บทที่ 354 ผู้ทดสอบที่ล้มเหลว
บทที่ 354 ผู้ทดสอบที่ล้มเหลว
หลังจากเจ้าเมืองคิดแล้วคิดอีก เขาก็พูดขึ้น “เจ้าเห็นข้าไหมล่ะ ข้าก็เคยเป็นคนที่บังเอิญเข้ามาที่นี่ แต่ข้าทำภารกิจไม่สำเร็จดังนั้นเลยต้องอยู่ที่นี่ จนได้เป็นเจ้าเมืองนี้ละ!”
คิด ๆ ดูแล้วเจ้าเมืองก็พูดต่อ “ตอนเพิ่งเข้ามาก็เห็นคนอื่น ๆ แล้วใช่ไหม? พวกเขาทั้งหมดก็คือคนที่เข้าร่วมการทำภารกิจนั้นแหละ เพียงแต่ว่าสุดท้ายก็ล้มเหลว! ตอนนี้ข้าคาดหวังให้เจ้าทำสำเร็จเพราะถ้าเจ้าทำสำเร็จ พวกเราเองก็ได้รับการช่วยเหลือไปด้วย”
ฉู่เหินได้ยินดังนั้น จิตใจก็สับสนจากนั้นจนต้องถามออกมาอย่างเป็นกังวล “ท่านเจ้าเมือง อย่าบอกนะว่าภารกิจนี้ในเมืองโบราณไม่มีสักคนเดียวเลยที่ทำสำเร็จน่ะ?”
พอเจ้าเมืองได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าเงียบ ๆ เป็นการตอบฉู่เหิน
ทว่าท่าทางแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกปวดหัวจนแทบเป็นบ้าแทน
ล้อเล่นกันหรือไง? ถ้าไม่มีใครทำสำเร็จเลยแล้วเขาจะทำสำเร็จได้ยังไงกัน? ไม่มีทางเป็นไปได้เลย! แต่ว่า…ภารกิจยากขนาดนี้ของรางวัลก็คงไม่น้อยเลยสินะ
เมื่อเจ้าเมืองได้ยินฉู่เหินถามเรื่องรางวัล สายตาก็เปลี่ยนไปทันที ตอนที่เจ้าเมืองเข้ามาที่นี่ไม่เคยมีใครได้รางวัลสักคน พวกเขาต้องเก็บไฟแค้นไว้ในใจพร้อมกับทำใจปล่อยวางอยู่ที่นี่ แต่เจ้าเมืองรู้ว่าถ้าทำภารกิจสำเร็จจริง ๆ ของรางวัลจะต้องอลังการมากอย่างแน่นอน
เป็นใครก็อยากจะทำภารกิจให้สำเร็จ เพราะนอกจากจะได้ออกไปจากเมืองโบราณยังจะได้รางวัลล้ำค่ากลับไปอีกด้วย สถานที่แห่งนี้เป็นค่ายกลที่พิเศษมาก แค่เข้ามาในค่ายกลพวกเขาก็ได้มีโอกาสรับความรู้ที่ล้ำค่ามากมาย! ตอนที่พวกเขาอยู่ที่นี่เหมือนกับ การกรอกกะทิเข้าสู่ศีรษะ*
(*กรอกกะทิเข้าสู่ศีรษะ หรือ หัวกะทิ หมายถึง ได้รับความรู้ที่ยอดเยี่ยมเลิศล้ำ จนเห็นแสงสว่างทางสติปัญญา)
แถมเมื่ออยู่ที่นี่วรยุทธ์ทุกอย่างก็จะพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด ถ้าให้พูดกับตามจริงแล้วก็มีแต่ข้อดี รางวัลที่พิชิตที่นี่ได้ก็ต้องดียิ่ง
แม้การจะได้รับของรางวัลจะยากแสนยาก แต่ก็มีผู้เข้าร่วมรับภารกิจนี้อยู่ พวกเขาคล้ายกับวิ่งหารางวัลที่ไม่มีอยู่จริง ส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนเลือดร้อนที่ได้ยินว่ามีเมืองโบราณอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะมาที่นี่เพื่อล่าของรางวัล
แน่นอนว่าก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีบางคนที่พยายามตีเนียนเข้ามาหวังผลประโยชน์ แต่ไม่มีใครกล้าถามหารางวัลด้วยตัวเองอย่าง ฉู่เหิน มาก่อน
ฉู่เหินกล้าพูดออกมาอย่างจริงใจ เจ้าเมืองยิ่งเคารพฉู่เหิน หนุ่มวัยเท่านี้น้อยมากที่จะพูดออกมาอย่างจริงใจ คนที่มาที่นี่มักชอบจะประจบสอพอ แต่เจ้าเมืองชอบคนตรงไปตรงมา และคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาหายากยิ่ง
หลังฉู่เหินได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ ดวงตาก็เปล่งประกาย เขามาที่นี่เพื่อเพิ่มพลัง โอกาสมากองอยู่ตรงหน้าตัวเองแบบนี้ เขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร? แต่ประโยคถัดมาของเจ้าเมืองก็ทำให้อารมณ์ของเขาดับวูบ
“ไม่เพียงแต่ข้าที่ล้มเหลว ยังมีพวกเมื่อกี้ที่เจ้าเห็นร้อยคนนั้นเองก็เป็นผู้ที่ทำภารกิจไม่สำเร็จเช่นกัน”
เมื่อสิ้นเสียงประโยคนี้ ฉู่เหินก็รู้สึกว่ากำลังหลอกตัวเองอยู่ เพราะร้อยคนข้างนอกนั้นถ้านับจากวรยุทธ์ทุกคนสูงส่งกว่าเขามาก ถ้าทุกคนล้มเหลวแล้วตัวเขาจะทำสำเร็จได้ยังไง?
“เจ้าอย่ามองว่าคนพวกนั้นพลังวรยุทธ์ไม่ได้สูงอะไรเชียว นั้นก็เพราะว่าโลกนี้ระงับพลังวรยุทธ์ของพวกเขาเอาไว้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเลื่อนขั้นพลังไปได้ ไม่งั้นด้วยความสามารถระดับอัจฉริยะอย่างพวกเขาไม่เพียงแต่จะสามารถทะลวงขั้นราชันดารา อาจทะลวงขั้นจักรพรรดิดาราได้ด้วยซ้ำ!”
พอได้ยินคำแนะนำของเจ้าเมือง ในที่สุดฉู่เหินก็เข้าใจกฎของที่นี่
เมืองโบราณแห่งนี้เป็นโลกคู่ขนานที่ไม่เหมือนใคร คนนอกที่เพิ่งเข้ามาพลังวรยุทธ์จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนพวกเขาคิดว่าพลังตัวเองมีเพียงพอแล้วที่จะสามารถสู้กับทัพซอมบี้ได้
แต่ถึงเวลานั้นก็จะเป็นวันนรกแตกของจริง ถ้าไม่สามารถทำภารกิจสำเร็จพวกเขาก็จะต้องติดอยู่ที่นี่ อีกทั้งที่นี่เป็นสถานที่แปลก ๆ ก็คือไม่ว่าจะมีพลังวรยุทธ์สูงส่งขนาดไหน พลังของซอมบี้พวกนั้นก็จะสูงกว่าตน 3 ระดับ เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ว่าจะต่อสู้กับซอมบี้กี่ครั้ง โอกาสแพ้ชนะก็น้อยมากแม้จะแข็งแกร่งขึ้นมาแล้วก็ตาม!
แถมต่อให้พลังวรยุทธ์ต่ำต้อย ซอมบี้พวกนี้ก็แข็งแกร่งไม่อ่อนตามผู้ต่อสู้ทำให้ส่วนมากคนที่มาถึงที่นี่ล้วนฝึกฝนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เพราะอย่างน้อยก็ยังมีโอกาศชนะ ยิ่งการฝึกฝนที่นี่ 1 วันเทียบได้กับการฝึกฝนที่ข้างนอกนับ 1,000 วัน หากออกไปจากที่นี่แล้วจะหาสถานที่ฝึกฝนดี ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนอีก
อีกทั้งที่สำคัญก็คือที่นี่นั้นกำจัดเวลา ในระหว่าง3 เดือนที่อยู่ที่นี่หากไม่สามารถทำภารกิจสำเร็จก็จะถูกปรับแพ้ทันทีแล้วพลังวรยุทธ์ก็จะไม่สามารถเลื่อนขั้นได้อีกตลอดการ แม้จะฝึกฝนอีกเป็น 10 ปีก็ตาม
และที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นคือพลังวรยุทธ์นอกจากจะไม่เลื่อนขั้นแล้ว มันยังถดถอยลงเรื่อย ๆ อีกด้วย เพราะเหตุนี้ทำให้ทุกคนต้องฝึกฝนวิชากันอย่างบ้าคลั่ง พอฉู่เหินได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกสงสารคนที่นี่สุด ๆ
ฉู่เหินก็ได้ข้อสรุปว่า ซอมบี้ข้างนอกนั่นน่ากลัวถึงขีดสุด เพราะมันมีจำนวนมากมายและไม่มีตัวไหนอ่อนแอ แถมจากที่ได้ยินมาตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือขั้นราชันดาราระดับสูง ทั้งยังมีจำนวนไม่น้อย เมื่อเป็นแบบนี้อาศัยความสามารถของคนในเมืองไม่มีใครเป็นคู่มือของมันหรอก!
แต่จากที่เจ้าเมืองบอกไว้ นอกจากคนที่เข้ามาทางอื่นแบบเขาแล้ว จะต้องมีคนกลุ่มอื่นเข้ามาแน่ ๆ ถึงอย่างไรคนที่เข้ามาเกาะสวรรค์ก็มีแต่คนเก่ง ๆ เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจหลงเข้ามาในเมืองโบราณก็ได้ แถมที่ทางเข้าปกติ จะมีผู้เฝ้าประตูคอยปลุกปั่นจนจิตใจเร่าร้อนอยากเข้ามาในเมืองให้ได้
เหตุการณ์นี้เป็นแผนการที่มีมาอย่างช้านาน หลังจากที่เข้ามาที่นี่ทุกคนก็จะเจอกับกับดักขนาดใหญ่คือ…ถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะไม่ได้กลับออกไป
แต่หลังจากได้ยินที่เจ้าเมืองบอก ฉู่เหินก็เข้าใจอยู่หนึ่งเรื่องว่าอีกไม่นานจะมีคนอื่นหรือกลุ่มอื่น ๆ เข้ามาที่เมืองโบราณ เมื่อได้ยินคำพูดนี้นัยน์ตาของฉู่เหินก็เปล่งประกาย การมีคนเพิ่มคนหนึ่งก็เหมือนมีผู้ช่วยเพิ่มอีกหนึ่งคน เพิ่มมาแค่คนเดียวก็นับว่าแตกต่างมากแล้ว
ถ้าหากคน ๆ นั้นเต็มใจจะร่วมมือกับฉู่เหินก็คงดี แต่ฉู่เหินก็คิดหาทางป้องกันอีกฝ่ายเอาไว้ ทั้งยังคิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง หลังจากคิดจนคิ้วขมวดแล้ว ฉู่เหินก็คิดแผนการรับมือได้สำเร็จ
เขาแอบคิดแผนรับมืออย่างเงียบ ๆ เกรงว่าพวกที่จะเข้ามาต้องใช่เวลาอีกหลายวัน ทำไมตัวเขาไม่ใช้เวลานี้พัฒนาพลังวรยุทธ์ของตัวเองล่ะ? ไม่เป็นจำต้องเลื่อนระดับสูงมากนักก็ได้ แค่เอาให้เทียบเท่ากับพวกที่เข้ามาใหม่ก็พอ เขาจะได้ไม่ต้องพะว้าพะวังอะไรมาก เขารีบแผนการทันที
หลังคิดได้เขาก็พูดกับเจ้าเมืองทันที “ในเมื่อมีที่สำหรับฝึกฝน เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ซอมบี้ข้างนอกนั้นกับคนที่เข้ามาจะต้องเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ! ผมเป็นแค่แขกที่แอบเข้ามา งั้นผมขอรอดูอยู่สักพัก รอดูว่าพวกเขามีแผนการอะไรแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย”