ตอนที่ 104
เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite
ลบตัวตนของเรา นานะฟูชิและผมได้เข้ามาที่โรงงานร้าง
เครื่องจักรที่พังและเศษเหล็กที่มองเห็นได้กระจายอยู่รอบๆโรงงาน มันเป็นฐานที่ดีสำหรับนักเลง แต่มันสะดวกสำหรับผมด้วย ในที่นั้น ผมเห็นผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมด และมันไม่มีจุดบอด ในทางตรงกันข้าม เทียบอีกฝ่ายที่พึ่งวิสัยทัศน์ปรกติด มันจะทำให้ผมได้เปรียบอย่างท่วมท้น
มากกว่านั้น ผมร้ายกว่าเพราะมีนานะฟูชิและเฮโช
ขณะที่ผมเข้าไปลึกข้างใน ผมซ่อนข้างหลังสิ่งกีดขวาง และทำให้มั่นใจที่จะรวบรวมนักเลงไว้ในระยะของความสามารถของผม
นักเลงที่รวมตัวกันที่นี้ที่มันดูเหมือนพลาซ่า ที่ท้ายของพลาซ่า มีห้องและเตียงอยู่ข้างใน มันดูเหมือนผู้หญิงที่ถูกพามาที่นี่ต้องถูกข่มขืนในห้องนั้น
จำนวนของนักเลงคือ 62 จำนวนเหมือนกับที่นานะฟูชิบอก ผมเห็นชิโนซากิล้มหมดสภาพได้ และหน้าของเขาคือมารินะ เธอดูปลอดภับ และยังยืนอยู่ข้างหน้าเขา อ้าแขนเพื่อปกป้องเขา
ยังไงซะ มันธรรมชาติที่มารินะจะปลอดภัย เพราะว่า ถ้านักเลงพยายามจะทำร้ายเธอ เฮโชจะโจมตีพวกเขา
เขาเดินเขาไปลึกขึ้น และเข้าหาพลาซ่าที่นักเลงในรวมตัวกัน หลังจากนั้นผมได้ชำเลืองมองนานะฟูชิ
ตอบสายตาของผม เธอพยักหน้า
เธอจะไม่เคลื่อนไหวยกเว้นกรณีที่แย่ที่สุดเกิดขึ้น เพราะ ถ้าเธอโจมตีพวกนักเลง พวกเขาจะตาย
ก่อนหน้านั้น มาเข้าใจสถานการณ์ก่อน
ผมเลี่ยงสายตาจากชิโนซากิที่หมดสภาพที่นอนอยู่บนพื้น
เมื่อผมเห็นชิโนซากิด้วยตาของผม ข้อมูลได้ไหลเข้ามาในหัวผม
หืมมม เข้าใจแล้ว
ต่อมา ผมหันสายตาไปหามารินะและแอบดูหัวใจเธอ
เข้าใจแล้ว
เพิ่มเติม ผมพยายามจะหาผู้นำในหมู่นักเลงระหว่างที่ดูใจของพวกเขา
โดยรวดเร็ว ผมได้เจอผู้นำ ดูใจของเขา ผมสามารถที่ขะเข้าใจสถานการเกือบทั้งหมด
ความสามารถที่จะดูใจนั้นมีประโยชน์จริงๆ ยังไงซะ ความสามารถนี่ไม่มีอะไรนอกจากความไม่แฟร์
ไม่ว่าอย่างไร ผมเอาข้อมูลที่ผมรวมได้มารวมกัน และพบว่า ชิโนซากิเป็นคนเริ่มปัญหา
นักเลงที่รวมตัวกัน เป็นองค์กรที่อยู่เหนือกลุ่มของชิโนซากิ ชิโนซากิและเพื่อนของเขาสามารถที่จะมีอำนาจสูง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในระดับสูงขององค์กร พวกเขาไม่สามารถให้อำนาจและศักดิ์ศรีได้ฟรีๆ
กลุ่มของชิโนซากิ จ่ายให้ระดับสูงมากมาย โดยการให้ยืมผู้หญิง และยูกะเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ให้ยืม นั่นเป็นวิธีที่ชิโนซากิและเพื่อนของเขาดึงอำนาจมาจากองค์กร
อย่างไรก็ตาม เมื่อผมได้ทำลายกลุ่มของชิโนซากิความสัมพันธ์กับองค์กรที่สูงกว่าได้หายไป
ปรกติแล้ว องค์กรระดับสูงได้เงินและผู้หญิงจากกลุ่มเล็กๆเหมือนกลุ่มของชิโนซากิ แต่ เนื่องด้วยกลุ่มเล็กจำนวนมาก พวกเขาไม่ได้สนใจมากที่พวกเขาเสียการติดต่อของชิโนซากิและคนอื่น
อย่างไรก็ตาม คนหนึ่งในองค์กรระดับสูงได้รับประสบการณ์การใช้ยูกะเป็นของเล่น และไม่นานมานี้ เขาเห็นยูกะอยู่ในเมือง
ตั้งแต่มองผ่านๆ เขาได้รู้ทันทีว่าเธอคือยูกะ และเธอได้น่ารักกว่าก่อนหน้านี้ด้วย ดังนั้น เธอทำให้เขาสนใจมากขึ้นไปอีก จากนั้น เขาพยายามจะจับยูกะตรงนั้นเลย แต่เขายอมแพ้ไปก่อน เพราะมีคนมากเกินไป จากนั้นเขาติดต่อชิโนซากิ และสั่งชินโนซากิให้นำยูกะมา
แต่ชิโนซากิปฏิเสธ
แน่นอนว่า เขายังคงปฏิเสธแม้ว่าถูกซ้อมโดยคนจำนวนมาก
นักเลงที่ได้ซ้อมเขาจนเหนื่อยได้เจอเบอร์ของยูกะจากมือถือของเขาและติดต่อเธอ หลังจากนั้น ยูกะมา
ยูกะที่เห็นชิโนซากิยังต่อต้านแม้ว่าเขายังถูกซ้อม ทำให้เธอย้อนนึกไปถึงแผลในใจของเธอ
จากนั้น ในเวลานั้นเอง อาซาฮินะได้ปรากฏตัว
อาซาฮินะได้สู้กับนักเลงอย่างรวดเร็ว แต่เธอได้ตกเป็นด้อยกว่าเพราะเธอสู้ระหว่างที่ปกป้องยูกะ อย่างไรก็ตาม ผู้นำที่เห็นความดื้อดึงของอาซาฮินะได้สั่งลูกน้องเขาให้กำจัดอาซาฮินะทันที และเขาย้ายจากตำแหน่งนั้นไปกับชิโนซากิ จากนั้นเค้าตรวจดูมือถือของชิโนซากิ และตัดสินใจจะเรียกผู้หญิงอีกคน นั่นคือมารินะ
สั้นๆ ปัญหาได้ถูกสร้างโดยชิโนซากิ
ยูกะได้สับสนเพราะชิโนซากิเป็นคนที่ทำให้เธอแปดเปื้อน แต่ ณ ที่แห่งนั้น เขาปกป้องเธอและได้ถูกซ้อมต่อหน้าต่อตาเธอ เพราะสิ่งนั้น เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอะไร
แล้วก็ เหตุผลที่มารินะมาในที่แบบนี้คนเดียวโดยไม่สนใจ เพราะเธอกังวลเกี่ยวกับแผลทางใจของยูกะ
หือห์ มารินะเป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ
「มีเจตนาจะมองอีกนานแค่ไหน? หัวหน้า มาทำมันเร็วๆเถอะ」
หนึ่งในนักเลงตะโกน
「ชั้นอยากจะดูภาพนี้อีกน่ะ ชั้นชอบผู้หญิงที่มีตาแบบนั้น ชั้นรู้สึกตื่นเต้นที่จะจินตนาการว่าแสงนั้นมันจะหายไปจากตาเธออย่างช้าๆ หลังจากที่โดนกระทำชำเรา」
ผู้นำของพวกนักเลงได้พึมพำอย่างมีความสุขและเลียปากของเขา
「โอ้ แต่ผู้หญิงที่ปกป้องยูกะ-จังนั้นไม่ดี นั่นไม่น่ารักเลย ชั้นไม่สนใจในผู้หญิงที่พังแล้ว」
ผู้นำพึมพำต่อไป
เห็นได้ชัดว่า อาซาฮินะไม่ใช่อย่างที่เขาชอบ ยังไงซะ เขาจะไม่มีวันทำเธอใจสลายไม่ว่าเธอจะโดนกระทำไปแค่ไหน เธอจะตัดเอ็นเขาแน่ ดูเหมือนว่า เขารู้สึกได้ถึงความบ้าของเธอ
ในหมู่นักเลยเป็นเขาที่สังเกตมัน อย่างที่คาดกับผู้นำ
นั่นถูกแล้ว เขาต้องไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ถ้าเธอไม่ได้ปกป้องยูกะ เขาจะถูกให้เห็นนรกทันที ไม่ว่าเขาทีมีมือที่หักหรือขาที่หัก เธอจะไม่มีวันถอยหนีและล่าเขาแน่นอน
เพราะทั้งหมด เธอเป็นผู้หญิงที่ขยี้หัวใจของฮิซูกิ ที่อยู่ในสภาพเกือบจะสมบูรณ์แบบ
「ก่ะฮ่ะ」
ชิโนซากิไม่ได้ขยับอะไรเลยจนถึงตอนนั้น แต่เขาถุยเลือดออกมาและไอ ดูเหมือนว่าเขาได้รับความเจ็บที่หนักเพราะนั่น แล้วก็เขายังกระตุกด้วย
ผมรักที่จะเห็นผู้หญิงกระตุก แต่มันไม่สนุกเลยกับผู้ชาย ผมหมายถึง มันน่าขยะแขยง
「ทะ ทำไมเธอมา? วิ่งหนีจากที่นี่」
ชิโนซากิที่กระตุก ไอและถุยเลือดออกมา ได้กระตุกมากขึ้น และเสียงสั่น
「ชั้นขอโทษ ชั้นจะไม่วิ่งหนี แต่อย่าเข้าใจชั้นผิด ชั้นไม่ได้ทำเพราะนาย」
ยืนอยู่ข้างหน้าชิโนซากิที่นอนกระตุกอยู่ที่พื้น มารินะเปิดปากเธอด้วยมือที่อ้าออกและมองตรงไปข้างหน้า
「ชั้นจะไม่มีวันยกโทษให้นายที่ทำร้ายหัวใจของยูกะและทิ้งชั้น แต่ชั้นก็ได้ทิ้งเธอด้วย นั่นทำไมช้นอยากจะทิ้งนายที่ปกป้องเธอ แต่ ชั้นทำไม่ได้ นอกจากนี้ ถ้าชั้นวิ่งหนี ซูซูฮาระ-ซังจะคิดว่าชั้นเป็น “ผู้หญิงระดับนั้น”」
มองตรงไปข้างหน้าผมฟังคำพูดของมารินะและถอนหายใจ
ผมรู้ว่าเธอไม่ใช่ “ผู้หญิงระดับนั้น”
「ซูซูฮาระ-ซังเป็นคนแปลก เค้าไม่ยกโทษให้ศัตรูของเค้า แต่เมื่อเค้าคิดว่าเค้าเป็นเพื่อน เค้าจะใจดีด้วย อึน เค้าจะตายอย่างสงบให้เพื่อนของเค้า ชั้นอยากจะถูกรักโดยคนแบบนี้ ชั้นเป็นแค่คนปรกติไม่ได้ และชั้นเป็น “ผูหญิงระดับนั้น” ไม่ได้ด้วย」
ผมเห็นคำพูดของมารินะ สีหน้า และตาของเธอ และมันทำให้เอ็นผมแข็ง
ผู้นำของพวกนักเลงมีตาที่ดี ตาของมารินะตอนนี้มีเสน่ห์จริงๆ เขาอยากจะเห็นตาที่ตรงไปตรงมาของเธอ ย้อมไปด้วยความรู้สึกดี อาาา มาขยี้ไอพวกนักเลงนี่และคลั่งไคล้ไปกับมารินะเถอะ เพราะเธอเป็นผู้หญิงของผม
แต่ก่อนหน้านั้น――
ผมนำมือใส่กระเป๋ากางเกง ผมยืนขึ้นและเดินไปอย่างเร็ว
「อะไร?」
มารินะสังเกตผมและส่งเสียงที่โง่เขลา
「หืมมม คนนั้นใครกันวะ?」
「มันมาจากที่ไหนวะเฮ้ย?」
「ยังไงก็ไม่รู้ว่ะ ดูโคตรอ่อนเลย」
ตามมารินะ พวกนักเลงได้สังเกตผมและรำคาญแต่พวกเขาดูไม่เหมือนว่าจะระแวดระวัง พวกเขาต้องคิดว่าผมดูอ่อนแอและอยู่คนเดียว ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ระวังผม
「โย่ ชั้นจะใช้น้องหนูเธอเมื่อนี่จบ」
「เอ๋ !? เอ๋ !? เอ๋ !?」
แค่ก่อนผมจะผ่านมารินะไป ผมกระซิบใส่หูเธอ และมารินะที่ตกใจ ย้อมเป็นสีแดงและปิดแก้มของเธอ จากนั้น หลังจากที่ผมเดินผ่านมารินะ ผมยืนตรงหน้าชิโนซากิที่นอนอยู่ที่พื้อน จากนั้น ผมมองลงไปที่เขา
「ทั้งหมดมันเป็นเพราะมึง ไอเหี้ย」
พูดสิ่งนั้น ผมยกขาขวาของผมขึ้น และกระทืบหน้าชิโนซากิ
「กุ่อ่ะ」
ผมกระทืบหน้าเข้าอย่างไร้ความปราณี ตัวของเขากระตุก และเราคร่ำครวญ
「ยูกะได้ยกโทษให้มึงแล้ว แต่กูไม่ ไม่ว่ายูกะจะยกโทษให้มึงแค่ไหน กูไม่ยกโทษให้มึง」
ขึ้นเสียงของผมระหว่างที่เตะหน้าเขา
「ก่ะฮ่ะ อิกิ-ขอโทษ ผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับ-กุ่ฟุ เก่ะฮ่ะ-ผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับ-เก่ะฟุ」
ชิโนซากิขอโทษต่อไประหว่างที่คร่ำครวญและร้องไห้ ผมได้เตะเขาต่อไปและมารินะไม่ได้พยายามจะหยุดผม
นั่นโอเค
ยูกะได้ยกโทษให้ไอเหี้ยนี่แล้ว อย่างไรก็ตาม แผลในใจเธอมันได้ถูกสลักลึกเข้าไปในหัวใจของยูกะ ผมมั่นใจว่าหัวใจเธอจะไม่มีวันรักษา ยูกะจะแบกแผลในหัวใจของเธอต่อไปตลอดชีวิตของเธอ แต่แม้อย่างนั้น ยูกะยังยกโทษให้เขา นั่นทำไมกูยกโทษให้มันไม่ได้
กูเตะหน้ามัน กูเตะลิ้นปี่มัน และกูเตะไข่มัน
「อุ้ปส์」
เขาได้อยู่ในความเจ็บปวดแต่เขาฟื้นกลับอย่างรวดเร็ว และแม้ว่าเขาได้ถูกเตะไข่ เขายังโอเคอยู่
ก่อนผมจะเตะเขา เขาได้หมดสภาพอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ได้เห็นเครื่องในของเขา เขาไม่ได้บาดเจ็บถึงตาย
「กูไม่คิดว่ามึงจะถูกยกโทษให้เพราะมึงช่วยยูกะนะ มันเป็นเมล็ดที่พวกหน้าส้นตีนอย่างมึงหว่านตั้งแต่ทีแรก กูจะไม่ยกโทษให้มึง」
นั่นพูด ผมเตะเขามากขึ้น
เขาคร่ำครวญและดิ้น พ่นเลือดออกมาและกระตุก แต่เขาได้หัวเราะ เขาได้ถูกเตะไข่อย่างไร้ปราณี พ่นฟองออกมาจากปากเขา แต่เขายังหัวเราะ
มันน่าขยะแขยงว่ะ เขาเป็นมาโซคิสม์เหรอ? ผมรักมาโซคิสม์ผู้หญิง แต่มาโซคิสม์ผู้ชายมันน่าขยะแขยงเกินไป
「ตอนนี้」
เมื่อผมหยุดเตะชิโนซากิ ผมพึมพำและมองไปข้างหลัง จากนั้นผมมองพวกนักเลง และจ้องไปที่เงา นานะฟูชิที่ดูสถานการณ์อยู่จากข้างหลังพยักหน้า
「กูมีความแค้นกะไอ้นี่ นั่นทำไมกูเตะมันเยอะ แต่กูเป็นคนเดียวที่เตะมันได้ ไอ้นี่มันเป็นกระสอบทรายของกู อย่างมาใช้กระสอบทรายกูโดยไม่ได้รับอนุญาติแล้วคิดว่ามันฟรี」
หลังจากพูดอย่างนั้น ผมเดินอย่างรวดเร็วตรงไปที่ผู้นำ
พวกนักเลงนั่นสับสนและเพราะพวกมันไม่เข้าใจสถานการณ์ พวกมันเลยคิด ทำไมคนที่ดูอ่อนแอปรากฏตัวมาคนเดียว เตะชิโนซากิ และพูดบางอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้
ในเวลานั้นเอง นานะฟูชิได้กระโดดออกมาจากเงามืดและนำมือของมารินะไป
มารินะนั้นตกใจเพราะมือของเธอได้ถูกจับโดยสาวที่มีผมชมพู แต่เมื่อเธอจ้องผม เธอเงียบต่อไป
เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่มันดูเหมือนว่าเธอได้ตัดสินใตในทันทีว่านานะฟูชิเป็น “เพื่อน” ของผม
「โซ่ย!」
เสียงเอี้ยดได้ยินได้ ขณะที่นิ้วโป้งเท้าของผมแทงหว่างขาของนักเลง
「เอ้ะ?」
นักเลงมึนงง จากนั้น――
「ฟุนุกกกุ !?」
ตาของนักเลงเปิดกว้างและทำเสียงแปลกประหลาดจับหว่างขาด้วยสองมือ และขาเขาเหมือนเป็ด เขาล้มลงตรงนั้นเลย
เพราะสิ่งนั้น พวกนักเลงตกตะลึ่ง ในช่องว่างนั้น นานะฟูชิได้จับขาของชิโนซากิ ดึงมือของมารินะและลากชิโนซากิไปหยาบๆระหว่างที่ซ่อนอยู่ในเขามืด
ได้เลย มันไม่สำคัญถ้าผมจะอาละวาดแล้วตอนนี้
「เพราะทั้งหมด การเตะหว่างขาสุดกำลังมันน่าทึ่ง」
ผมพึมพำและมองลงไปที่นักเลงที่หล่นไปอยู่ที่พื้น
แม้ว่าพลังมันจะน้อย ถ้าผมเตะหว่างขาของเขา มันจะจบด้วยทีเดียว มากกว่านั้น มันจะใช้เวลาเพื่อฟื้น
「ไอหน้าเหี้ยย!」
หนึ่งในนักเลงที่ตกตะลึงพยายามจะต่อยผม
ทันใดนั้น ผมหันกลับตรงนั่นเลย แล้วใส่มือเข้าไปในกระเป๋าของผม และแสดงหลังของผม จากนั้น――
ผมยองลงและเตะเท้าขวาไปข้างหลังดั่งม้าที่ใช้ขาหลังเตะ
「นุ !?」
เท้าผมดูเหมือนจะโดนหว่างขาของเขา และนักเลงได้ทำเสียงที่แปลกประหลาดและทรุดไป
เพราะ จู่ๆผมก็ได้แสดงหลังของผม เขาได้หลงไปซักพักหนึ่ง นั่นทำไมผมถึงโจมตีตอนนั้น
ผมไม่มีจุดบอด นั่นทำไมผมกล้าที่จะหันจุดบอดไปให้ศัตรูและทำการโจมตีจากตำแหน่งและมุมที่เป็นไปไม่ได้ โดยการใช้ช่วงจังหวะเปิดเล็กน้อยนั้น มากกว่านั้น มันเป็นไปได้ที่จะโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ
「ไอ้นี่!」
จากนั้นผมหันอีกครั้งและหันไปทางตรงกันข้ามกับนักเลงที่พยายามจะโจมตีผม จากนั้น――
「มานุ !?」
ผมงอตัวและเตะคนที่อยู่ข้างหลังผม เท้าผมฝังลงไปในหว่างขาของนักเลง เขาครวญด้วยเสียงที่แปลกประหลาด หลังจากนั้นเขาทรุดไป
ไม่เหมือนนักเลงคนแรกที่ลังเล แต่เพราะสถานการณ์ที่พวกเขาจะโจมตีหลังผม และระหว่างที่เขาจะโจมตี ไม่มีใครจะดูและหว่างขาของพวกเขา ขอบคุณสิ่งนั้น ผมสามารถจะโจมตีหว่างขาได้อย่างง่ายดาย และมันน่าสนใจ และ――
「การเคลื่อนไหวมันช้าเทียบกับริกกะ」
ในตาของริกกะ การเคลื่อนไหวของ “แค่มนุษย์” ดูเหมือนจะหยุดและบางทีผมได้ชินกับความเร็วของคาซะฮานะ ทามะมูชิและนานะฟูชิ
「ชั้นเป็นพวกเชี่ยวชาญเรื่องสนับสนุน พวกนายมันอ่อนแอเกินไป」
ระหว่างที่พึมพำและถอนหายใจ ผมหันไปและมองพวกนักเลง
พวกนักเลงได้ใจเย็นแล้ว จากนั้น ตัดสินใจว่าเพื่อนของพวกเขาที่ถูกกำจัดในทันทีเพราะการโจมตีเหลี่ยมเยอะของผม
「ใจเย็น ไม่มีอะไรผิด มันแค่แข็งแกร่ง」
เสียงใจเย็นที่แปลกประหลาดดังก้องอยู่ในโรงงานที่เงียบ
「แม้ว่าเค้าดูอ่อนแอ เค้าอาจจะค่อนข้างชินกับการต่อสู้ มากกว่านั้น เค้าได้โจมตีจุดอ่อนโดยไม่ลังเล เค้าเป็นชายที่โหดเหี้ยมที่ทำอะไรอย่างปีศาจได้อย่างใจเย็น และเขาแข็งแกร่งแต่เขายังอยู่คนเดียว」
มันเป็นผู้นำที่ทำเสียงนั้น
เขาไม่ได้อารมณ์เสียเมื่อผมกำจัดเพื่อนเขาสองคนในทันที หรือเมื่อเขาเห็นการโจมตีเหลี่มเยอะของผม
เพราะผมแข็งแกร่ง มันธรรมชาติที่เพื่อนเขาได้ถูกกำจัด ดูเหมือนเขาจะคิดอย่างนั้น งั้นแค่ใช้อะไรก็ได้เพื่อกำจัดผม ดูเหมือนเขาจะคิดอย่างนั้นด้วย
เพราะทั้งหมดคนที่เป็นผู้นำมีเสื้อคนละสีกับคนอื่น
「ดูให้ดีๆแล้วตีเขา ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขายังเอาชนะจำนวนไม่ได้」
ด้วยคำพูดของผู้นำ พวกนักเลงเริ่มเคลือนไหวทั้งหมดทีเดียว พวกเขาได้ถือท่อเหล็ก และพวกเขาทั้งหมดได้ล้อมผม
หืมมม เวลาได้มาถึงแล้ว ยังไงซะ มันต้องเกิดขึ้น แต่นี่มันโอเคเหรอ ผมไม่มีจุดบอดนะ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ใช่มั้ย?
「ตาย――」
「ม่ายอ่ะ」
ลูกเตะผมเจาะหว่างขาของนักเลงที่พยายามจะเหวี่ยงท่อเหล็กใส่ผม
「นุโบ่ะ !?」
นักเลงส่งเสียงที่แปลกประหลาดแล้วทรุดไป
ผมอ่านใจเขาได้และเพราะนั่น ผมเห็นทันทีเมื่อพวกเขาตัดสินใจจะโจมตีแม้ว่าก่อนกล้ามเนื้อของเขาจะหดตัวเสียอีก ถ้าพวกเขาโจมตี ผมโจมตีสวนพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
「หยุดโจมตี! ทุกคนกระโดดใส่เค้าทั้งหมดพร้อมกัน! ถ้าพวกนายจับเค้าได้ทั้งหมดมันจะจบ!」
ส่งเสียงสะท้อนมา จากผู้นำ
เขารู้สึกจะอารมณ์เสียนิดหน่อยที่เห็นการเคลื่อนไหวของผม แต่เขายังตัดสินใจอย่างใจเย็นได้
โอใช่ ผมตกอยู่ในปัญหาแล้ว ผมอ่อนแอทางกายภาพ ถ้าผมถูกจับผมก็จบ พูดถึงแล้ว――
อย่างโชคร้าย เมื่อผู้นำตะโกน มันมีจังหวะเปิดอยู่เล็กน้อย ใช้ความได้เปรียบของช่องเปิดนั้น ผมได้ผ่านพวกนักเลงไปอย่างรวดเร็ว
น่าสนใจ พวกเขาจับคนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขาใจได้อยู่กับการตะโกนของหัวหน้า
แม้ว่า――
「มันเป็นเวลาที่จะไปถึงขีดจำกัด」
ระหว่างที่ผมพึมพำ ผมกระโดดไปข้างหน้าข้างหลัง และเอามือออกจากกระเป๋ากางเกงของผม
วิธีที่จะเบี่ยงความสนใจมันจะถึงขีดจำกัดแล้ว นักเลงได้ระวังจริงๆ ผมซัดได้อีกสองหรือสามคน แต่ไม่นานผมจะถูกจับแทน และเมื่อผมถูกจับ ผมจบ
มันเป็นที่ที่แย่สำหรับคนที่เชี่ยวชาญในการสนับสนุน
「ริกกะ」
「ค่ะ」
หลังจากที่ได้ตอบการตะโกนของผม
ริกกะปรากฏอยู่ต่อจากผม
ผมสังเกตว่าเธอได้แบกยูกะที่สลบมา
ความสำคัญสูงสุดคือนำยูกะไปพบกับชิโนซากิ นานะฟูชิตัดสินใจว่าที่นี่ “ปลอดภัย” ดังนั้นเธอได้ติดต่อทามะมูชิ ทามะมูชิที่ได้ถูกติดต่อน่าจะใช้แมลงเพื่อบอกสถานการณ์กับริกกะ นั่นทำไมริกกะมาที่นี่
ยังไงซะ มันดีที “เพื่อน” ยอดเยี่ยม
「สถานการการต่อสู้มันพลิกแล้วโว้ย พวกมึงจบเห่ พลังการต้องสู้ของสาวน้อยคนนี้นั้นแปดล้าน」
ด้วยนั่นที่พูด ผมจิ้มหัวของริกกะที่ยืนต่อจากผม
「อะไรกัน!? พลังโจมตีของหนูแปดล้านเหรอ!?」
คำพูดของผมทำให้ริกกะตกใจ ทำไมเธอตกใจล่ะ?
「เธอพูดว่าแปดล้านมันมากไปเหรอ? งั้นถ้าแสนห้าล่ะ」
「น่าา !? ทำไมมันตกไปจากแปดล้านถึงแสนห้าทีเดียวล่ะ!? มาสเตอร์ ไม่ใช่ว่ามันน้อยไปหน่อยเหรอ!?」
ริกกะคัดค้านคำพูดผม
ระหว่างที่หัวเราะอย่างมีความสุข ริกกะมองผม
ยังไงซะ ริกกะได้ตามมุขของผมด้วยความง่ายดาย มันดูเหมือนริกกะโตขึ้นแล้ว
พวกนักเลงได้มองเราในความมึนงง
มันดูเหมือนพวกเขาคิดว่าผมพูดอะไรโง่ๆ แต่ช่างน่าเสียดาย ผมไม่ได้พูดอะไรโง่ๆ ผมแค่พูด “ความจริง” กับมุขนิดหน่อย
ริกกะแข็งแกร่งจริงจัง เธอต่างไปจากพวกเขาจริงๆ
「เธอควรจะขยี้พวกมันแต่อย่าฆ่ามันนะ โอเคมั้ย?」
「ค่ะ」
เมื่อเธอมองผมและพยักหน้า ริกกะยิ้มอย่างมีความสุข และจากนั้นมองพวกนักเลง
ด้วยตาที่เย็นชาพอที่จะให้สันหลังเป็นน้ำแข็ง
「งั้น หนูจะกำจัดพวกมันอย่างรวดเร็ว――」
「ฉุกเฉิน! ฉุกเฉินนนนน!」
เมื่อริกกะกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหว นานะฟูชิตะโกนในโรงงานร้าง
「มา-มาสเตอร์ได้เสียการติดต่อกระทันหัน! มากกว่านั้นแค่ก่อนการติดต่อจะตัดไป มีภาพที่สยดสยองที่ทำให้มาสเตอร์รู้สึกกลัว! และชั้นเห็นมัน ชั้นเห็นมันนนนนน!」
นานะฟูชิที่ได้ซ่อนอยู่ตลอดเวลานี้ จู่ๆก็ได้กระโดดเข้ามาในพลาซ่า และตะโกนอย่างสิ้นหวังด้วยหน้าที่ซีด
นานะฟูชิกลังอย่างชัดเจน ผมพยายามจะดูใจของเธอ หลังจากนั้น ผมรู้สึกถึงความเย็นวาบวิ่งเข้ามาที่สันหลังผม
ผมเห็นภาพจากเธอ มีเงาที่เข้าหาทามะมูชิที่กรีดร้อง
เงามืดยิ้มและจับหน้าของทามะมูชิ หลังจากนั้น ภาพได้ถูกตัดไป
ยังไงซะ แย่ นั่นมันอันตราย ไม่ใช่เวลาเล่นกับนักเลง
「ริกกะ พายูกะ! นานะฟูชิ ถอยทันทีกับชิโนซากิ! มารินะมากับชั้น!」
ทันทีที่ผมสั่ง เสียงระเบิดได้ดังก้องในโรงงาน
มีสิ่งที่สะท้องแสงแดดส่องอยู่ มันคือชิ้นของกระจกที่หล่นลงที่พื้น
มันคือทามะมูชิที่ถูกห่อในเชือกเหมือนหนอนกินใบเผือก
「เอารางวัลให้ชั้น… จนกว่าชั้นจะได้รางวัล… ชั้นต้องไม่ตาย」
ทามะมูชิที่สลบครางอย่างสิ้นหวัง
สัตว์ประหลาดที่เอาชนะทามะมูชิได้อย่างง่ายดาย
「เห้ะ-เหี้ย… ชั้นสายไปเหรอ」
ด้วยกันกับคำพึมพำของผม ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่เดินบนพื้นคอนกรีต
และ――
ตัวที่เห็นอย่างคลุมเคลือในโรงงานร้าง ทวินเทลสีแดงที่ส่องสว่างในความมืดมิด
「ฮิ้!」
นานะฟูชิกรีดร้องและขดตัว
「อะ อะ ออะ…」
ริกกะหน้าซีดและสั่น
「ฟุฟุ มีอะไร? ทำไมเธอกลัวนักล่ะ?」
เสียงอ่อนโยนที่แปลกประหลาดดังก่องอยู่ในความมืด ที่ปรากฏก็คือ…
อาซาฮินะผู้ที่หัวเราะด้วยตาส่องแสงสีแดง ยิ้มมุมปากเธอเหมือนรอยแยก
แต่พิษ… พิษได้หมดแล้วเหรอ?
อาซาฮินะเดินมาอย่างช้าๆ เดินมาหาผมโดยไม่ลังเล
ขณะที่อาซาฮินะเดินมาข้างหน้า โรงงานร้างเต็มไปด้วยควาโกรธที่ท่วมท้นของเธอ
「ม-มา-มาชเต้อว… ชั้น ชั้น จะ ป-ปก-ปกป้องมาชเต้อว」
ระหว่างที่สั่นอยู่ตรงหน้าผม ริกกะดึงมีดใหญ่จากข้างหลังเธอ จับด้ามจับด้วยสองมือ และหันคมไปสู่อาซาฮินะ อย่างไรก็ตาม คมมีดนั้นก็สั่นด้วย
เพราะว่า เธอได้รู้สึกถึงความกลัว เธอฉี่เล็ด
ผมรู้สึกถึงความรู้สึกที่เธอรู้สึกอยู่ อาซาฮินะนั่นอันตราย
「ริกกะ…อย่ารีบไปหาความตาย」
ได้พูดอย่างนั้น ผมจิ้มไหล่ริกกะและเดินไปสู่อาซาฮินะ
อาซาฮินะเดินมาสู่ผมโดยไม่ลังเล และผมเดินไปสู่เธอ
เราเดินมาถึงจุดที่ว่าเราสัมผัสกันได้และหยุดในเวลาเดียวกัน
「น-นะ-นั่น…เป็นความผิดพิษ」
อาซาฮินะพึมพำและจ้องผม
「ชั้น…ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น」
ผมตอบอาซาฮินะ รู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่แก้มผม
「ฟุกุ.. อออออุ!」
อาซาฮินะระเบิดออกในน้ำตา หน้าแดง และหน้าของเธอได้มองลงไปข้างล่าง ระหว่างที่ไหล่เธอสั่น
「อ-อาซาฮินะ…」
เมื่อผมเอื่อมไปหาไหล่ของอาซาฮินะ ซึ่งร้องไห้อยู่ เธอปัดมือของผม
「อย่ามาสงสารชั้นนะ!」
และอาซาฮินะผู้ที่ร้องไห้ จ้องผมด้วยเจตนาฆ่า
อาซาฮินะอยากจะพูดว่าผมไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ความทรงจำเธอยังอยู่ แน่นอนว่านั่นมันอนุญาตไม่ได้
「ม-ไม่เป็นพิเศษ…ชั้นสงสารเธอ…」
ผมพึมพำนั่น ผมกำมือของผมและปิดปากของผม
ผมพูดไม่ได้ ผมพูดอะไรไม่ได้ครั้งนี้
「เนน่ จริงๆนะ…นายไม่เห็นอะไรจริงๆนะ?」
อาซาฮินะที่สะอื้นถามด้วยเสียงที่สั่นที่มันเกือบจะหายไป แต่เธอยังไม่พยายามจะมองผม
「โอออ้ว…ชั้นไม่เห็นอะไรเลย」
เทื่อผมตอบเธอ เธอคร่ำครวญ ปิดหน้าของเธอด้วยทั้งสองมือ
ยังไงซะ หัวใจเธอกำลังจะแตกสลาย
ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ ว่ามันลำบากมาก ไม่ว่ามันจะอยากแค่ไหน มันยากเกินไป ที่มากกว่านั้น ความทรงจำทั้งหมดนั่นยังอยู่…
มันเป็นนรกบนดิน
เธอยืดมือของเธอออกมาระหว่างที่มองไปทางอื่นนอกจากผม ดันสิ่งหนึ่งเข้ามาที่มือผม
มันเป็น แบงค์ 10,000 เยน
เธอจะจ่าย 10,000 เยนเพื่อเก็บนั่นเป็นความลับ
แม้ว่าผมไม่ได้มองหัวใจเธอ ผมรู้สึกถึงความจริงใจของเธอได้
ยังไงซะ เธออยากจะปิดปากผมด้วยเงิน
「อ-อาซาฮินะ…เชื่อชั้น อย่างที่คาด ชั้นไม่ใช่คนเดียวที่เห็น แต่ชั้นไม่เห็นอะไร ชั้นไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น」
「ฟุกุ่…ออออออุ!」
อาซาฮินะระเบิดออกในน้ำตาอีกครั้งเมื่อเธอได้ยินผม และเธอปิดปากเธอด้วยมือขวา
เธอมองลงไปข้างล่าง ไหล่สั่น และร้องไห้ไปซักพักหนึ่ง หลังจากนั้น เธอปาดน้ำตาด้วยหลังมือของเธอ และเมื่อเธอปรับการหายใจ เธอยกหน้าของเธอขึ้น
「พวกเค้าเป็น…ศุตรู ใช่มั้ย?」
อาซาฮินะที่ยังไม่มองผม ถามสิ่งนั้น
「ใช่」
พยักหน้าและตอบคำถามของอาซาฮินะ
「งั้น」
อาซาฮินะ ที่ยังไม่มองผม พึมพำ
「คุ――」
ความเย็นวาบวิ่งผ่านสังหลังผม และในทันที ผิวของผมได้ตื่นเต้นและผมคร่ำครวญออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความโกรธที่มหาศาลได้ปะทุออกมาจากทั้งตัวของอาซาฮินะ และเจตนาฆ่าที่ท่วมท้นที่ส่องสว่างอย่างวิบวับ
「ศัตรูมัน…เข้าใจแล้ว」
หลังจากพูดสิ่งนั้น อาซาฮินะที่ดันแบงค์ 10,000 เยนเข้ามาในมือผม ยิ้มที่มุมปากของเธอเหมือนรอยแตก และแสยะยิ้ม และ――
「ชั้นรู้สึกอยากจะอาละวาด」
ผมพยักหน้ากับคำพูดของอาซาฮินะ
อาซาฮินะ ผมจะไม่หยุดเธอตอนนี้ แต่หลังจากนั้น ผมหวังว่าเธอจะใจเย็นลงนะ
เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
กสิกรไทย
แปลโดย: wayuwayu
ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”
pdfไว้อ่านตอนกลางคืน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord