บทที่ 256 แม่ทัพผีดิบ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ซูอันรู้สึกขนลุกขนพอง แต่ด้วยลูกธนูระลอกใหม่ที่กำลังพุ่งเข้ามา นี่ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องอื่น เขาไม่กล้าเอาแต่หลบหลังต้นไม้อีกต่อไป เขายกกระบี่ขึ้นและเตรียมที่จะฟันลูกธนูที่พุ่งเข้ามาให้หันเหทิศทางออกไป

เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูที่เจาะทะลุต้นไม้ก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาจึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขายังคงพบว่าเกินกำลังจะรับมือห่าฝนลูกธนูที่ฝูงผีดิบชุดใหม่ระดมยิงขึ้นมา…

เขาสามารถหันเหลูกธนูที่มุ่งตรงมาที่เขาได้ แต่เขาไม่สามารถจัดการกับลูกธนูที่เล็งมาที่ต้นไม้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ลูกธนูยังมีพลังมหาศาลทำให้แขนข้างที่ถือกระบี่ชาจนกระตุก…

ในขณะที่จิตใจของเขากำลังเลื่อนลอยเขาล้มเหลวในการหยุดลูกธนูลูกหนึ่งธนู ส่งผลให้ลูกธนูลูกนั้นแทงเข้าที่ไหล่ของเขาอย่างจัง! แรงปะทะมหาศาลเกือบจะกระแทกเขาให้ตกจากต้นไม้ แต่โชคดีที่เขาสามารถคว้ากิ่งไม้ไว้ได้

วันนี้เขาจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ?!

แต่แล้วในขณะที่เขากำลังสิ้นหวังจู่ ๆ กลับมีเสียงเป่าแตรเขาสัตว์ดังขึ้น ซึ่งฟังแล้วทำให้เลือดลมสูบฉีดและรู้สึกฮึกเหิม

อย่างไรก็ตามซูอันไม่ได้รู้สึกฮึกเหิมอะไรสักเท่าไหร่ เพราะเขาเคยดูละครอิงประวัติศาสตร์หลายเรื่องแล้ว เขารู้ว่าเสียงเป่าแตรเขาสัตว์ถูกใช้เป็นสัญญาณทางการทหาร ซึ่งยืนยันข้อสงสัยของเขาว่าฝูงผีดิบเหล่านี้เป็นกองทัพทหารผี!

แค่นี้ข้าก็จัดการผีดิบพวกนี้ไม่ได้แล้ว พวกมันยังจะเป่าแตรเขาสัตว์ปลุกใจให้ฮึกเหิมอีกงั้นเหรอ? เอ๊ะ ว่าแต่ทำไมพวกมันถึงหยุดยิงธนูแล้วล่ะ?

ซูอันมองลงไปข้างล่างอย่างประหลาดใจ ซึ่งทำให้เขาเห็นว่าขณะนี้พวกผีดิบกลับหันหัวจ้องมองไปยังอีกทางหนึ่งที่อีกด้านของหุบเขา ผีดิบไม่สามารถพูดได้ แต่ซูอันสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวบนใบหน้าที่เน่าเปื่อยของพวกมัน

เกิดอะไรขึ้น?

ซูอันตกตะลึงกับพฤติกรรมผิดปกติของผีดิบเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเขาได้ใช้โอกาสนี้ในการใส่ยาที่บาดแผล

เขาไม่ได้ใช้ ‘น้ำยาศรัทธาพี่น้อง’ ยาที่รักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเขาได้มาจากคีย์บอร์ด เขาคิดว่ามันสิ้นเปลืองมากเกินไปกับสถานการณ์ในตอนนี้

ยาที่เขาใช้อยู่ตอนนี้คือยาที่จี้เสี่ยวซีมอบให้เขา หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ยาที่บรรดานักศึกษาชายมอบให้จี้เสี่ยวซี แล้วนางมอบให้เขาอีกทีหนึ่ง

“เป็นไปได้ไหมว่าไอ้พวกบ้ากามพวกนั้นบางคนจะแอบวางยาพิษในขวดยาเหล่านี้เพื่อทำร้ายข้า?” ซูอันพึมพำ หากผู้ชายเหล่านั้นคาดเดาว่าจี้เสี่ยวซีจะส่งยาให้กับเขา นี่อาจจะเป็นโอกาสดีที่จะผสมอะไรแปลกปลอมมาให้เขาอย่างง่ายดาย…

อย่างไรก็ตามเขาได้ขจัดความคิดเหล่านั้นออกจากจิตใจอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดว่านักศึกษาชายพวกนั้นฉลาดขนาดนั้น และเขาก็เชื่อมั่นในความสามารถของจี้เสี่ยวซีเช่นกัน นางได้ตรวจดูยาเหล่านี้ด้วยตัวเองแล้ว นางต้องสามารถบอกได้แน่นอนว่าตัวยาถูกดัดแปลงแก้ไขหรือไม่

ครืน! ครืน! ครืน!

เสียงฝีเท้าที่ประสานกันดังขึ้นจากระยะไกล ทำให้ใบหน้าของซูอันมืดมนลง หัวใจของเขาเต้นรัวเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่หนักหน่วง

ซูอันหันไปมองทิศทางเดียวกับที่ฝูงผีดิบกำลังมองอยู่ ในตอนแรกส่วนลึกของหุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มเห็นเงาราง ๆ ภายใต้หมอกนั้น

เมื่อเสียงฝีเท้ายิ่งเข้ามาใกล้ เงาก็ชัดเจนมากขึ้นจนเริ่มพอจะบอกได้ว่าสิ่งที่กำลังค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาเป็นอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์

ไม่ใช่สิมันคือผีดิบอีกกลุ่มต่างหาก!

ฝูงผีดิบอีกกลุ่มเคลื่อนตัวออกจากหมอกอย่างเป็นระเบียบแถว และหยุดอยู่ห่างออกไปเพียงสิบเมตรเท่านั้น ผีดิบกลุ่มใหม่นี้ดูสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนกับกลุ่มผีดิบที่เขาเคยรับมือมาโดยตลอด ร่างกายสีผิวของพวกมันซีดขาวแต่ไม่มีจุดไหนที่เน่าเปื่อยแถมพวกมันยังสวมชุดเกราะทหารพร้อมกับถืออาวุธเช่นหอกยาวและกระบี่อยู่ในมือทุกตัว ส่วนผีดิบที่อยู่แถวหน้าสุดต่างถือโล่ขนาดใหญ่เดินเรียงแถวกันอย่างพร้อมเพรียงซึ่งดู ๆ ไปแล้วพวกมันไม่ต่างอะไรกับกองทหารที่ชำนาญศึก!

“แม่งเอ๊ย ไอ้พวกนี้มันเป็นยอดผีดิบใช่ไหม? ข้าจะรับมือกับพวกมันไหวอีกได้ยังไง แค่พวกที่อยู่ใต้ต้นไม้นี้ก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว!” ซูอันเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่ผีดิบรุ่นก่อน ๆ เป็นชาวบ้าน แต่ผีดิบที่เพิ่งมาใหม่ต้องเป็นทหารอย่างแน่นอน

ผีดิบพวกนี้มีสติปัญญาขนาดสร้างกองทัพขึ้นมาได้เลยงั้นเหรอ?

ซูอันรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ เริ่มไร้สาระเกินกว่าที่สามัญสำนึกของเขาจะรับได้

ลำพังแค่จะจัดการกับผีดิบชาวบ้านก็ยากพอแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องเจอกับผีดิบทหารจริง ๆ เหรอ? นี่เป็นตั๋วเที่ยวเดียวสู่นรกอย่างแน่นอน!

ในขณะที่ซูอันกำลังรู้สึกสิ้นหวัง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างที่ด้านล่าง ผีดิบฝูงที่อยู่ข้างใต้เขาต่างจับอาวุธของพวกมันแน่นขณะที่มองกองทัพผีดิบที่มาใหม่อย่างระมัดระวัง ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้เป็นพวกเดียวกันแม้จะเป็นผีดิบเหมือนกันก็ตาม

หลังจากที่กองทัพผีดิบเคลื่อนที่พ้นจากกลุ่มหมอก กลุ่มอัศวินผีดิบก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่มาข้างหน้า อัศวินเหล่านี้ขี่ม้าผีดิบที่ปกคลุมไปด้วยคลื่นพลังสีดำ ดูคล้ายกับพวกดูลาฮาน(Dullahan)ที่เขาเคยเห็นในหนังการ์ตูน

แค่มองด้วยตาเปล่าก็ไม่ต้องเดาเลยว่าอัศวินผีดิบที่ขี่ม้าแข็งแกร่งกว่าผีดิบทหารราบที่อยู่รอบตัวพวกมันอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามมีผีดิบตัวหนึ่งที่ดูเด่นมากกว่าใครเพื่อน มันยืนขี่ม้าอยู่แถวหน้าสุดของกลุ่มอัศวินผีดิบ ผีดิบตัวนี้สวมชุดเกราะที่ออกแบบอย่างประณีตและมันสวมผ้าคลุมสีดำที่ทำให้ดูราวกับว่าถูกโอบกอดไว้ด้วยความมืดมิด และยิ่งไปกว่านั้น ลักษณะเฉพาะที่เห็นได้ชัดเจนอีกอย่างก็คือที่ดวงตาทั้งสองของมันมีเปลวเพลิงสีฟ้าลุกโชดช่วงอยู่เรื่อย ๆ ราวกับว่าไม่มีวันจะมอดดับ

ไม่ต้องสงสัยเลย ไอ้ตัวนี้มันคือแม่ทัพผีดิบแน่นอน!

ทันทีที่มันชักกระบี่ออกมา ผีดิบทหารตัวอื่น ๆ ก็ชักอาวุธของพวกมันออกตาม ๆ กัน

แม่ทัพผีดิบดึงบังเหียนม้า พร้อมกับชูกระบี่ขึ้นอย่างสง่างาม และนั่นคือสัญญาณสำหรับการโจมตี!

เมื่อได้รับสัญญาณเหล่าอัศวินผีดิบภายใต้บังคับบัญชาของมันพุ่งเข้าหากลุ่มผีดิบชาวบ้านทันที พร้อมกันนั้นกองทหารผีดิบทหารราบก็เริ่มพุ่งเข้าโจมตีพร้อมกับรักษารูปขบวนทัพเอาไว้

“เกิดอะไรขึ้น? ผีดิบ 2 กลุ่มนี้ไม่ถูกกันงั้นเหรอ?” ซูอันรู้สึกงุนงง เมื่อถึงตอนนี้ เขารู้สึกว่าเขาคงไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าได้เห็นหมูบินในมิติลับแห่งนี้

อย่างไรก็ตามในขณะที่ซูอันคิดว่าพวกผีดิบชาวบ้านจะหันหลังและวิ่งหนี เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับที่แตกต่างกันทั้งอุปกรณ์และความแข็งแกร่ง แต่ที่น่าแปลกใจคือผีดิบชาวบ้านไม่ได้หันหลังหนี พวกมันคำรามอย่างโกรธจัดขณะที่พุ่งสวนไปด้านหน้าเพื่อประจันบานกับทหารผีดิบด้วยอาวุธอันทรุดโทรมที่มีอยู่

ภาพรวม ๆ ดูเหมือนเหล่าสามัญชนกำลังลุกฮือขึ้นจับอาวุธต่อสู้เพื่อต่อต้านราชสำนักหรืออะไรทำนองนั้น…

ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง ซูอันเงยหน้าขึ้นและเห็นห่าฝนลูกธนูจำนวนมากพุ่งออกมาจากแนวหลังของกองทัพผีดิบ เมื่อเปรียบเทียบกับลูกธนูของฝูงผีดิบที่เขาเผชิญก่อนหน้านี้ มันอาจนับได้ว่าลูกธนูที่เขาเคยเผชิญมันเทียบได้แค่ละอองฝน

เมื่อโดนคมลูกธนู ผีดิบชาวบ้านจำนวนมากถูกตรึงไว้กับพื้นทันที และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย!