บทที่ 292 ได้เวลาจับรางวัล

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 292 ได้เวลาจับรางวัล

แน่นอนว่า หลังจากที่ระบบอัปเลเวลสมาชิกขึ้นเป็นเลเวลสี่แล้ว จุดเน้นย้ำก็ย่อมเปลี่ยนไป โดยส่วนใหญ่จะมุ่งชี้แนะให้ไป๋เยี่ยเรียนรู้การค้นคว้าและสำรวจ

ไป๋เยี่ยรู้จักสะสมความรู้อย่างอิสระอยู่แล้ว ทั้งยังอัปเลเวลทักษะพื้นฐานได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยโบนัสค่าประสบการณ์สองเท่าจากระบบ

ทว่าแต่ละเลเวลก็มีขีดจำกัด!

เช่นเดียวกับขั้นตอนการอัปเลเวลทักษะการแพทย์ฉุกเฉินเลเวลหกขึ้นเป็นเลเวลเจ็ด ซึ่งจะต้องบรรลุขีดจำกัดค่าประสบการณ์เสียก่อน

เป็นเรื่องยากที่ไป๋เยี่ยจะผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ด้วยตัวคนเดียว หากแต่เป็นเพราะมีสมาชิกในทีมแพทย์ที่ร่วมกันส่งผลการทดลอง ทำให้ไป๋เยี่ยอัปเลเวลได้สำเร็จ

ท้ายที่สุดแล้ว การบรรลุเลเวลเจ็ดยังคงต้องอาศัยความมุมานะของผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์เหล่านั้น!

เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์หลักของระบบสมาชิกระดับกลางคือการช่วยทำให้ไป๋เยี่ยทำลายข้อจำกัดและอุปสรรคของการแพทย์ในปัจจุบัน และทำให้เขาบรรลุขีดจำกัดเลเวลปัจจุบันและมุ่งสู่ทักษะเลเวลสูงได้

เช่นเดียวกับการวิจัยและพัฒนายา ไป๋เยี่ยปรับปรุงขีดความสามารถในการพัฒนาของเขาโดยอาศัยเพียงระบบเท่านั้นไม่ได้ ได้แต่ใช้ความช่วยเหลือจากระบบมาวิจัยผลิตภัณฑ์แล้วจึงจะเรียนรู้วิธีการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปได้นั่นเอง

ดังนั้นหลังจากที่ไป๋เยี่ยเห็นข้อความแจ้งเตือนแล้ว เขาก็จัดระเบียบข้อมูลในหัวให้เรียบร้อยจนเข้าใจสิ่งที่ระบบกำลังสื่อ

ไป๋เยี่ยอ่านข้อความแจ้งเตือนเหล่านั้นและเลือกกดดูข้อมูลที่เป็นรูปธรรม

[ติ๊ง ตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ยา: ยาลดความดันโลหิต สรรพคุณหลักคือช่วยควบคุมความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

ในการวิเคราะห์ตัวยาดังกล่าวจะต้องมี:

ทักษะชีวเคมี เลเวล 5

ทักษะชีววิทยาการแพทย์ เลเวล 5

ทักษะเภสัชวิทยา เลเวล 5

ทักษะชีววิทยาระดับโมเลกุล เลเวล 5

ทักษะเคมีในผลิตภัณฑ์ยา เลเวล 5

ทักษะโมเลกุลของผลิตภัณฑ์ยา เลเวล 5

…ทักษะภาคปฏิบัติสาขาหัวใจและหลอดเลือด เลเวล 7!]

ไป๋เยี่ยเห็นดังนั้นก็อึ้งงันไป การจะวิเคราะห์ยาตัวนี้ต้องใช้ทักษะเลเวลห้าหลายทักษะเลยทีเดียว

ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือทักษะภาคปฏิบัติสาขาหัวใจและหลอดเลือดเลเวลเจ็ด

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดและกุญแจหลักในการทดลองนี้

อย่าว่าแต่โรคหัวใจและหลอดเลือดเลเวลเจ็ดเลย แค่รายการทักษะเลเวลห้าอันยาวเหยียดนี่ก็ชวนปวดหัวแล้ว ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่…มันจะกินเวลาและพลังงานมากแน่นอน อีกทั้งนี่เป็นเพียงการวิจัยยา ไม่ต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์ไฮเทคต่างๆ ในอนาคตเลย ไป๋เยี่ยคงจะต้องเป็นคนวิจัยมันเองใช่ไหม

คนเรามีพลังกายที่จำกัด บรรดาผู้ที่อุทิศตนโดดเด่นเหล่านั้นก็พึ่งพาความเพียรพยายามจากทีมทั้งนั้น

เพราะฉะนั้นแล้ว! ไป๋เยี่ยจึงคิดว่าวัตถุประสงค์หลักของระบบคือการไม่ให้เขาพัฒนาสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองแน่นอน

ถ้าอย่างนั้น ผลลัพธ์ก็ดูจะชัดเจนแล้ว ไป๋เยี่ยต้องเป็นผู้นำในการจัดตั้งทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ระดับสูง!

ต้องให้ทีมช่วยกันวิเคราะห์ตัวยาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของสารนี้

หลังจากเข้าใจทั้งหมดแล้ว ไป๋เยี่ยก็ค่อยรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นมาหน่อย

การศึกษาตัวยาเป็นส่วนที่ง่ายที่สุด หรืออาจกล่าวได้ว่านี่เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับไป๋เยี่ยคือการใช้ยานี้เพื่อค้นหาสาเหตุและกลไกการเกิดโรคความดันโลหิตสูง

ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้นและมีการผลิตยาลดความดันโลหิตขึ้นมาจำนวนมาก ไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าผลการควบคุมความดันโลหิตเหล่านั้นก็จัดว่าไม่เลวเลยทีเดียว

ทว่ายาเหล่านั้นมักจะควบคุมความดันโลหิตโดยใช้กลไกบางอย่าง เช่น ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทซิมพาเทติก[1]และระบบอาร์เอเอเอส[2]เพื่อลดความดันโลหิตลงเป็นต้น

หรืออาจจะเป็นยาขับปัสสาวะ หรือยาขยายหลอดเลือดก็เป็นได้

ทว่ายาเหล่านี้ควบคุมความดันโลหิตได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และถึงแม้จะใช้ในระยะยาวก็จะทำให้เกิดความผิดปกติหลายอย่าง ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ดีนัก

นอกจากนี้ ความดันโลหิตสูงยังถือเป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องใช้ยาเป็นเวลานานเพื่อที่จะควบคุมความดันโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง

อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงจากการใช้ยาในระยะยาวก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในบางรายอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ แต่ถ้าไม่ใช้ยาก็อาจจะเกิดความเสียหายต่อหัวใจ สมองและไตได้

ดังนั้น ไป๋เยี่ยจึงหวังที่จะทำการศึกษากลไกการออกฤทธิ์ของยาดังกล่าวในร่างกายของมนุษย์แบบย้อนกลับ โดยศึกษาสรรพคุณทางเภสัชวิทยาและวิธีการออกฤทธิ์ของมัน และท้ายที่สุดก็จะได้รับผลลัพธ์คือสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง!

ถ้า…ถ้ารักษาความดันโลหิตสูงได้ รางวัลโนเบลคงจะอยู่ไม่ไกลใช่ไหม

คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเป็นร้อยเท่า แววตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ คนเราต้องกดดันตัวเองบ้าง ต้องหัดโหดร้ายกับตัวเองบ้าง ไม่งั้นทำสำเร็จแล้วจะรู้สึกรักตัวเองได้ไง

ไป๋เยี่ยคิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานโอกาสนี้ให้เขา เขาจะต้องเพียรพยายามอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับมัน หากเขายังใช้ชีวิตด้วยความสบายใจและทิ้งระบบไป ก็สู้เอาไปให้คนอื่นทำดีกว่า!

หลังจากคิดจนกระจ่างแล้ว ความมั่นใจของไป๋เยี่ยก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ก็แค่เลเวลเจ็ดนี่นา เราเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีทักษะเลเวลเจ็ดมาก่อน การแพทย์ฉุกเฉินของเราเนี่ยแหละ เลเวลเจ็ดของแท้

เมื่อเตรียมใจพร้อมแล้ว ไป๋เยี่ยก็ตัดสินใจว่าหลังจากกลับไปที่จีนเขาจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่!

มา มาจับรางวัลต่อดีกว่า จะอะไรก็มาเถอะ!

ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าความมั่นใจของเขาดูจะสูงเกินไปหน่อย เขาเปิดหน้าจับรางวัลขึ้นมาและข้ามรางวัลระดับหกดาวไปเลือกรางวัลระดับเจ็ดดาวทันที

มา!

ใครจะต้องกลัวใครกันแน่

จานยักษ์จงหมุนบัดเดี๋ยวนี้!

หน้าจับรางวัลระดับเจ็ดดาวนั้นแตกต่างจากหน้าจับรางวัลทั่วไปอย่างแน่นอน ช่องรางวัลแต่ละช่องล้วนเปล่งแสงสว่างวาบ

ของพวกนี้น่ะ ของดีทั้งนั้น ไป๋เยี่ยคิด หยุด!

จานหมุนขนาดใหญ่หยุดลงทันที ก่อนจะมีเครื่องมือชนิดหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าไป๋เยี่ย ทำเอาไป๋เยี่ยต้องเบิกตากว้าง นั่นคืออะไร

มันคือเครื่องมือแบบไหนกันเนี่ย ไป๋เยี่ยสับสนเล็กน้อย มันคืออะไร

[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณได้รับเครื่องแมสสเปกโตรมิเตอร์[3]สำหรับการวัดคุณภาพยาแผนจีน]

[แจ้งเตือน: เครื่องแมสสเปกโตรมิเตอร์สำหรับการวัดคุณภาพยาแผนจีนเครื่องนี้เป็นผลการวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนแห่งชาติในปีค.ศ. 2362]

หลังจากที่ได้รับข้อมูลนั้นแล้ว ไป๋เยี่ยก็งุนงงไปชั่วขณะ นี่…นี่มันของดีเลยนี่หว่า

คุณภาพของยาจีนยังคงขาดประสิทธิภาพที่ตรงตามมาตรฐานมาโดยตลอด สาเหตุหลักมาจากการวิเคราะห์ส่วนผสมที่ออกฤทธิ์อย่างสมบูรณ์ไม่ได้

ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวจะวัดคุณภาพของยาแผนจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยวิธีนี้ ไป๋เยี่ยก็จะระบุได้ว่าส่วนผสมใดในยาแผนจีนที่มีประโยชน์ และมีส่วนผสมใดบ้างที่ออกฤทธิ์!

เทียบเท่ากับการทำให้ยาแผนจีนมีความทันสมัยมากขึ้น ตราบใดที่แยกส่วนผสมที่ออกฤทธิ์และส่วนผสมที่ไม่ออกฤทธิ์ในตัวยาได้ ก็จะดำเนินการวิเคราะห์ทางเภสัชวิทยาของยาเพิ่มเติมได้

ในปัจจุบันยังไม่มียาแผนจีนโบราณตัวไหนเข้าสู่ตลาดยาของสหรัฐอเมริกา เพราะไม่ผ่านการทดสอบโดยเอฟดีเอ[4]

สาเหตุส่วนใหญ่คือไม่ทราบส่วนผสมและยังไม่มีการวิจัยที่ละเอียดพอ

แต่ถึงแม้ว่าเครื่องนี้จะตรวจจับสารที่ออกฤทธิ์ในตัวยาไม่ได้โดยตรง แต่ก็วัดคุณภาพของยาได้สินะ

แค่เปรียบเทียบตัวยาก็วิจัยออกมาได้แล้ว!

แน่นอนว่านี่ต้องเป็นโครงการใหญ่อย่างแน่นอน ไม่มีทางที่มันจะสำเร็จภายในหนึ่งหรือสองวัน

แต่ถ้าทำสำเร็จก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อๆ ไปนับไม่ถ้วน

[1] ระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) คือระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS; Autonomic Nervous System) ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะบางอย่าง ซึ่งทำงานอยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ มีศูนย์กลางอยู่ที่ไขสันหลังระดับอกและเอว

[2] ระบบอาร์เอเอเอส (RAAS; renin-angiotensin system) เป็นระบบการทำงานของร่างกายเพื่อควบคุมสมดุลของระบบหัวใจและหลอดเลือดและไต

[3] แมสสเปกโตรมิเตอร์ (Mass Spectrometer) คือเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์องค์ประกอบของโมเลกุลที่ต้องการศึกษา

[4] เอฟดีเอ (FDA; Food and Drug Administration) คือองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพของอาหารและยาคล้าย อย. ในประเทศไทย