ตอนที่ 228 ท่านคือบิดาแท้ๆ ของข้า!

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 228 ท่านคือบิดาแท้ๆ ของข้า!

เจียงโม่หานมองเสี่ยวร่าง “หากมีอาหารบรรเทาทุกข์ชุดแรกก็มีชุดที่สองที่สามตามมา เมื่อก่อนเพราะเจ้าเมืองปิดบังเรื่องภัยแล้ง ตอนนี้ทางราชสำนักได้รู้ความจริง ย่อมไม่มีทางปล่อยราษฎรอดตายได้หรอก ! ”

เสี่ยวร่างคิดว่าเจียงโม่หานเป็นผู้มากความรู้ที่สุดในบ้านหลังนี้จึงเป็นธรรมดาที่จะเชื่อคำพูดของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังพูดติดขัด “ถ้าอย่างนั้น…ย้ายทะเบียนบ้านของข้ามาไว้ที่บ้านสกุลหลินได้หรือไม่ขอรับ ? ”

เขาก็เป็นคนมีทะเบียนบ้าน ! ทว่าเมื่อหลายเดือนก่อนที่หมู่บ้านตกอยู่ในความโกลาหล ในห้องโดนคนอื่นรื้อค้นจึงเป็นธรรมดาที่ทะเบียนบ้านจะหายไปด้วย

เจียงโม่หานเหลือบมองอีกฝ่าย ย้ายทะเบียนบ้านหรือ ? เจ้าไม่ได้ขายตัวเองให้ตระกูลหลินแล้วหรือไร ? แน่นอนว่าแค่มีทะเบียนทาสคนหนึ่งแล้วจะย้ายทะเบียนบ้านอะไรอีก ?

“ทางอำเภอน่าจะมีข้อมูลเก็บไว้ รออีกสักสองสามวันข้าจะพาพวกเจ้าไปที่อำเภอแล้วจัดการเรื่องทะเบียนบ้านของเจ้า ! ตอนนี้กินข้าวก่อน ทำให้ตัวเองอ้วนท้วน คนข้างนอกจะได้ไม่คิดว่าตระกูลหลินของเราทารุณเด็ก ! ”

เจ้าหนูน้อยใช้ช้อนตักไก่ป่าตุ๋นเห็ดแล้วถามเสี่ยวร่างว่า “เจ้าจะกินนี่ไหม เอามันไปคลุกกับข้าวขาวแล้วอร่อยมากเลย ! คราวหน้าให้พี่รองทำหมูตุ๋นน้ำแดงซึ่งน้ำสีแดงนั้นกินกับข้าวก็อร่อยเช่นกัน แต่จะกินมากไม่ได้ พี่รองบอกว่ามีน้ำมันเยอะเกินไป กระเพาะเด็กอย่างพวกเราอ่อนแอจะทำให้ท้องเสียเอาได้ ! ”

เมื่อเสี่ยวร่างได้ยินว่าทะเบียนบ้านของตนก็สามารถแก้ไขได้จึงสบายใจขึ้นมาทันทีและรีบตักกินข้าวคำใหญ่ กัดกินเนื้อไก่อันหอมหวาน เขารู้สึกว่าชีวิตในยามนี้เสมือนกับการได้ฉลองปีใหม่ทุกวัน !

เจ้าหนูน้อยกินอย่างออกรส “ฝีมือพี่รองดีเหลือเกิน ! ”

พี่สาวคนโตโมโหจนตบแผ่นหลังของเขา “เจ้าเนรคุณ อาหารมื้อนี้พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนทำ ! ”

เจ้าหนูน้อยยิ้มทะเล้นให้นาง “นั่นก็เพราะพี่รองคอยให้คำชี้แนะ ! ตอนไม่มีพี่รองแล้ว อาหารที่ท่านทำเหมือนอาหารหมูไม่มีผิด ไม่สิ…แม้แต่หมูก็ยังไม่กิน ! ”

“คราวหน้าตอนพี่รองของเจ้าไม่อยู่บ้าน ข้าจะรอดูว่าเจ้ายัดมันเข้าไปหรือไม่ ! ” พี่สาวคนโตชี้หน้าเจ้าหนูน้อยด้วยความโมโห อาหารแต่ละจานล้วนเรียนมาจากน้องสาวทั้งสิ้น มันทำให้นางอารมณ์เสียสิ้นดี ! บ้านหลังนี้…บ้านหลังนี้แทบจะไม่มีที่ให้นางยืนแล้ว !

“ไอโยว ! ฝนตกแล้วหรือ ? ” ตอนสายของวันนั้น บนท้องฟ้ามีเมฆลอยหนาแน่น หลินเว่ยเว่ยเงยหน้ามองฟ้าก็พบว่าเมฆสีเทาลอยเต็มไปหมด ฝนสองสามหยดก็ตกกระทบโต๊ะหิน

นางหวงพูดพร้อมรอยยิ้ม “วิเศษไปเลย ! ถ้าตอนนี้ฝนตกมาสักห่า หมู่บ้านอื่นอาจปลูกพวกผักกาดขาวหรือหัวไชเท้าได้ทันเวลา ! ”

เจียงโม่หานมองท้องฟ้า เมฆดำลอยซ้อนกัน ลมพัดกิ่งไม้ ท่าทางเหมือนฝนกำลังจะตกจริง ๆ น่าเสียดายที่เขารู้ดีว่าฝนห่านี้ตกแค่ในเขตภูเขาเท่านั้น หมู่บ้านสองสามแห่งที่อยู่โดยรอบได้รับเพียงละอองฝนบางเบา ส่วนที่อื่นไม่มีฝนแม้แต่หยดเดียว สถานการณ์ภัยแล้งของเมืองจงโจวจะดำเนินต่อไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปีหน้า…

ฉือหลี่โกวและหมู่บ้านโดยรอบอีกหลายแห่งล้วนภาวนาขอให้ฝนครั้งนี้ตกหนัก ตกหนักกว่านี้อีก…น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่เห็นใจ ส่งฝนลงมาไม่กี่หยดแล้วก็ดึงมันกลับไปอย่างตระหนี่ พอถึงเวลาเย็นแล้วกลุ่มเมฆก็สลายตัว ท้องฟ้าส่องสว่างไปทั่วทิศตะวันตก

ฝนตกเช้า แดดออกเย็น ผู้ใหญ่บ้านยืนอยู่ในลานบ้านของตนพลางส่ายศีรษะและทอดถอนใจ “สวรรค์ ! ไม่เหลือทางรอดให้ชาวบ้านเลย ! ”

เขาเอามือไพล่หลังพลางเดินไปทางทุ่งนาทิศตะวันออกของหมู่บ้าน น้ำใส ๆ ไหลจากท่อลงสู่ร่องน้ำจนลึกประมาณเอวเห็นจะได้ แมลงน้ำแหวกว่ายไปมา จากนั้นเขาก็หันไปมองแปลงนาที่ได้รับน้ำจนเพียงพอ ผักกาดขาวมีน้ำมีนวล หัวไชเท้าใบเขียวขจี ต้นกล้ามันฝรั่งโตเท้าข้อเท้าแล้ว…

โชคดี ! หมู่บ้านพวกตนมีบัณฑิตเจียงและนางหนูรองอยู่ ภัยแล้งในปีนี้คงไม่ใช่ของขวัญที่เทพเจ้าแห่งขุนเขาส่งมาให้หมู่บ้านฉือหลี่โกวเสียแล้ว หุบเขามีจิตวิญญาณ เมตตาชาวประชา…หรือว่านางหนูรองก็จะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความเมตตา ?

“ใคร ? ใครอยู่ตรงนั้น ? ” ฟ้าค่อยๆ มืด ผู้ใหญ่บ้านมองเงาคนเคลื่อนไหวไปมาบนพื้น หรือจะมีคนจากหมู่บ้านอื่นมาขโมยผักของหมู่บ้านฉือหลี่โกว ?

ผักกาดขาวชุดแรกยังเป็นแค่ต้นกล้า หัวไชเท้าและมันฝรั่งงอกมาแค่ใบ…จะปล่อยให้คนมาทำลายไม่ได้เด็ดขาด !

“ผู้ใหญ่บ้าน เป็นพวกข้าเอง ! ” เมื่อเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นพวกของหลิวต้าซวนที่พาสุนัขสองตัวมาลาดตระเวนรอบทุ่งนา

หลิวต้าซวนชี้ไปที่ต้นกล้าผักกาดขาวแล้วพูดกับผู้ใหญ่บ้านว่า “ท่านดูเถิด มันน่าโมโหนัก ! ต้นผักกาดขาวเพิ่งงอกออกมาก็โดนเด็ดไปแล้ว ! หมู่บ้านรอบ ๆ นี้รู้ว่าหมู่บ้านฉือหลี่โกวของเรามีน้ำใช้ไม่ขาดจึงแอบหาบน้ำออกไปด้วย ! ”

“จะหาบน้ำก็ปล่อยให้หาบไปสิ ทำไมต้องมาเด็ดผักกาดขาวในแปลงเราด้วย ? บนเขามีของป่าให้เก็บมากมายขนาดนั้นจะมาลักขโมยกันทำไม ถ้าบรรพบุรุษของพวกเขารู้ว่ามีลูกหลานไม่รักดีมากขนาดนี้ คงโมโหจนลุกขึ้นมาบีบคอพวกเขากลางดึก ! ” หลิวเอ้อร์กัวพูดด้วยความโมโห

หลิวชุนจิงก็ไม่พอใจ “แถมยังมีพวกที่ขนของป่าไปที่บ้านตระกูลหลินแล้วถามว่าบ้านนางรับซื้อหรือไม่ ! ”

ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ “ปีนี้…ใครก็ลำบาก ! แล้วนางหนูรองรับซื้อหรือไม่ ? ”

“รับ ! ตอนนี้หมู่บ้านโดยรอบก็ขึ้นเขาไปเก็บผลไม้ป่า ผู้หญิงในหมู่บ้านเราล้วนพูดว่าผลไม้ที่พวกนางเก็บได้เริ่มมีน้อยทุกที ! จุดที่พวกนางไปเก็บผลไม้ป่าบ่อย ๆ ก็โดนคนหมู่บ้านอื่นเก็บจนหมด…” หลิวเอ้อร์กัวพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ภูเขาลูกใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่รู้จักหาที่เก็บกันเอง จำเป็นต้องมาแย่งพื้นที่ของฉือหลี่โกวให้ได้ !

“ช่างเถิด ตอนนี้พวกเราก็ไม่ได้ขาดแคลนผลไม้ป่าหรือของป่าเหล่านั้นเสียหน่อย อย่างไรก็ต้องให้ทางรอดคนอื่นบ้าง ! ” ไม่อย่างนั้นชาวบ้านที่อดอยากจะก่อเรื่องขึ้นมาอีก ! ให้คนอื่นสบายก็เหมือนทำให้ตัวเองสบายไปด้วย !

ผู้ใหญ่บ้านเดินเล่นมาจนถึงแปลงนาของบ้านตระกูลหลิน ผักในแปลงก็ปลูกเหมือนกัน แต่ผักของบ้านตระกูลหลินเติบโตได้ดีกว่าบ้านอื่นเล็กน้อย เมื่อเห็นข้าวโพดที่กำลังจะได้เวลาเก็บเกี่ยว ผู้ใหญ่บ้านก็พูดกำชับว่า “คอยดูข้าวโพดบ้านนางหนูรองไว้หน่อย เหลือแค่ไม่กี่เดือนก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว อย่าให้ใครหน้าไหนมาทำลาย ! ”

หลิวเอ้อร์กัวพูดพร้อมรอยยิ้ม “วางใจได้ ตอนออกจากบ้านมา ท่านแม่ก็พูดแล้วว่าแม้ไม่เฝ้าที่นาของบ้านตัวเองก็จะปล่อยให้คนมาทำลายที่นาบ้านนางหนูรองไม่ได้เด็ดขาด…จริงสิ ไปเก็บของป่าพรุ่งนี้พวกเราจะพบกันที่เดิมเวลาเดิมอยู่หรือไม่ ? ”

ผู้ใหญ่บ้านตอบอย่างอารมณ์ดี “พวกเจ้าไม่กี่คนก็เดินลาดตระเวนกันทั้งคืนแล้วยังจะลุกขึ้นมาไหวหรือ ? ”

“อย่างไรก็ต้องไปเก็บ ! นั่นเป็นของล้ำค่าจากภูเขาไม่ใช่หรือ ? เป็นเงินทั้งนั้น ! ” หลิวเอ้อร์กัวทุบหน้าอกเพื่อแสดงให้เห็นว่าร่างกายแข็งแรงดี !

ผู้ใหญ่บ้านพูดกับพวกเขาว่า “พรุ่งนี้พวกเจ้านอนอยู่บ้านเถิด ! ตอนที่แบ่งของกันจะไม่ขาดส่วนของพวกเจ้าแน่นอน ! ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ทำเพื่อคนในหมู่บ้าน ! ”

“ไอหยา ผู้ใหญ่บ้าน ท่านคือบิดาแท้ ๆ ของข้า…” หลิวเอ้อร์กัวเป็นคนกะล่อน แต่เวลาทำงานไม่เคยใช้เล่ห์เหลี่ยม

ผู้ใหญ่บ้านถลึงตาใส่อีกฝ่าย “คำพูดนี้เจ้ากล้าพูดต่อหน้าบิดาหรือไม่ ? บิดาของเจ้าเรียกข้าว่าท่านอา เจ้าอย่าพลิกฟ้าเพื่อปีนข้ามรุ่นมาอยู่รุ่นเดียวกับบิดาหน่อยเลย”

หลิวเอ้อร์กัวฉีกยิ้มขี้เล่น “ข้าไม่ได้แสดงว่ากำลังให้ความเคารพรักท่านหรือ ? วางใจได้ แปลงนาในหมู่บ้านทั้งหมด พวกเราจะดูแลให้เอง ! ”

ผู้ใหญ่บ้านยังกำชับอีกรอบ “ตอนกลางคืนมีสติกันหน่อย ประเดี๋ยวจะให้คนเอาฆ้องมาให้ หากเกิดอะไรขึ้นพวกเจ้าก็ตีฆ้องดัง ๆ ได้เลย ! ”