บทที่ 265 พี่เหลียน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 265 พี่เหลียน

“ปล่อยนะ ไอ้เหี้ยปล่อยมือซะ!”

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของผู้จัดการอู่ดังก้องไปทั่วบาร์

ในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจที่ในเวลานี้ใครกล้าออกหน้า ฉากต่อจากนี้ของมู่เซิ่ง ทำให้ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้าง

มู่เซิ่งตบหน้าผู้จัดการอู่โดยตรง

เพี๊ยะ!

ทันใดนั้นก็มีเสียงตบ ตบจนฟันของผู้จัดการอู่ หลุดไปหลายซี่ และเลือดก็พุ่งออกจากปาก ผู้จัดการอู่ต้องการดิ้นให้หลุดพ้น แต่มือของเขาถูกมู่เซิ่งจับไว้แน่น และไม่สามารถหลุดพ้นได้เลย

ในวินาทีต่อมา ฝ่ามือเหมือนเม็ดฝน ตบอย่างไม่หยุดยั้ง

เพี๊ยะๆๆๆ!

มู่เซิ่งตบผู้จัดการอู่ไปสี่คั้งอย่างเมามัน

การตบแต่ละครั้งดัง และแรงมาก! เมื่อมู่เซิ่งยกมือขึ้นแล้วปล่อยลง ก็สามารถตบฟันออกได้หลายซี่ หลังจากตบสี่ครั้ง ทุกคนสงสัยว่าฟันของผู้จัดการอู่ นั้น คงถูกมู่เซิ่งตบจนฟันหลุดออกหมดแล้ว

บูม!

หลังจากนั้น มู่เซิ่งก็เตะพุงอ้วนของผู้จัดการอู่ ผู้จัดการอู่ถูกเตะจนปลิวออกไป และร่วงหล่นในเคาน์เตอร์บาร์ ทำให้ขวดเหล้าไวน์แตกเป็นจำนวนมาก เสียงขวดกระแทกลงบนพื้นแตกกระจายเต็มไปหมด เทโดนผู้จัดการอู่จนเหมือนลูกหมาตกน้ำเลย

ทุกคนดูฉากนี้ด้วยความหวาดกลัว

สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง และมองไปที่มู่เซิ่ง ไม่คาดคิดว่า ถึงกับมีคนกล้าก่อเรื่องในบาร์ของเฮียชี

เสื้อผ้าของฉู่อีอีถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเปลือยเปล่า มู่เซิ่งถอดเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาออก คลุมไว้บนร่างกายของฉู่อีอี และถามว่า “คุณสบายดีไหม?”

“ไม่ ไม่เป็นไร” ฉู่อีอีพูดตะกุกตะกัก

“พี่มู่ คุณก่อเรื่องแล้ว ทุกอย่างที่นี่มันแพงมาก และผู้จัดการอู่คนนั้นก็ไม่ใช่คนที่จะล่วงเกินได้ง่ายๆ ใช้โอกาสที่ตอนนี้ยังไม่มีคน รีบหนีซะ” หวังซินเอ๋อ ฉวยโอกาสจากความโกลาหลรีบวิ่งเข้ามาจากฝูงชน ดึงมือของมู่เซิ่งไว้แล้วพูด

“ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไร ขอเพียงพวกคุณไม่ได้รับบาดเจ็บก็พอ” มู่เซิ่งปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกว่ามันตลก

พวกเขาชอบเที่ยวในบาร์มาตลอด และได้เห็นมานักต่อนักสำหรับคนที่ทำตัวหยิ่งผยองในบาร์ชิงชีจากนั้นก็มีฉากที่ถูกทุบตีจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ คนหนุ่มสาวทุกวันนี้พอมีเงินหน่อย ก็คิดว่าสามารถใช้อำนาจรังแกผู้อื่นได้ แต่พวกเขาแถบไม่รู้ว่าในบาร์นี้ไม่ได้ให้คุณค่ากับเงินของเขาเลย!

ในสายตาของพวกเขา อย่างมากมู่เซิ่งก็เป็นชายหนุ่มที่สามารถต่อสู้ได้เก่ง และจุดจบของเขาจะไม่ดีไปกว่าที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้

ในเวลานี้ พี่เหลียนก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ก็เดินออกมาจากออฟฟิศ และอยากดูว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อหวังลี่เห็นพี่เหลียนปรากฏตัว ชั่วขณะรีบวิ่งเข้าไปทันที และรีบพูดว่า “พี่เหลียน เป็นเขาเอง คนนี้แหละที่ต้องการทุบร้าน!”

ทุบร้าน!

คำสองคำนี้ ไม่สามารถพูดได้ตามอำเภอใจ

โดยทั่วไปแล้วผู้ที่กล้ามาทุบร้านของบาร์ชิงชี ผลสุดท้ายจุดจบคือการนอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล

ด้วยการปรากฏตัวของพี่เหลียน ดนตรีในบาร์ก็หยุดลง ผู้คนกลับปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมนี้ไม่ได้ แต่ในเวลานี้ ใครจะกล้าส่งเสียง?

พี่เหลียนเดินเข้าไปหามู่เซิ่งอย่างเร็ว แล้วถามว่า “เพื่อนคนนี้ นายต้องการทุบบาร์ชิงชีของฉันหรือ?”

“ไม่ใช่ครับ พี่เหลียนพวกเราไม่ได้ตั้งใจจะมาก่อเรื่องที่นี่ พี่มู่แค่ทำของบางอย่างในร้านแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจะชดใช้ให้คุณตามราคาอย่างแน่นอน” ฉู่อีอีที่อยู่ข้างๆพูดอย่างกังวล

“ชดใช้ ? คุณทำไวน์ดีๆแตกไปมากมาย และตู้กระจกมากมาย เพื่อนยาจกของเธอจ่ายไหวไหม? และเขากล้าทำร้ายผู้จัดการอู่จนบาดเจ็บในที่สาธารณะ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยเห็นบาร์ชิงชีอยู่ในสายตา!” และหวังลี่ก็ชี้ไปที่มู่เซิ่งและดุด่า

เธอไม่ถูกชะตากับมู่เซิ่งไอ้ยาจกคนนี้มานานแล้ว

ตอนนี้มีโอกาส แน่นอนต้องพุ่งเป้าหาเรื่องไปที่มู่เซิ่งอย่างจริงจัง

แน่นอนว่า เมื่อได้ยินเช่นนี้ พี่เหลียนก็ขมวดเข้าหากันอย่างแรงโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่หวังลี่พูดเป็นความจริง สิ่งของที่ถูกทุบแตกเหล่านี้ มีราคาหลายแสน นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือผู้จัดการอู่ยังถูกทุบตี เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงบาร์ชิงชี เธอต้องจัดการอย่างถูกต้อง

“เพื่อน จะเรียกคุณว่าอะไร” พี่เหลียนถามอย่างเย็นชา

“มู่เซิ่ง” มู่เซิ่งพูด

“มู่เซิ่ง?” พี่เหลียนผงะ และเรียกชื่อนี้สองครั้งโดยไม่รู้ตัว รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดต่อ “คุณมู่ เนื่องจากคุณทุบร้านบาร์ของฉัน ควรให้คำอธิบายกับฉัน?”

“คำอธิบาย? ผู้จัดการอู่ออกคำสั่งที่บ้าอำนาจให้น้องฉู่อีอีก่อน ให้เธอไปปรนนิบัติคุณชายจูน้องฉันไม่เห็นด้วย ดังนั้นเขาจึงบังคับให้ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกของเธอ แล้วนำตัวเธอไปไว้ที่ห้องวีไอพี เรื่องแบบนี้ หรือจะให้ผมทนมองดูเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหรอ?” มู่เซิ่งถามอย่างเย็นชา

บริกรที่ยืนอยู่ข้างๆต่างก็ถอนหายใจ และไม่พูดอะไร

เห็นได้ชัดว่า เรื่องแบบนี้ในสายตาของพวกเขา มันไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้ง ผู้จัดการอู่สามารถหาวิธีนับไม่ถ้วนในการให้บริกรไปดื่มกับแขก หรือแม้แต่ไปนอนกับตัวเอง ถ้าพวกเธอไม่ทำเช่นนี้ วันที่สองก็จะถูกไล่ออกด้วยเหตุผลหลายประการ

ทุกคนดูฉากนี้ และก็ลดเสียงลงเพื่อหารือกัน

“นี่แกใหญ่มาจากไหน กล้าดียังไงมายุ่งเรื่องของกู?” ผู้จัดการอู่ถูกรปภ.พยุงตัวแล้วยืนตัวสั่น มองไปที่มู่เซิ่งงด้วยความขุ่นเคืองใจ และพูด

“ถ้านายยังคิดว่ามีฟันมากเกินไป ก็พูดต่อไปได้” มูเซิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาแบบนี้ ผู้จัดการอู่รู้สึกระสักระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข ถอยหลังไปสองก้าวแล้วพูดต่อ “แม่งแกเป็นใคร? แกมีคุณสมบัติอะไร ถึงกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของบาร์ชิงชีกูขอเตือนแก วันนี้แกต้องคลานออกไปจากประตูนี้”

ผู้จัดการอู่ชี้ไปที่ประตู และทุกคนก็ถอยกลับไปทีละคน สีหน้าของพวกเขาแสดงความรู้สึกว่าจะได้ดูฉากมันๆ เห็นได้ชัดว่า พวกเขาทุกคนรู้ว่า ผู้จัดการอู่โกรธมาก

“พอได้แล้ว”

ในขณะนี้ พี่เหลียนพูดด้วยเสียงต่ำ พูดว่า “ผู้จัดการอู่ สิ่งที่คุณทำในครั้งนี้ไม่ถูกต้อง เรื่องมาถึงตรงนี้ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ ชดใช้ค่าเสียหายก่อน แล้วพวกคุณก็ไปจากที่นี่ได้แล้ว”

“ขอบคุณพี่เหลียนขอบคุณพี่เหลียน” ฉู่อีอีพยักหน้าซ้ำๆ

ผู้จัดการอู่พูดด้วยความโกรธ “ค่าชดใช้ ดีแล้ว! ราคาของไวน์ที่แตกทั้งหมดคือหนึ่งแสนห้าหมื่น ราคาเคาน์เตอร์คือห้าหมื่น ส่วนค่าจ้าง ค่ารักษาพยาบาล และค่าความเสียหายทางจิตใจ ทั้งหมดรวมกันเป็นห้าล้าน!”

“ไอ้หนุ่ม ถ้านายหาเงินมาได้เท่านี้ กูจะปล่อยนายไป ถ้านายหามาไม่ได้ คืนนี้อย่าหาว่าฉันหยาบคายกับนาย!”

ห้าล้าน!

เมื่อได้ยินผู้จัดการอู่ขอเงินมากมายขนาดนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจพร้อมเพรียงกัน

รอยยิ้มประชดประชันอย่างไม่มีที่เปรียบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังลี่ เมื่อมองไปที่มู่เซิ่ง เธอยิ้มอย่างเย้ยหยันหลายครั้ง “เหอเหอ ห้าล้าน นายสามารถหามาได้ไหม?”

“ผู้จัดการอู่ คุณทำเช่นนี้มันเกินไปหรือเปล่า?” พี่เหลียนขมวดคิ้วแล้วพูด

“จางเหลียน กูทำอะไร แกอย่ามาชี้หน้าสั่งสอนกู กูเป็นผู้จัดการร้านนี้ หุบปากซะ!” ผู้จัดการอู่หันกลับมา และสาปแช่งอย่างโหดเหี้ยม

ใบหน้าของพี่เหลียนแข็งทื่อ เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ และไม่พูดอะไร

“เอาล่ะ อย่ามาอืดอาดยืดยาด นายจะควักเงิน หรือต้องการทิ้งชีวิตไว้ตรงนี้”

ผู้จัดการอู่มองไปที่มู่เซิ่ง และยังคงถามอย่างเยาะเย้ย