ตอนที่ 208 ผู้ใดยินยอมให้เขาเป็น
ตอนที่ 208 ผู้ใดยินยอมให้เขาเป็น
ราวกับว่าทุกคนได้ลงมือช่วยชีวิตเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขาต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ ดูเหมือนว่าจะมีความสุขมากกว่าหญิงสาวผู้เป็นแม่เสียอีก
เหวินเทียนตกใจจึงรีบไปตักน้ำ
ถูกต้อง ในท้ายที่สุดผู้คนที่รับชมการต่อสู้กับความเป็นความตายครั้งนี้ก็มีหัวใจจดจ่ออยู่กับการรักษาของแม่นางอวี้ ครั้นได้ยินว่าเด็กน้อยได้รับการรักษาแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็เริ่มชื่นชมยินดีและตื่นเต้นจนแทบจะไม่ไหว
บนหน้าผากของอวี้ชิงลั่วมีขีดสีดำสามขีดปรากฏขึ้น หลังจากนั้นจึงหันไปอธิบายให้กับหญิงสาวผู้รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ “ข้าให้ผงยาสลบแก่เขาไป ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่ได้สติและไม่รู้สึกเจ็บ แต่ข้าใช้มีดกรีดเปิดแผลให้เขาไว้ เวลาที่เขารู้สึกตัวขึ้นมาจะรู้สึกเจ็บไม่น้อย นี่คือยาลูกกลอน เวลาที่เขาเจ็บ เจ้าก็ให้เขากินยานี้ ต้องระมัดระวังไม่ได้บาดแผลโดนน้ำ เมื่อผ่านไปสักสองวันค่อยพาเข้าไปที่โรงหมอซิงเซิ่ง ข้าจะดูอาการให้เขาอีกที”
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด และยังเอ่ยอธิบายเรื่องบางอย่างขึ้นเบา ๆ หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นและรับผ้าจากเหวินเทียนมาเช็ดมือ
หญิงสาวผู้นั้นรู้สึกซาบซึ้งอวี้ชิงลั่วเป็นอย่างมาก เมื่อมองดูเด็กน้อยที่อยู่บนโต๊ะ นางก็อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าต่ออวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วตระหนักว่านางไม่สามารถยืนกรานรับการขอบคุณพวกเขาได้ทุก ๆ นางรู้สึกว่าถ้าโดนคุกเข่าใส่อีกไม่กี่ครั้ง ตนจะต้องอายุสั้นลงเป็นแน่แท้ เช่นนั้นก่อนที่หญิงสาวจะคุกเข่าลง อวี้ชิงลั่วก็ได้ยื่นมืออกไปและค่อย ๆ ใช้แรงประคองนางขึ้นมา
“แม่นาง ข้าไม่รู้จริง ๆ ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะขอบคุณแม่นางเช่นไรดี ข้าคิดว่า คิดว่าหงเอ๋อร์จะจากไปแล้วจริง ๆ แม้แต่ท่านหมอเริ่นเองก็บอกว่าไม่มีหนทาง ข้า ข้าหมดหวังไปแล้ว ไม่คาดว่าฝีมือการรักษาของแม่นางจะดีเช่นนี้ ข้าขอบคุณท่านจริง ๆ แม่นางวางใจได้เลยจะต้องจ่ายราคาเท่าใด ข้าจะรีบกลับไปเอาให้”
หญิงสาวผู้นั้นร้องไห้ขึ้นมา ภายในชั่วยามนี้สภาพจิตใจของนางแปรปรวนขึ้น ๆ ลง ๆ จนตอนนี้กลายเป็นพูดจาไม่ได้ความไปแล้ว
อวี้ชิงลั่ววางผ้าเปียกลงในกะละมังน้ำร้อน และหันไปสบตาหญิงสาวผู้นั้นและเอ่ยขึ้นว่า “ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นแล้ว วันนี้เรื่องนี้เป็นเหตุสุดวิสัยและก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร ”
แท้ที่จริงแล้ว ถ้าหากว่าครั้งนี้ผู้ป่วยไม่ใช่เด็กน้อย นางก็คงไม่ได้เห็นอกเห็นใจที่ออกไปช่วยเหลือ
เด็กเล็กน่ะ…ไม่รู้จะถือได้ว่าเป็นจุดอ่อนของนางหรือไม่
เหวินเที่ยนที่อยู่ข้าง ๆ กระตุกมุมปาก เขาคาดไม่ถึงว่าแม่นางอวี้จะไม่รับเงินเอาไว้ เขาจำได้ว่าเมื่อปีนั้นที่ได้แม่นางอวี้ช่วยชีวิตเอาไว้ เขาก็ถูกรีดทรัพย์เสียเกลี้ยงจนเหลือแต่ตัว
เป็นไปได้ไหมว่าแม่นางอวี้ในตอนนี้กำลังจะสร้างความประทับใจต่อหน้าผู้คน?
ขณะที่เหวินเทียนคิดเช่นนี้ ข่งอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านบนก็เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกันคนรับใช้ ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และเดินเข้าไปที่หน้าโต๊ะของอวี้ชิงลั่วพร้อมกับเคารพหญิงสาว “ทุกวันนี้ที่ข่งอวิ๋นเซิงยังสามารถศึกษาตำราและช่วยเหลือตระกูลข่งได้นั้น ทั้งหมดเป็นเพราะความช่วยเหลือของหมอปีศาจในปีนั้น ความเมตตานี้ข่งอวิ๋นเซิงจะไม่ลืม คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะยังสามารถมาพบกับหมอปีศาจที่เมืองหลวงได้ ถ้าหากว่าแม่นางไม่ติดสิ่งใด ตระกูลข่งต้องการจะเลี้ยงตอบแทบความเมมตาของแม่นาง”
อวี้ชิงลั่วรับควาามตื้นตันใจของบัณฑิตผู้นี้ไม่ได้ นางแสร้งทำเป็นสุภาพต่อหน้าอวี๋จั้วหลินไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าในช่วงเวลาเช่นนี้จะเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้
“ไม่จำเป็นหรอก ในตอนนั้นที่ช่วยท่านชายข่ง ข้าเองก็ได้รับค่าตอบแทนที่ควรที่จะได้รับ และความเมตตานี้สามารถตอบแทนได้ ท่านชายข่งอย่าได้ถือสา ข้าเป็นหมอท่านเป็นคนไข้ ท่านจ่ายเงินและข้าก็รักษาท่าน เดิมทีนั้นก็เป็นเรื่องสามัญอยู่แล้ว” ทั้งสองฝ่ายลุประโยชน์ซึ่งกันและกัน เดิมทีนางและเย่ซิวตู๋ก็เป็นเช่นนี้ตอนเริ่มต้น
แต่ว่าข่งอวิ๋นเซิงไม่ได้คิดเช่นนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ชิงลั่ว ชายหนุ่มกลับรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก “แม่นางนั้นช่างชอบธรรมนัก เช่นนี้จึงเป็นหมอปีศาจที่น่านับถือ”
“…”อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้ง ย่อมได้ ถ้าท่านต้องการจะยกระดับภาพลักษณ์ของข้า ข้าเองก็ไม่มีข้อโต้แย้งอันใด เพียงแค่ไม่พูดเรื่องที่ตื้นตันใจพวกนั้นก็พอแล้ว
แต่ว่า คำพูดของข่งอวิ๋นเซิงกลับก้องกังวานขึ้นมา ทำให้แต่ละคนต่างก็แย่งกรูกันเข้ามาเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับอวี้ชิงลั่ว
“ใช่แล้ว นี่คือหมอปีศาจที่ผู้คนล่ำลือกัน แม่นางไม่เพียงแต่มีทักษะการแพทย์ที่เยี่ยมยอด แต่ยังทำความดีไม่หวังผลตอบแทน ช่างเป็นที่น่าชื่นชมต่อผู้คนเสียจริง”
“ถูกต้อง ทุก ๆ สิ่งที่หมอปีศาจทำล้วนเป็นแบบอย่างให้กับหมออื่น ๆ อีกด้วย ”
“ถ้าหากหมอในใต้หล้านี้ต่างก็เป็นเช่นเดียวกับหมอปีศาจผู้นี้ เช่นนั้นแล้วก็จะนับว่าเป็นเรื่องดีต่อชีวิตของผู้คนธรรมดาจริง ๆ ”
“…”ท่านหมอเริ่นในฐานะที่เป็นหมอเช่นกันจึงเกิดความกดดันอันมหาศาล
แต่ว่า ท่ามกลางการสั่นสะเทือนรุนแรงเช่นนี้ ยังมีคนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “แม่นางชิง สรุปว่าเจ้าเป็นหมอปีศาจใช่หรือไม่?”
“เจ้าถามเช่นนี้หมายความเช่นไร?” มีคนสงสัยก็ต้องมีคนสนับสนุนโดยธรรมชาติ “เจ้าไม่เห็นแม่นางชิงช่วยชีวิตคนเมื่อครู่หรือ? แม้แต่ท่านหมอเริ่นและท่านเสิ่นเองก็ไม่มีหนทางรักษา ต่างก็บอกว่าให้เตรียมจัดการเรื่องงานศพเสีย แต่แม่นางชิงสามารถรักษาให้เด็กกลับมามีชีวิตได้ และวีธีการรักษาของนางต่างก็ไม่เคยมีใครพบเจอ เมื่อครู่ข้าดูอย่างตื่นตระหนก พวกเจ้าบอกว่า นอกจากหมอปีศาจผู้ลึกลับ ผู้ใดจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อีก?”
“ก็คือ ผู้ใดมีความสามารถเช่นนี้? ถูกต้องแล้ว เมื่อเอ่ยถึงท่านเสิ่น…”ว่าแล้วเขาก็มองไปที่ท่านเสิ่นที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าเป็นหมอปีศาจ
หลังจากที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ทุก ๆ คนต่างก็ให้ความสนใจกับท่านเสิ่นที่พิงอยู่กับขอบโต๊ะ
หลังจากที่อวี้ชิงลั่วได้ยินคนชมเพียงพอแล้ว นางจึงเดินเข้าไปหาท่านเสิ่นทีละน้อย
“เจ้า เจ้า…เจ้าอย่าเข้ามา” ท่านเสิ่นจับโต๊ะแน่น ดวงตาชองเขาเบิกกว้างและจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า
ชายชราเสียใจต่อการกระทำที่ตนได้ทำในทันที เดิมทีเขาคิดว่านางเป็นแค่สาวบ้านนอกที่ไร้ทักษะ คาดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็นหมอปีศาจที่ผู้คนต่างก็เอ่ยถึง เช่นนี้ช่างน่าขนลุกและเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วเชื่อฟังเป็นอย่างมาก ถ้าชายชราบอกว่าไม่ให้เข้าไป เช่นนั้นแล้วนางจึงไม่เดินเข้าไป
นางเพียงแต่เอ่ยขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านเสิ่นช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์นัก คาดไม่ถึงว่าจะใช้ชื่อเสียงของข้าหากินในเมืองหลวง และยังกล้านำผู้คุ้มกันทรราชจากจวนเวยหย่วนโหวมาก่อความวุ่นวายให้ข้าอีก ทำไมหรือ ท่านเสิ่นคิดว่าหญิงสาวผู้นี้จะไม่กล้ามาปรากฏตัว และคิดว่าต่อให้ท่านจะเล่นละครต่อไปก็ไม่มีใครรู้ว่าท่านนั้นเป็นตัวปลอมหรือ?”
เย๋ซิวตู๋หัวเราะขึ้นมาเบาๆ สายตานุ่มนวลจับจ้องที่อวี้ชิงลั่ว
ท่านเสิ่นกลืนน้ำลายดังเอี๊อกและเอ่ยอะไรไม่ออก ดวงตาของเขาทอดมองเวยหย่วนโหวด้วยสายตาสิ้นหวัง
เวยหย่วนโหวเองยังปกป้องตนเองด้วยความยากลำยาก จะมีกะจิตกะใจมองเขาได้อย่างไร? แต่เพื่อปกป้องตนเองแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องดิ้นรนอีกครั้ง
ถึงอย่างไรแม้แต่เหมิงกุ้ยเฟยในฝ่าบาทก็มองว่าท่านเสิ่นนั้นเป็นหมอปีศาจ ถ้าหากว่าตอนนี้ความแตกว่าท่านเสิ่นนั้นไม่ใช่ เช่นนั้นเขา…เขาไม่ได้ทำความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้หรือ?
เมื่อคิดถึงเช่นนี้ เวยหย่วนโหวก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมา แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “แม่นางชิงไม่แม้แต่ที่จะกล้าเปิดเผยใบหน้าของตน แต่ก็ยังกล้าที่จะเรียกตนเองว่าหมอปีศาจอีกหรือ?”
“ผู้ใดกล่าวว่าฮ่องเต้และกุ้ยเฟยยินยอมให้เขาเป็น?” เย่ฮ่าวหรานที่อยู่บนชั้นสองตะโกนอย่างโกรธเคือง หลังจากนั้นชายหนุ่มจึงอุ้มหนานหนานที่ทนไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมา และลงไปที่ลานประลอง
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดูท่าจะไม่ได้มีคนเดียวที่จะได้กินยำสหบาทานะคะ คนในโรงเตี๊ยมดูพร้อมยำมาก
ไหหม่า(海馬)