บทที่ 294 แผนการของจี้หมิงซู

จี้หมิงซูรู้สึกว้าวุ่นใจ ชะตาของหงส์เหนือใต้หล้าแต่สองคนนั้นกลับไม่ใช่นาง แต่หนึ่งในนั้นกลับเป็นจี้จือฮวน เหตุใดถึงเป็นนางไปได้!?

เรื่องอะไรถึงเป็นนาง?

นี่เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับมากกว่าเรื่องชะตากรรมเดิมของนางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเสียอีก

เจียงเช่อราวกับรับรู้ได้ถึงความเงียบของจี้หมิงซู

ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น “ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี หากสามารถเปลี่ยนชะตาของทั้งสองคนได้ก็ไม่มีปัญหา”

จี้หมิงซูเงยหน้าขึ้นมาทันที “เจ้าสามารถทำได้หรือไม่?”

“สามารถลองดูก่อนได้”

ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ถูกสำนักตามฆ่าเช่นนี้

เป็นเพราะเขาขวนขวายหาทางขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจวิธีการ

ต่อให้สิ่งที่ทำจะย้อนกลับมาเล่นงานตัวเองก็ต้องบรรลุเป้าหมายให้ได้ น่าเสียดายที่หมอรักษาคนไข้ได้ แต่ไม่สามารถรักษาตัวเองได้ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของตัวเองได้

แต่หากสามารถทำลายคนอื่นได้ ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน

“แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน หากไม่สำเร็จจะสูญสิ้นอายุขัย หรือชะตาอาจเปลี่ยนไปอีกครั้ง แม่นางจะลองเสี่ยงดูหรือไม่?”

จี้หมิงซูกัดฟัน “วิธีนี้มีเงื่อนไขอะไรอีกบ้าง?”

เจียงเช่อได้ยินคำถามนี้ของนางก็รู้ว่าความโลภของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ สัตว์ต่าง ๆ เกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด แต่มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่เกิดมาพร้อมกับความโลภ

แต่ใครใช้ให้นางช่วยเขากันเล่า เจียงเช่อเองก็ไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณใคร

“ข้าต้องการของใช้ส่วนตัวของสตรีที่จะถูกสลับชะตา”

จี้หมิงซูขมวดคิ้ว “ข้าจะพยายามหามาให้ได้ เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ เรื่องอื่นอย่าได้เป็นกังวล”

จวนอู่อันโหว

เซียวเย่เจ๋อวิ่งรอกเข้าร้านค้าหลายแห่งเพื่อเตรียมการเปิดตัวชาดทาปากชุดแรกของโรงงานเวชสำอาง ในที่สุดก็จัดการเรื่องชั้นวางในบรรดาร้านขายเครื่องประทินโฉมที่ขายดีที่สุดของตระกูลเซียวได้สำเร็จ

ที่ใส่ชาดทาปากเขาก็ได้จ้างจิตรกรมาวาดแบบให้แล้ว ถึงเวลายังต้องเพิ่มลวดลายเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปบนหีบห่ออีกด้วย

หลังกลับมาจากหมู่บ้านตระกูลเฉิน เขาก็เอาแต่คิดถึงอาหารของเค่ออวิ๋นไหล ทุกวันก็ได้แต่หวังว่าฮวาเซียงเซียงจะรีบมาเมืองหลวงเร็ว ๆ สองคนมาทำการค้าด้วยกันจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ!!

เขาอยากกินก็สามารถไปที่ร้านสาขาเพื่อกินได้เลย แต่ถ้าเขายังไม่ได้กินอีก ดอกไม้มั่งคั่งแห่งเมืองหลวงเช่นเขาจะต้องเหี่ยวเฉาตายเป็นแน่

“ซื่อจื่อ” พ่อบ้านชราของจวนออกมาต้อนรับ

เซียวเย่เจ๋อปัดมือไปมา “ข้าดูสมุดบัญชีของเดือนนี้ทั้งหมดแล้ว หากร้านของหอการค้าเจียงหนานส่งคนมา เจ้าก็ให้คนไปทักทายหน่อย”

“ขอรับ”

เซียวเย่เจ๋อเดินไปสองก้าว กำลังจะเข้าไปในห้องโถง จู่ ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมา “ท่านหญิงน้อยเล่า?”

“ท่านหญิงน้อยไปเรียนยังไม่กลับมา ซื่อจื่อ ท่านลืมไปแล้วหรือขอรับ?”

“อ่อ ลืมจริง ๆ ด้วย วันนี้มีนกเหยี่ยวล่าเหยื่อมาหรือไม่? มีคนส่งจดหมายมาให้ข้าหรือไม่? มีคนมาหาข้าที่บ้านหรือไม่?”

พ่อบ้านมองใบหน้าคาดหวังของเซียวเย่เจ๋อ ก่อนจะเอ่ยตอบ “ไม่มีขอรับ”

เซียวเย่เจ๋อถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเซียวผิง “ข้าไปเปิดร้านที่ตำบลฉาซู่เองยังจะเร็วซะกว่า ข้าไม่อยากอยู่เมืองหลวงแล้วแม้แต่วันเดียว”

เซียวผิงเองก็คิดถึง…ฝีมือของจี้จือฮวน

เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับความคิดของเซียวเย่เจ๋อ “ซื่อจื่อพูดถูกต้องที่สุดขอรับ”

ขณะที่เซียวเย่เจ๋อกำลังรู้สึกหงุดหงิด เหตุใดคนหมู่บ้านตระกูลเฉินถึงใจร้ายเพียงนี้ เขาเพิ่งจากมาไม่นานก็ไม่มีคนตอบจดหมายเขาแล้ว เขายังเขียนถึงพวกเขาอย่างมีความสุขเลย!

ทันใดนั้นนกเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวหนึ่งก็บินโฉบลงมาตรงหน้าของเขา

เซียวผิงกำลังจะชักดาบออกมาก็ต้องยัดกลับเข้าฝักอย่างเดิม เซียวเย่เจ๋อรับหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อมาอย่างมีความสุขทันที “เร็วเข้า ไปเอาอาหารของนกเหยี่ยวล่าเหยื่อมาหน่อย ดูหมูน้อยของพวกเราหิวสิ ผอมลงไปนะเนี่ย! ดูก็รู้ว่าไม่ได้กินข้าวมาครึ่งชั่วยามแล้วกระมัง”

เอ่ยจบก็ลูบตัวของหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อแรง ๆ หนึ่งที

พ่อบ้านยังไม่เคยเห็นนกเหยี่ยวล่าเหยื่อที่ตัวอ้วนเพียงนี้มาก่อน เห็นเซียวเย่เจ๋อชื่นชอบเพียงนี้ก็เข้าไปหยิบอาหารมาให้ด้วยตัวเอง

เซียวเย่เจ๋อแกะห่อเล็ก ๆ ที่แขวนอยู่บนตัวหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อออก ด้านในมีผักดองกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่ง ท่านป้าหยางเพิ่งจะทำเสร็จ ถ้าไม่ใช่เพราะหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อไม่สามารถขนของทีละมาก ๆ ได้ ต้องมีถึงสองจานใหญ่อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเด็กแสบส่งมา ของที่เพิ่งทำในวิชางานฝีมือ เซียวเย่เจ๋อวางไว้ข้าง ๆ พร้อมรอยยิ้ม และหยิบชั้นล่างสุดสองชั้นออกมา เป็นของว่างที่จี้จือฮวนทำเองจริง ๆ ด้วย

นอกจากนี้ยังมียาพิษสองกล่องที่ไป๋จิ่นส่งมา ให้เขาพกเอาไว้ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือเดินทาง

“เฮ้อ ข้าคิดถึงหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว” เซียวเย่เจ๋อถอนหายใจออกมา

แววตาเซียวผิงมองไปที่ขนม อยากจะแอบหยิบไปสักชิ้น

“เซียวผิง”

เซียวผิงสะดุ้งทันที “ขอรับ?”

“บ้านเงียบเกินไปหรือไม่ เจ้าไปเรียกเซียวหรงหรงมา ถามนางว่าเรื่องที่ให้นางจัดงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศเป็นอย่างไรบ้าง สีชาดทาปากชุดนี้ยังต้องอาศัยนางช่วยแนะนำให้บรรดาฮูหยินและคุณหนูพวกนั้นได้ลองใช้กันก่อน”

ทันใดนั้นเซียวเย่เจ๋อก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลังจากกลับมาเมืองหลวง ก็ไม่ค่อยเห็นหน้าน้องสาวคนนี้เท่าใดนัก

ก่อนที่เซียวผิงจะเดินออกจากประตูไป เขาอาศัยตอนที่เซียวเย่เจ๋อไม่ทันสังเกตขโมยขนมมาชิ้นหนึ่งแล้วรีบกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงเรือนของเซียวหรงหรง กลับพบว่าเซียวหรงหรงไม่อยู่

เซียวผิงรู้สึกสงสัย ปกติแล้วน้อยนักที่เซียวหรงหรงจะออกไปข้างนอก จึงกลับไปรายงานเซียวเย่เจ๋อ

เซียวเย่เจ๋อกำลังถืออาหารนกจานหนึ่งที่พ่อบ้านเอามาให้ และป้อนให้กับหมูเหยี่ยวล่าเหยื่ออยู่ เห็นได้ชัดว่าอาหารในหมู่บ้านตระกูลเฉินดีเกินไป อาหารจานนี้จึงไม่อยู่ในสายตาของมัน เป็นตายก็ไม่ยอมเปิดปาก

ตอนที่เซียวผิงกลับมารายงานเซียวเย่เจ๋อ เซียวเย่เจ๋อก็เอ่ยถามขึ้นมา “ช่วงนี้คุณหนูทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่อยู่ที่จวน?”

พ่อบ้านจึงได้ตอบกลับไป “ช่วงนี้คุณหนูออกจากบ้านทุกสองสามวัน แต่ก็ออกไปแค่หนึ่งถึงสองชั่วยามเท่านั้น เมื่อวานนี้ยังมาเอาเงินจากห้องบัญชีของเราไปห้าร้อยตำลึง บอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดของท่านหญิงน้อยแล้ว จะไปซื้อของขวัญให้ท่านหญิงน้อยขอรับ”

“ของขวัญวันเกิดหย่งหนิง นางบอกว่าจะทำเสื้อผ้าชุดหนึ่งด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังต้องใช้เงินซื้ออีก?” เซียวเย่เจ๋อเดิมเป็นคนที่ไม่จู้จี้จุกจิก และไม่สนใจเรื่องของน้องสาวเท่าใดนัก ทว่าตอนนี้เมื่อได้ยินคำตอบจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

คงไม่ใช่ถูกคนข้างนอกหลอกเข้าหรอกกระมัง? เจ้าเด็กคนนี้ใสซื่อทั้งยังไม่ค่อยออกจากบ้าน ไม่แน่อาจจะถูกหลอกจริง ๆ ก็เป็นได้

ความจริงแล้วเซียวหรงหรงไม่ได้ไปที่ไหน เพียงแค่พาหมอไปดูจี้หมิงซูเท่านั้น

“ตาเจ้าไม่ได้มีปัญหาอะไร เหตุใดถึงให้ท่านหมอจ่ายยารักษาดวงตาให้เจ้ากันเล่า?” เซียวหรงหรงมองดูเรือนของจี้หมิงซู ทำเลที่ตั้งดี ดูก็รู้ว่ามีราคาแพง คิดในใจว่าเซี่ยหยางซื้อให้นางหรือไม่

“ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยสบาย หรงหรง ขอบใจเจ้ามากนะ” คำพูดนี้ของจี้หมิงซูล้วนเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ เซียวหรงหรงโง่แต่มีเงินมาก ขอเพียงยกยอนางสองสามประโยค จากนั้นก็ชมนางมาก ๆ หน่อย รับรองว่านางจะยอมทุ่มเทเพื่อเจ้าอย่างแน่นอน

แล้วก็จริง เซียวหรงหรงใบหน้าแดงเรื่อ “ไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มีข้าเป็นสหายเพียงคนเดียว ข้าก็ไม่อาจจะทำเป็นไม่สนใจได้ แต่เจ้าอยู่เช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางออก เรื่ององค์ชายรอง วันหน้าเจ้ามีแผนการอย่างไรหรือ?”

เซียวหรงหรงไม่คิดว่าคนที่หยิ่งทะนงอย่างจี้หมิงซูจะยอมเป็นอนุลับ ๆ ของคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อก่อนนางก็เคยบอกเองว่าจะไม่เป็นอนุเด็ดขาด

แน่นอนว่าจี้หมิงซูไม่มีทางบอกความจริงทุกอย่าง นางบอกแค่ว่าเรือนหลังนี้หานกุ้ยเฟยเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้นาง นางกำลังร่างแบบเรือรบให้องค์ชายรอง ช่วงนี้ยังไม่สะดวกที่จะไปพบเขา

เซียวหรงหรงได้ฟังแล้วก็พยักหน้าให้ “เช่นนั้นภายหน้าเจ้าอย่าลืมพี่น้องเช่นข้าล่ะ”

“วางใจเถอะ วันนี้เจ้าออกมานานเพียงนี้แล้ว ข้าเองก็ละอายใจที่ต้องรบกวนเจ้าเช่นนี้”

เซียวหรงหรงเห็นว่าเย็นมากแล้ว กลัวว่าวันนี้เซียวเย่เจ๋อจะกลับมาเร็วจึงไม่อาจอยู่นานได้ เมื่อนางจากไปแล้ว จี้หมิงซูจึงได้กลอกตามองบน “นางโง่ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนโง่ที่มีประโยชน์”

มีเพียงคนโง่เช่นนี้จึงจะสามารถเป็นสหายกับนางได้ หากว่าเฉลียวฉลาดเกินไป จี้หมิงซูก็ไม่กล้าสนิทสนมด้วย

.

.

.