยี่ยจึงนอนอยู่บนเตียงของโรงแรมพร้อมกับความสุขที่อัดแน่นเต็มหัวใจ

เขาและจื่อเหยียนจับมือเต้นรำกันอยู่พักใหญ่ หลังจากกลับมาที่ห้องเขาก็ไม่ได้ล้างมือทั้งคืน ในใจของเขาก็มีแต่ใบหน้าน่ารักและไร้เดียงสาของหญิงสาว

ไป๋เยี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เขานอนอยู่บนเตียงทั้งที่ยังใส่ชุดเดิมอยู่ก่อนจะหลับตาลงและนึกถึงคืนที่เธอเดินฝ่าหิมะมา

งามจริงๆ

บางครั้งคำว่า ‘งาม’ ก็ไม่ใช่คำคุณศัพท์ แต่เป็นคำสรรพนามหรือกริยาต่างหาก

ความสวยงามไม่มีนิยามที่ตายตัว วาซีลี คันดันสกี[3]จิตรกรแนวนามธรรม[4] ผู้มีชื่อเสียงที่สุดในโลกกล่าวไว้ว่า ‘ความงามคือภาพนามธรรม คุณจะเข้าใจมันได้ก็ต่อเมื่อภาพนั้นเข้าครอบงำจิตใจของคุณจนทำให้คุณคิดอะไรไม่ออกหรือหายใจไม่ได้ คุณก็จะเข้าใจเองว่าอะไรคือความงาม’

น่าเสียดายที่จิตรกรนามธรรมผู้นี้ไม่เคยพบกับสิ่งสวยงามที่เขาแสวงหามาตลอดชีวิตเลย ทว่าเขากลับซ่อนความงามนั้นไว้ในภาพวาดของเขา

เมื่อไป๋เยี่ยยังเด็ก เขามักจะเห็นพ่อสะสมภาพวาดไว้อยู่เสมอ ตอนนั้นเขาจึงเข้าใจว่าศิลปะคือความงาม

ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าความงามคือสิ่งที่เคลื่อนไหวได้!

เช่นเดียวกับหัวใจของเขา ทุกครั้งที่เขาคิดถึงตอนที่ได้เต้นรำกับจื่อเหยียน หัวใจของเขาก็จะเต้นระรัว

ไป๋เยี่ยทาบมือลงบนตำแหน่งหัวใจก่อนจะค่อยๆ หลับลงไป

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อไป๋เยี่ยตื่นขึ้นมา เขาก็โยนกางเกงในลงถังขยะก่อนจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า

วันนี้จะได้กลับบ้านแล้ว แต่…ก่อนที่จะเช็คเอาท์ ไป๋เยี่ยก็หันกลับมามองถังขยะด้วยสายตาอันลึกซึ้งแล้วถอนหายใจเบาๆ ผมจะกลับประเทศแล้ว…จะจำไว้ว่า เมียนมาคือสถานที่ที่ผมเคยฮึดสู้มาก่อน!

เมื่อไป๋เยี่ยและทีมแพทย์ออกมาจากโรงแรมและกำลังตรงไปที่สนามบิน พวกเขาก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาหาพวกเขา

ไป๋เยี่ยถึงกับผวา!

เขานึกออกเพียงสองอย่างนั่นคือ เหตุจลาจลกับการโจมตีของผู้ก่อการร้าย!

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นคนเหล่านั้นชัดเจนขึ้นแล้ว ไป๋เยี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาคุ้นเคยกับใบหน้าเหล่านี้มาก เพียงแต่ว่ากลุ่มคนตรงหน้ายังคงมีอาการบาดเจ็บ บ้างก็พันแผลด้วยผ้าก๊อซ บ้างก็ใส่เฝือก ถึงขั้นมีบ้างคนนั่งวีลแชร์มา

ถ้าคนพวกนี้ก่อจลาจล แสดงว่าไป๋เยี่ยเองก็เป็นผู้ก่อการร้ายเช่นกัน…

บางคนจะก้าวขาสักก้าวยังก้าวไม่ออก แต่ก็ยังคงช่วยกันพยุงร่างเดินเข้ามาหาไป๋เยี่ย

พวกเขาถือป้ายที่มีข้อความเขียนว่า

‘ขอบคุณผู้มีพระคุณ!’

‘พวกคุณคือคนที่น่ารักที่สุด!’

ผู้มีพระคุณ…

ทุกคนยืนมองไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ เดินสะพายกระเป๋าขึ้นรถบัสอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงดังหรือแสดงความตื่นเต้นมากนัก เพียงแค่มองดูคนกลุ่มนี้ด้วยสายตาที่จริงใจที่สุด เหล่าทีมแพทย์ที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว

ผู้คนหลายพันคนยืนขนาบถนนทั้งสองข้างมองตามทีมแพทย์อย่างเงียบๆ ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง

หลังจากแผ่นดินไหว ตอนนี้พวกเขาไม่มีอะไรนอกจากจิตวิญญาณอันแสนจริงใจแล้ว และในตอนนี้ความจริงใจนั้นก็สะท้อนออกมาผ่านแววตาของพวกเขา ด้วยความหวังว่าจะส่งผ่านความรู้สึกนั้นไปได้

หลีจื่อเหยียนกลั้นไม่อยู่ หยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้าของเธอจนเธอต้องรีบเช็ดน้ำตา ยิ้มกลบเกลื่อนและโค้งคำนับก่อนจะขึ้นรถไป

ตอนนี้เหล่าทีมแพทย์จึงพบว่าทั้งสองข้างทางนั้นมีผู้คนนับพันกำลังมองตามรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังสนามบินอยู่

ขณะที่รถกำลังขับไปอย่างช้าๆ ทุกคนก็โค้งคำนับลงเล็กน้อยพลางมองรถบัสที่แล่นออกไป…

หลีจื่อเหยียนนั่งน้ำตานองอยู่ในรถ

ขณะที่นอกรถนั้นเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ

[1] พยาธิตัวตืดหมู เป็นพยาธิที่มักพบในเนื้อหมูดิบ ติดเชื้อได้จากการรับประทานหมูดิบหรือหมูสุกๆ ดิบๆ

[2] พยาธิเส้นด้าย หรือ พยาธิเข็มหมุด เป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ในชั้นเยื่อเมือกของลำไส้เล็ก

[3] วาซีลี คันดินสกี เป็นศิลปินชาวรัสเซียผู้บุกเบิกงานศิลปะแนวนามธรรม

[4] ศิลปะแนวนามธรรม (Abstract Art) คือ แบบอย่างของทัศนศิลป์ที่เกี่ยวกับจิตใจ แสดงความรู้สึกของมนุษย์ต่อธรรมชาติแวดล้อม