บทที่ 317 ท่าทีของกัวจื่อหมิง

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 317 ท่าทีของกัวจื่อหมิง

บทที่ 317 ท่าทีของกัวจื่อหมิง

“นายน้อยอู๋ นี่เป็นค่าตอบแทนเล็กน้อย เป็นการแสดงความขอบคุณจากทางเรา ได้โปรดรับเอาไว้ด้วยนะครับ” ติงอวิ๋นเอ่ยพร้อมส่งเช็คธนาคารให้อู๋ฝาน

อู๋ฝานรับเอาไว้ พลางตอบกลับ “ค่าตัวเท่าไหร่เหรอครับ?”

“ห้าล้านครับ” ติงอวิ๋นตอบกลับ

“คลับนี้ทำเงินได้ดีไม่น้อยเลยนะครับ” อู๋ฝานรับคำ

จ่ายเงินจำนวนห้าล้าน เรียกได้ว่ามากยิ่งกว่าครั้งก่อน หากทางคลับไม่ได้ทำเงินได้อย่างมหาศาล ก็คงไม่มีทางจ่ายตอบแทนหนักถึงขนาดนี้

ติงอวิ๋นเพียงยิ้มโดยไม่ตอบคำอื่นใด

“นายช่วยพวกเขาคลี่คลายปัญหาใหญ่ พวกเขาจ่ายให้ก็สมควรแล้ว” หวังจื่อหมิงเอ่ยขึ้น “อีกอย่างนายเองก็แข็งแกร่ง พวกเขาต้องคิดอยากสานสัมพันธ์ดี ๆ เอาไว้ด้วยอยู่แล้ว ในอนาคตถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก ให้ฉันเดานะ พวกเขาคงขอให้นายมาช่วยอีกแน่ จริงไหมผู้จัดการติง?”

“ครับ ใช่ครับ นายน้อยหวังปราดเปรื่องที่สุดแล้ว” ติงอวิ๋นเอ่ยเยินยอ เขาไม่ปฏิเสธว่าทั้งตนเองและเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังมีความคิดดังกล่าวจริง

พวกเขาที่ทำงานเช่นนี้ หากคิดสร้างสัมพันธ์ฉันมิตรสหายที่ดีก็มีแต่ได้กับได้ ยังไม่พูดเรื่องที่อู๋ฝานเป็นคนคุยด้วยง่าย เหมาะสมที่จะเชื่อมสัมพันธ์เอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความใจกว้างออกมา

“ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องการแข่งขันอะไรพวกนี้น่ะครับ ต่อไปคงไม่ได้แวะเวียนมาอีก” อู๋ฝานตอบกลับพร้อมกับเก็บเช็คธนาคารไป

กับการใช้ ‘แรงงาน’ เช่นครั้งนี้ เขาไม่คิดมากมารยาท

“ตามแต่ที่นายน้อยอู๋สะดวกใจครับ” ติงอวิ๋นตอบรับ เขาค่อนข้างพูดคุยด้วยดี ไม่ได้โกรธอะไรกับการที่อู๋ฝานบอกว่าคงไม่ได้มีโอกาสมาอีก

“เอาละ เรื่องก็จบแล้ว ตอนนี้กลับกันดีกว่า” หวังจื่อหมิงบอกอู๋ฝาน “ไปหาที่นั่งดื่มกันหน่อยดีกว่า นายมันเทพนำโชคให้ฉันจริง ๆ เมื่อกี้ฉันลงเดิมพันข้างนายไป ชนะได้เงินมาไม่น้อยเลย”

“งั้นผมคงต้องขอรีดทรัพย์หน่อยแล้วนะครับ” อู๋ฝานหัวเราะ

“เต็มที่!”

คนทั้งสองคนพูดคุยพลางหัวเราะ ขณะเดินออกจากคลับไป

หลังออกจากคลับ ทั้งสองก็แวะหาร้านเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยจอแจ ดื่มไวน์ด้วยกันอยู่หลายขวด หวังจื่อหมิงที่มักจะอุดหนุนร้านชั้นนำ การแวะมากินดื่มที่ร้านเล็ก ๆ นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่

สำหรับอู๋ฝาน เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ดี ในอดีตมันเป็นที่ที่เขามักจะมากินบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อหาทางปรับสูตรอาหาร ตอนนี้ได้กลับมาอีกครั้ง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึง

ภายในโลกแห่งเกม กัวจื่อหมิงและที่ปรึกษากำลังมองกล่องไม้ที่อยู่ตรงหน้า สายตาดูสับสนอยู่พอสมควร เห็นได้ชัดว่ากัวจื่อหมิงกำลังเผยสีหน้าค่อนข้างซีดเผือด

ตรงหน้าคือกล่องไม้ และภายในคือหัวของโฉวหย่งเชา แม้อีกฝ่ายตายแล้ว แต่สีหน้าก็ยังคงดุร้าย ที่คอยังมีคราบเลือดเกรอะกรังปรากฏให้เห็นไม่น้อย กัวจื่อหมิงที่เปิดกล่องเพื่อดูโดยที่ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน จะเกิดหวาดกลัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก จนกระทั่งถึงตอนนี้ใจเขาก็ยังเต้นรัว ไม่อาจกลับคืนสภาพปกติได้

กัวจื่อหมิงเป็นบัณฑิต และเป็นบัณฑิตที่ไม่เคยร่วมการสู้รบแม้สักครั้ง มือเขาไม่เคยแม้กระทั่งเชือดไก่เสียด้วยซ้ำ ตอนที่ได้เห็นศีรษะซึ่งถูกตัดมาอย่างน่าสะพรึง มันแทบทำเขาสิ้นสติ หากไม่ใช่เพราะซุนเลี่ยงอยู่ตรงนี้ เขาคงทุ่มมันโยนทิ้งไปแล้ว แต่เพราะแบบนั้น แม้จะฝืนกล้ำกลืนไม่ให้อาเจียนออกมา สีหน้าก็ยังคงแสดงอาการออกมาว่าไม่อาจควบคุมมันได้

“นี่มัน…” เมื่อเห็นเจ้าเมืองตื่นตระหนกจนชะงักงัน ที่ปรึกษาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเสียงดัง

“เรียนท่านเจ้าเมือง ท่านที่ปรึกษา สิ่งนี้คือหัวของโจรร้ายที่บุกเข้าโจมตีหมู่บ้านเร้นลับขอรับ นายท่านของข้าเป็นคนส่งมันมา นามของมันคือโฉวหย่งเชา ก่อนหน้านี้มันนำกำลังคนกว่าห้าพันคนบุกโจมตีหมู่บ้านเร้นลับ โชคดีที่นายท่านของข้ามีความกล้าหาญ นำหน่วยรักษาการณ์ของหมู่บ้านต้านรับการโจมตีเอาไว้ จนสุดท้ายตัดศีรษะหัวหน้าศัตรูมาได้ กองทัพกบฏที่เคยออกอาละวาดรอบเทศมณฑลชิงหยวน ก็นำทัพโดยโฉวหย่งเชาคนนี้แหละขอรับ”

“เจ้ากำลังจะบอก… ว่านี่เป็นผู้นำของกองทัพกบฏที่บุกโจมตีหมู่บ้านและเมืองทั้งหลายรอบเทศมณฑลก่อนหน้านี้งั้นหรือ?” ที่ปรึกษาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ขอรับ!” ซุนเลี่ยงตอบรับอย่างหนักแน่น สีหน้าเผยความภาคภูมิ

“รีบปิดมันเร็วเข้า! ปิดมันเร็ว!” ตอนนี้เองที่กัวจื่อหมิงเริ่มมีปฏิกิริยา แต่อาการตอบสนองแรกนั้น ไม่ใช่เอ่ยคำถามถึงเรื่องโฉวหย่งเชาหรือสถานการณ์ของหมู่บ้านเร้นลับ แต่เป็นความแตกตื่นที่ร้องขอให้ผู้อื่นปิดกล่อง

ตอนที่ได้ยินคำของกัวจื่อหมิง ที่ปรึกษาจึงไม่กล้าชักช้า เร่งก้าวออกไปปิดฝากล่องที่บรรจุศีรษะของโฉวหย่งเชา เมื่อเห็นดังนี้กัวจื่อหมิงจึงค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

“หนานเจี๋ยมีจุดประสงค์อะไรกัน? เหตุใดส่งศีรษะคนมา? นี่ใช่จงใจทำให้เจ้าเมืองเช่นข้าตกใจหรือไม่?” กัวจื่อหมิงถามซุนเลี่ยงออกมาอย่างไม่เป็นมิตร

ซุนเลี่ยงประหลาดใจไปครู่หนึ่ง เขาไม่นึกว่าแทนที่จะเอ่ยคำชื่นชม กลับเป็นการกล่าวโทษเสียได้ ดังนั้นจึงต้องอธิบาย “นายท่านเข้าใจผิดไปแล้วขอรับ อีกฝ่ายคือผู้นำของกองทัพกบฏ เป็นวายร้ายที่ปล้นสะดมเมืองและหมู่บ้านทั้งหลาย นายท่านของข้าตัดศีรษะของมันมาได้และส่งมาที่นี่ ก็เพราะมองว่าท่านเจ้าเมืองน่าจะนำไปใช้รายงานเบื้องบนให้เกิดประโยชน์ได้ขอรับ”

ตอนนี้ราชสำนักกำลังปลุกขวัญกองกำลังท้องถิ่นให้สังหารกองทัพกบฏ อู๋ฝานจัดการกองทัพกบฏในละแวกนี้ได้สำเร็จ ทั้งยังสังหารคนเป็นหัวหน้า ดังนั้นย่อมต้องรายงานขึ้นไปเบื้องบน มันคือความดีความชอบ การรายงานขึ้นไปย่อมได้รับรางวัลตอบแทนบราวนี่ออนไลน์

แต่ตัวตนของอู๋ฝานค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง แม้เขามีสถานะเป็นหนานเจี๋ย แต่กลับไม่คุ้นเคยกับขุนนางคนอื่น นอกจากสถานะหนานเจี๋ยแล้ว เขาก็เคยเป็นแค่หัวหน้าหน่วยของกองทัพสำรอง ที่ไม่ใช่กองทัพประจำการ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนัก ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่มีเส้นทางติดต่อเบื้องบน และเขาเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับเหล่าขุนพลแห่งกองทัพด้วยเช่นกัน

เพราะสถานการณ์ค่อนข้างชวนลำบากใจ อู๋ฝานที่ต้องการรายงานความดีความชอบ แต่กลับไม่มีเส้นทางให้ใช้งาน จึงทำได้เพียงต้องพึ่งพากัวจื่อหมิง ผู้ซึ่งเป็นเจ้าเมืองของเทศมณฑลชิงหยวน ขณะที่ชายหนุ่มในตอนนี้คือหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ของหมู่บ้านเร้นลับ เรียกได้ว่าอยู่ภายใต้การปกครองของกัวจื่อหมิงอีกทีหนึ่ง ดังนั้นหากจะฝากกัวจื่อหมิงรายงานเรื่องนี้ให้ก็ไม่สมควรใช่ปัญหาแต่อย่างใด

“รายงานเบื้องบน? เหตุใดเจ้าเมืองเช่นข้าต้องรายงานเรื่องนี้?” กัวจื่อหมิงเอ่ยถามกลับ “ตอนนี้กองทัพกบฏมีอยู่ทั่วทุกส่วนของอาณาจักร จำนวนน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน หากมีใครทำลายกองทัพกบฏได้แล้วต้องรายงานขึ้นไป เช่นนั้นเบื้องบนก็ไม่ต้องยุ่งจนตายเลยหรือ? อีกทั้ง เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องของคนจากกองทัพ ต่อให้คิดอยากรายงาน ก็ต้องไปหาพวกเขา เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเมืองเช่นข้า?”

“คือว่า ท่านเจ้าเมือง…” ซุนเลี่ยงไม่คิดว่ากัวจื่อหมิงจะตอบกลับมาเช่นนี้

เดิมซุนเลี่ยงคิดว่าหากอู๋ฝานช่วยเทศมณฑลชิงหยวนกำจัดภัยคุกคามใหญ่นี้ไปได้ กัวจื่อหมิงจะนึกชื่นชมอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ การจะช่วยส่งรายงานขึ้นไปจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด ทว่าตอนนี้คล้ายเรื่องราวจะไม่ได้เป็นไปดังที่คาด กัวจื่อหมิงไม่คล้ายมีความประทับใจที่ดีกับนายท่านของเขาแม้แต่น้อย

“พอแล้ว ข้าเหนื่อย จะกลับไปพักแล้ว เจ้าก็กลับไปได้แล้ว” กัวจื่อหมิงโบกมือไล่

“ท่านเจ้าเมือง…”

“ไปได้แล้ว!” กัวจื่อหมิงย้ำคำ

ซุนเลี่ยงทำได้เพียงมองกัวจื่อหมิง และรู้ว่าตอนนี้ไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว จึงทำได้เพียงแค่กลับไปอย่างไม่ยินดี

ขณะกลับไป ซุนเลี่ยงคิดจะนำกล่องที่บรรจุศีรษะของโฉวหย่งเชากลับไปด้วย แต่กัวจื่อหมิงกลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ปล่อยกล่องผุพังนั่นไว้ที่นี่”

“แต่ว่า…” ซุนเลี่ยงไม่เห็นด้วย อย่างไรมันก็เกี่ยวข้องกับความดีความชอบของอู๋ฝาน

“ไม่มีแต่! หากเจ้ายังไม่ไป ข้าจะส่งแขกด้วยตัวเองแล้ว!” กัวจื่อหมิงแหวเสียงแหลมขึ้นมา

*******************