ตอนที่ 231 มีทรราชต้องกบฏ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 231 มีทรราชต้องกบฏ
กู่เหวินชังและเสิ่นคุนหยางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“เหล่าเว่ยกล่าวมีเหตุผล พวกเราควรลดเสียงลงสักหน่อย!”

เสิ่นเหลียงอวี้ตาแหลม เขามองเห็นไป๋ชิงเหยียนเร่งฝีเท้ามาทางกระโจมจึงลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยเรียก “เสี่ยวไป๋ไซว่!”

เฉิงหย่วนจื้อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามาในกระโจม จึงรีบผุดลุกขึ้นยืน

เว่ยจ้าวเหนียนเงยหน้าเห็นไป๋ชิงเหยียนก็รีบลุกขึ้นพลางเอ่ยทักเช่นเดียวกัน “เสี่ยวไป๋ไซว่!”

“เสี่ยวไป๋ไซว่!” เฉิงหย่วนจื้อมีสีหน้าดีใจอย่างปกปิดไม่มิด “ได้ยินว่า…”

เฉิงหย่วนจื้อเตรียมจะกล่าวว่าได้ยินว่าไป๋ชิงอวิ๋นถูกช่วยออกมาแล้ว ทว่า เมื่อนึกถึงคำกล่าวเมื่อครู่ของเว่ยจ้าวเหนียน เขาจึงกลืนถ้อยคำนั้นลงไป

กู่เหวินชังหยิบไม้เท้าเตรียมจะลุกขึ้นยืน ทว่า ถูกไป๋ชิงเหยียนที่เพิ่งเข้ามาในกระโจมกดบ่าไว้เสียก่อน หญิงสาวตบไหล่ของกู่เหวินชังเบาๆ จากนั้นนั่งลงข้างกายกู่เหวินชัง “ลุงกู่นั่งเถิด! ลุงเสิ่น แม่ทัพเฉิง แม่ทัพเว่ยก็นั่งลงเถิด!”

“เสี่ยวไป๋ไซว่เรียกพวกเรามาที่นี่เพราะจะแบ่งหน้าที่ให้พวกเราใช่หรือไม่ขอรับ” เฉิงหย่วนจื้อถามอย่างอดไม่ไหว

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “พวกท่านคงรู้กันแล้วว่าเสี่ยวจิ่วยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว!”

ทุกคนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

“ยังมีอีกเรื่องที่พวกท่านยังไม่รู้…” หญิงสาวนั่งอยู่หน้าเตาผิงที่ไฟลุกโชน เอื้อมมือไปอังไออุ่นจากเตาผิง น้ำเสียงนิ่งขรึมและราบเรียบ “เสี่ยวชีอาเจวี๋ยก็ยังมีชีวิตอยู่ ได้รับการช่วยเหลือแล้วเช่นกัน บัดนี้เขาอยู่ที่หนานเยี่ยน”

ถ่านในเตาผิงดังปะทุขึ้นเล็กน้อย แม่ทัพของกองทัพไป๋ที่บัดนี้เหลืออยู่เพียงห้าคนมองสบกับดวงตาสีดำขลับล้ำลึกของไป๋ชิงเหยียน ข่มความตื่นเต้นที่ปะทุอยู่ในใจด้วยการกำหมัดแน่น ต่างรอฟังคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน

หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ใบหน้างดงามสมส่วนโดนแสงไฟสะท้อนจนใบหน้าอ่อนโยนขึ้น แววตาเป็นประกายจากก้นบึ้งของดวงตา

“ข้าทูลขอองค์รัชทายาทให้แม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อและลุงเสิ่นนำกองกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดของกองทัพไป๋คุ้มกันอยู่ที่ภูเขาถงกู่ ลุงกู่คุ้มกันเมืองจงซาน แม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียนคุ้มกันเมืองไป๋หลง!” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงเบาหวิว “ข้าจะให้คนนำจดหมายไปให้อาเจวี๋ยกับอาอวิ๋น ให้พวกเขาสั่งสมกำลังทหารและฝึกฝนทหารอยู่ที่ภูเขาถงกู่ เมืองจงซานและเมืองไป๋หลง มีแม่ทัพทุกท่านอยู่ด้วย…คงไม่มีผู้ใดสงสัยแน่!”

ดวงตาข้างที่ได้รับบาดเจ็บของเว่ยจ้าวเหนียนร้อนผ่าว เขามีสติเร็วที่สุดในบรรดาทุกคน มองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่สีหน้าเรียบเฉยอย่างตกตะลึงปิดไม่มิด ในใจรู้สึกพลุ่งพล่านเป็นอย่างมาก

ไป๋ชิงเหยียนต้องการสั่งสมทหาร ฝึกฝนทหารเพื่อพร้อมสำหรับการกบฏใช่หรือไม่

เว่ยจ้าวเหนียนแทบลืมหายใจ เอ่ยถามเสียงเบาหวิว “เสี่ยวไป๋ไซว่ต้องการสั่งสมกองกำลังส่วนตัวหรือขอรับ”

“ใช่แล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนตอบอย่างรวดเร็ว “หากกองทัพไป๋อยากมีชีวิตอยู่ ตระกูลไป๋อยากมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องทำให้ศัตรูที่สามารถรบชนะสงครามได้นอกเหนือจากกองทัพไป๋มีชีวิตอยู่! ที่ข้าไว้ชีวิตอวิ๋นพั่วสิง รับปากเขาสามปีก็เพราะต้องการให้กองทัพไป๋ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลไป๋ยังมีชีวิตรอด! หากอวิ๋นพั่วสิงเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสามปี หรือเขาขี้ขลาดจนไม่กล้าเปิดศึกกับแคว้นต้าจิ้น หรือหากเขาตายในสงครามอีกสามปีให้หลัง! วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข ข้าไม่อยากเห็นจุดจบเช่นนั้นของกองทัพไป๋อีก! ตระกูลไป๋และทหารกล้าของกองทัพไป๋ทุกรุ่นล้วนสู้รบโดยไม่เคยถอย สละชีพเพื่อความศรัทธา เพื่อปณิธานที่หวังว่าชาวบ้านจะมีใต้หล้าที่สงบสุขและรุ่งเรือง ไป๋ชิงเหยียนจำได้ขึ้นใจ มิอาจลืม!”

“ดังนั้น หากไม่มีศัตรูที่สามารถทำให้ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นหวาดกลัวได้ พวกเราก็จะสร้างศัตรูที่เขาหวาดกลัวขึ้นมาเอง อย่างน้อยก็ต้องทำให้ฮ่องเต้รู้สึกว่าด้านนอกมีศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาจำต้องพึ่งพากองทัพไป๋ พึ่งพาตระกูลไป๋ เช่นนี้ตระกูลไป๋จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป กองทัพไป๋จะได้อยู่รอดและสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!”

“หากภายภาคหน้ากองทัพไป๋ได้พบกับจักรพรรดิผู้ทรงคุณธรรม ยินดีสละชีพเพื่อชาวบ้าน สร้างความสงบสุขให้ใต้หล้า กองทัพไป๋จะเป็นคมดาบที่แข็งแกร่งให้จักรพรรดิทรงคุณธรรมผู้นั้น ทว่า หากพบจักรพรรดิที่ไม่เอาไหน มุ่งหวังแต่ความร่ำรวยและเอาเปรียบชาวบ้าน ทหารยอดฝีมือของกองทัพไป๋ต้องปกป้องชายแดนคุ้มครองชาวบ้าน อย่างน้อยก็ปกป้องแคว้นต้าจิ้นให้สงบสุขเพื่อชาวบ้าน! ทว่า หากพบทรราช ไม่เห็นคุณค่าของชาวบ้าน กองทัพไป๋ต้องไม่ลืมว่าเรามีอยู่เพื่อชาวบ้าน ปกป้องความสงบในแคว้นต่อต้านศัตรูที่มารุกราน ปกป้องชาวบ้าน สี่คำนี้คือจิตวิญญาณในการก่อตั้งกองทัพไป๋ ทุกคนในกองทัพไป๋จงจำไว้ให้ขึ้นใจ อย่าได้ลืมเป็นอันขาด!”

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนเหมือนเป็นการบอกกับแม่ทัพที่นั่งอยู่ทั้งห้าคนว่า หากภายภาคหน้าแคว้นต้าจิ้นมีทรราชที่ทำลายบ้านเมือง ทำร้ายประชาชน กองทัพไป๋จะกบฏเพื่อปกป้องชาวบ้าน

เสี่ยวไป๋ไซว่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ยังคงสวมชุดเกราะสีเงิน ทว่า เด็กที่เลือดร้อนบุ่มบ่าม ทำสิ่งใดโดยไม่คิดไม่มีอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้หญิงสาวนั่งหน้าสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าแม่ทัพของกองทัพไป๋ที่จงรักภักดีต่อนางจนตาย หญิงสาวในตอนนี้สงบเสงี่ยม สุขุม แววตาหนักแน่นมั่นคง แม้ตอนนี้กองทัพไป๋จะเหลือทหารอยู่เพียงหนึ่งหมื่นนายเท่านั้น ทว่า หญิงสาวยังคงไม่ลืมจิตวิญญาณแรกในการก่อตั้งกองทัพไป๋ ไม่ลืมความหวังที่จะเห็นใต้หล้าสงบสุขของคนในตระกูลไป๋ทุกรุ่น หญิงสาววางแผนเพื่อวันข้างหน้า

แม้เว่ยจ้าวเหนียนจะเป็นคนของกองทัพไป๋ ทว่า ในใจของเขาไม่เหมือนกับแม่ทัพคนอื่นๆ แม้เขาสาบานว่าจะติดตามไป๋ชิงเหยียนไปจนวันตาย ทว่า เขายังกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะหวาดระแวงในตัวเขา…

สำหรับเสิ่นคุนหยาง…เสี่ยวไป๋ไซว่อยู่ในสังกัดของเขาตั้งแต่เข้ามาในกองทัพไป๋ กู่เหวินชัง…ไป๋ชิงเหยียนเรียกเขาว่าลุงกู่มาตั้งแต่เล็ก เสิ่นเหลียงอวี้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง…ค่ายหู่อิงคือค่ายของไป๋ฉีจิ่ง บุตรชายคนที่ห้าซึ่งเป็นทายาทสายหลักของเจิ้นกั๋วอ๋อง เฉิงหย่วนจื้อเป็นทหารกล้าที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเสี่ยวไป๋ไซว่ ทุกคนรู้ดีว่าเขาจงรักภักดีต่อกองทัพไป๋มากเพียงใด!

มีเพียงเขาเว่ยจ้าวเหนียน แม้เขาจะเป็นลูกน้องของไป๋ฉีชวน บุตรชายคนที่สี่ซึ่งเป็นสายเลือดหลักของเจิ้นกั๋วอ๋องเช่นเดียวกัน ทว่า ตอนนั้นเขาติดตามไป๋ฉีชวนไปคุ้มกันเมืองทางฝั่งตะวันออกของแคว้นต้าจิ้น ไม่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเสี่ยวไป๋ไซว่เลยสักครั้ง

เมื่อครู่ตอนที่เขาบังอาจถามออกไปว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการสั่งสมกำลังทหารส่วนตัวใช่หรือไม่ ใจของเขาเต้นรัว นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะตอบเขาอย่างไม่ปิดบังว่าหากพบทรราชก็จะกบฏ

ตอนนี้เว่ยจ้าวเหนียนรู้สึกว่าตัวเองอวดฉลาดและใจแคบเกินไป เสี่ยวไป๋ไซว่ไม่เคยเห็นแม่ทัพคนใดในกองทัพไป๋เป็นคนนอก

เจออุปสรรค ไม่ย่อท้อ

ตกอยู่ในอันตราย แต่ไม่เคยลืมปณิธานอันยิ่งใหญ่! ครอบครองใต้หล้า!

จิตวิญญาณของตระกูลไป๋ต้องเป็นเช่นนี้!

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เว่ยจ้าวเหนียนสาบานว่าจะติดตามรับใช้ไป๋ชิงเหยียนไปจนวันตาย ไม่มีสิ่งใดกังขาอีกแล้ว

“ขอติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนวันตายขอรับ!” เว่ยจ้าวเหยียนขบกรามแน่น กำหมัดคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น มองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้ตายก็จะไม่มีวันลืมปณิธานของกองทัพไป๋!”

“ข้า เฉิงหย่วนจื้อเป็นคนหยาบ ข้ายอมรับเพียงคนของตระกูลไป๋ ยอมรับเพียงเสี่ยวไป๋เท่านั้น!”

เฉิงหย่วนจื้อคุกเข้าข้างหนึ่งลงบนพื้น “เสี่ยวไป๋ไซว่ให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น! ไม่มีข้อกังขาขอรับ!”

เสิ่นคุนหยาง กู่เหวินชังและเสิ่นเหลียงอวี้ต่างกำหมัดคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น สาบานว่าจะติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนวันตาย ต่อให้ตายก็ไม่มีวันลืมจิตวิญญาณของกองทัพไป๋

“เสี่ยวไป๋ไซว่ จะให้ข้าทำสิ่งใดขอรับ” เสิ่นเหลียงอวี้ไม่ได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนสั่งให้เขาทำสิ่งใดจึงถามออกมาอย่างทนไม่ไหว

“กองทัพไป๋ทำให้ทุกแคว้นต่างหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายหู่อิงที่ทำให้ขวัญผวา ดังนั้น…ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทคงมีแผนจัดการกับค่ายหู่อิงอยู่แล้ว ครั้งนี้ไม่ว่าฝ่าบาทและองค์รัชทายาทต้องการให้ค่ายหู่อิงทำสิ่งใด ท่านจงทำตามคำสั่ง องค์รัชทายาทไม่รู้แผนการฝึกฝนทหารของค่ายหู่อิง เขาต้องให้ความสำคัญกับท่านแน่นอน!”

ดวงตาล้ำลึกของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังเสิ่นเหลียงอวี้นิ่ง เอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “ท่านบอกองค์รัชทายาทไปตามตรงได้เลยว่าชิวซานกวน ภูเขาหลิงชวน รวมถึงภูเขาเวิ่งซานล้วนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับฝึกฝนทหารค่ายหู่อิง ไม่ว่าองค์รัชทายาทให้ท่านไปฝึกฝนทหารที่ใด ท่านทำตามคำสั่งก็พอ เพียงแต่ต้องบอกองค์รัชทายาทอย่างชัดเจนว่าท่านมีแผนการฝึกฝนทหารของตัวเอง ไม่ชอบให้ผู้อื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว หวังว่าองค์รัชทายาทจะเข้าใจ”