บทที่ 237 จักรพรรดิเซียนสมบูรณ์แบบ กลับชาติเกิดใหม่

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 237 จักรพรรดิเซียนสมบูรณ์แบบ กลับชาติเกิดใหม่

หานเจวี๋ยสามารถเชื่อมต่อจิตกับร่างแยกวัฏจักรได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนสร้างร่างแยกนี้ขึ้นมา เขารับรู้ได้แม้กระทั่งว่าร่างแยกวัฏจักรกำลังคิดอะไร แต่ร่างแยกวัฏจักรกลับไม่อาจรับรู้สิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจได้

ร่างแยกวัฏจักรหลิวเป้ยเริ่มเล่าปัญหาที่พบในช่วงนี้

มีบุตรแห่งสวรรค์มรรคกระบี่ผู้หนึ่งพบตัวหลิวเป้ย และคิดว่าร่างแยกของเขายอดเยี่ยมมาก จึงใช้วิธีการต่างๆ นานาตีสนิทเขา

ตอนแรกหลิวเป้ยยังทนได้ ทว่านานเข้าก็ทนไม่ไหว

ดังนั้นเขาจึงตำหนิบุตรแห่งสวรรค์มรรคกระบี่ ผลคือล่วงเกินคนผู้นั้นเข้า ฝ่ายตรงข้ามกล่าวคำขู่ว่าจะทำให้เขาเสียใจภายหลัง

หลิวเป้ยสืบทอดนิสัยระแวดระวังมาจากหานเจวี๋ย กลัวว่าจะรับมือไม่ไหว จึงติดต่อกับร่างจริงเสีย

หานเจวี๋ยฟังจบก็รู้สึกหมดคำพูดอย่างช่วยไม่ได้

นี่ไม่ใช่เขาอีกคนหรือ

เพียงแต่เขาไม่ได้หยิ่งยโสขนาดนี้ ยังกล้าพูดจานักเลงอีก

หานเจวี๋ยกล่าวในใจ “ครั้งหน้าถ้าเขาปรากฏตัว เจ้าค่อยเรียกหาข้า”

“ได้”

น้ำเสียงหลิวเป้ยยังคงตื่นตระหนกมาก กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่

หานเจวี๋ยเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถี เสาะแสวงหาวิธีสำเร็จจักรพรรดิเซียน

รอเขาสำเร็จระดับเซียนทองวัฏจักรขั้นสมบูรณ์แล้ว ในสมองก็จะมีวิธีการใหม่ๆ ผุดขึ้นมา

กว้างใหญ่ไพศาล ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

อีกทั้งเกี่ยวข้องกับวิถีมากมาย เช่นดวงชะตา ฟ้าดิน มรรคาสวรรค์ เบญจธาตุ หยินหยาง ชะตาชีวิตเป็นต้น

ไม่ว่าจักรพรรดิเซียนคนใด ก็ไม่ได้ฝึกฝนเพียงมรรคเดียว

เจียงอี้สำเร็จจักรพรรดิเซียนมรรคกระบี่ แต่เขาเคยบอกว่ามรรคกระบี่คือมรรคที่เขาไม่เชี่ยวชาญที่สุด

การบำเพ็ญเซียนก็ยากเย็นเช่นนี้ ไม่เหมือนจอมยุทธ์เหนือจินตนาการ อัจฉริยะสามารถหลอมกายได้ตลอด ด้านอื่นไม่เข้าใจ แต่ก็บรรลุไปถึงระดับที่แข็งแกร่งยิ่งได้

การบำเพ็ญเซียน สิ่งที่ฝึกบำเพ็ญคือมรรคและจิตใจ

สิบสองบรรพชนจอมเวทในตำนานมีกายเนื้อแข็งแกร่งมาก ไม่มีจิตดั้งเดิม นั่นก็สืบทอดมาจากผานกู่[1]เช่นกัน

หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยถึงเพิ่งสางวิชาวัฏจักรหกวิถีเสร็จสิ้น

ตอนนี้ใช่ว่านั่งสมาธิบนพื้นแล้วจะสามารถบรรลุจักรพรรดิเซียนได้

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นมา

ดวงชะตา!

มีสามวิธีในการพิสูจน์มรรคระดับจักรพรรดิ

หนึ่งคือดวงชะตา อาศัยดวงชะตายิ่งใหญ่เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากมรรคาสวรรค์ และก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ จักรพรรดิเซียนประเภทนี้อ่อนแอสุด

สองคือมหามรรค อาศัยมหามรรคและความรู้แจ้งในมหามรรคเปลี่ยนแปลงวิญญาณ

สามคือมหามรรคกับดวงชะตา จักรพรรดิเซียนประเภทนี้แข็งแกร่งสุด ทั้งยังมีพลังแท้จริงแก่กล้า และก็มีดวงชะตายิ่งใหญ่ปกป้องด้วย

หานเจวี๋ยมีมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดของตน แต่ดวงชะตาใช่ว่าจะแข็งแกร่งพอ

ในเมื่ออยากพิสูจน์จักรพรรดิเซียน ก็ต้องเป็นจักรพรรดิเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด!

[ตรวจสอบพบว่าท่านกำลังเผชิญกับการเลือกพิสูจน์มรรคระดับจักรพรรดิ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไป]

[หนึ่ง ดวงชะตาพิสูจน์มรรค จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง จักรพรรดิเซียนมหามรรค จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคสองชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[สาม จักรพรรดิเซียนสมบูรณ์แบบ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคสามชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

การเลือกในครั้งนี้ไม่อาจเลือกได้เลยทันที ต้องบรรลุแล้วถึงจะสำเร็จโดยอัตโนมัติ

หานเจวี๋ยตกอยู่ในความเงียบ

ทำอย่างไรถึงจะได้รับดวงชะตายิ่งใหญ่มา

หนึ่งคือสังหารศัตรูช่วงชิงดวงชะตา บุตรแห่งสวรรค์เหยียบย่ำกันและกัน

สองคือใช้โลกเขย่าพิภพเป็นรากฐาน เมื่อมรรคาสวรรค์แข็งแกร่ง ดวงชะตาของเขาก็จะแข็งแกร่งไปด้วย

นี่ก็เป็นสาเหตุที่พุทธะอาภรณ์ขาวทุ่มเทถึงขนาดนั้น

หานเจวี๋ยคิดว่ายังต้องพึ่งพาโลกเขย่าพิภพ

แม้จะเป็นเทพในโลกมนุษย์ ดวงชะตาของหานเจวี๋ยก็ไม่ได้ผูกติดกับโลกเขย่าพิภพ แต่พุทธะอาภรณ์ขาวกลับผสานเข้ากับดวงชะตาฟ้าดินแล้ว

หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา เตรียมจะสอบถามตี้ไท่ไป๋

ทว่าคิดดูอีกที เช่นนี้ไม่ถูกต้อง

ตี้ไท่ไป๋ไม่ใช่จักรพรรดิเซียน หากเขารู้เรื่องคงสำเร็จจักรพรรดิเซียนไปนานแล้วมิใช่หรือ

หานเจวี๋ยไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไปจากถ้ำเทวา จากนั้นก็ถามขึ้น “ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์อยู่หรือไม่”

ผ่านไปสักพัก เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดังขึ้นมา “มีเรื่องใด”

หานเจวี๋ยถามด้วยสีหน้าแปลกๆ “ท่านเฝ้ามองข้าอยู่ตลอดหรือ”

“ฮึ หากเจ้าไม่เรียกเรา เราจะสนใจเจ้าหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์ตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขาเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์ ประมุขของปวงเทพ ไหนเลยจะมีเวลาเฝ้ามองหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยอดประหลาดใจไม่ได้

‘เรียกจักรพรรดิสวรรค์ทีเดียว จักรพรรดิสวรรค์ก็สัมผัสได้เลยหรือ’

โชคดีที่เขาไม่ได้พูดถึงจักรพรรดิสวรรค์ในทางที่ไม่ดีลับหลัง

“ข้าอยากถามสักหน่อยว่าจะผสานดวงชะตากับโลกมนุษย์ได้อย่างไร เพิ่มความแข็งแกร่งของดวงชะตาได้อย่างไร” หานเจวี๋ยถาม

เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดังขึ้นตามมา “อ้อ? เจ้าใกล้จะพิสูจน์จักรพรรดิแล้วรึ”

หานเจวี๋ยลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ค่อยๆ พยักหน้า

ยามอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิสวรรค์ เขามักรู้สึกว่าถูกมองทะลุปรุโปร่งไปหมด

“เจ้ามีกรรมกับโลกเมฆา…โลกเขย่าพิภพน้อยเกินไป เจ้าต้องเข้าสู่โลก” จักรพรรดิสวรรค์บอก

เข้าสู่โลก?

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “คือการเดินทางทั่วหล้า ไปมาหาสู่กับผู้คนหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์หยอกล้อ “ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับสืบทอดวัฏจักรหรอกหรือ เหตุใดไม่กลับชาติเกิดใหม่หาประสบการณ์”

กลับชาติเกิดใหม่?

หานเจวี๋ยจมดิ่งในความเงียบงัน

“กลับชาติเกิดใหม่ไม่จำเป็นต้องตาย เจ้าสามารถซ่อนกายเนื้อไว้ในส่วนลึกของวิญญาณ รอจนร่างมนุษย์แก่ตายก็สามารถฟื้นคืนจิตรับรู้กลับมา ถึงแม้มีคนอยากสังหารร่างมนุษย์ของเจ้า เจ้าก็รับรู้ได้” จักรพรรดิสวรรค์อธิบาย

หานเจวี๋ยคิดว่าน่าจะทำได้

หนึ่งชาติในโลกมนุษย์ใช้เวลาไม่กี่ทศวรรษ เทียบเท่ากับการปิดด่านฝึกบำเพ็ญหนึ่งรอบ

มิน่าล่ะถึงมีผู้ทรงพลังกลับชาติมาเกิดมากมายขนาดนั้น

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ชี้แนะ”

หานเจวี๋ยคารวะขอบคุณ จักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้ตอบกลับ การสนทนาสิ้นสุดลงเท่านี้

หานเจวี๋ยเริ่มทำความเข้าใจมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด

รอจนทุกอย่างของเขาบรรลุถึงขีดสูงสุดแล้ว เขาค่อยกลับชาติเกิดใหม่ไปหาประสบการณ์

……

ริมแม่น้ำใหญ่สายหนึ่ง โม่ฟู่โฉวกับโจวฝานนั่งสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า หันหน้าเข้าหาแม่น้ำ พวกเขาต่างคนต่างคิดเรื่องที่อยู่ในใจ

โจวฝานดึงสติกลับมาก่อนเอ่ยปากถาม “พิจารณาดีหรือยัง”

โม่ฟู่โฉวกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ไปเถอะ ฟางเหลียงคือศิษย์หลานของสหายหาน ก่อนหน้านั้นพวกเราก็เคยได้พบเจอในโลกมนุษย์ ในเมื่อได้ยินว่าเขามีภัย ไหนเลยพวกเราจะทำเป็นไม่ได้ยินได้”

โจวฝานแค่นเสียงเอ่ย “เจ้าเด็กนี่ดวงชะตาแกร่งเกินไป ว่ากันว่าไม่นานมานี้เพิ่งสังหารเซียนสวรรค์ไปหลายสิบคน! พวกเราสองคนรวมกันอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

โม่ฟู่โฉวยิ้มกล่าว “พวกเราก็ไม่ด้อยเช่นกัน”

กล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นมา “ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ออกเดินทางกันเถอะ!”

โจวฝานพยักหน้าให้

คนทั้งสองบินไปทิศทางเดียวกัน พริบตาเดียวก็หายไปตรงปลายสุดของแม่น้ำ

อีกด้านหนึ่ง

ในศาลาหินแห่งหนึ่งที่วังสวรรค์

“จริงหรือ”

มู่หรงฉี่ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน สีหน้าโมโหโกรธา

ด้านหน้าเขามีตี้ไท่ไป๋นั่งอยู่

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยอย่างไม่มีทางเลี่ยง “เจ้าเด็กฟางเหลียงนั่นถูกตระกูลที่อยู่ใต้อาณัติของวังเทพควบคุม ว่ากันว่าสติสัมปชัญญะเลอะเลือน เป็นบ้าไปแล้ว หากเจ้าอยากช่วยเขา ก็ต้องเผชิญหน้ากับเซียนลึกล้ำไท่อี่ ด้วยพลังแท้จริงของเจ้าในตอนนี้ เกรงว่า…”

มู่หรงฉี่ขมวดคิ้วกล่าว “วังสวรรค์ลงมือไม่ได้หรือ ฟางเหลียงก็เป็นแม่ทัพสวรรค์ของวังสวรรค์เช่นกัน!”

“วังเทพกับวังสวรรค์มีสัมพันธ์อันดี ไม่อาจช่วยเขาได้ในตอนนี้ รออีกสักหน่อยเถอะ ยามนี้ตระกูลนั้นยังไม่ต้องการชีวิตของฟางเหลียง ยังหวังให้ฟางเหลียงหลุดพ้นมาได้”

“อาจารย์ปู่ของข้าทราบเรื่องนี้หรือไม่”

“ไม่รู้ เจ้าหวังให้ข้าบอกเขาหรือ”

“ไม่ต้องแล้ว ศิษย์น้องข้าข้าจะช่วยเอง ไม่ต้องรบกวนอาจารย์ปู่”

มู่หรงฉี่ทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วก็หมุนตัวจากไป

ตี้ไท่ไป๋รีบเรียกตัวเขาไว้ “ตอนนี้เจ้าไม่มีพลังของอดีตชาตินะ!”

มู่หรงฉี่โบกมือบอก “ถึงแม้จะไม่มี แต่ก็สังหารเซียนลึกล้ำได้สบาย”

ขณะมองตามทิศทางที่เขาหายไป ตี้ไท่ไป๋ขมวดคิ้วขึ้นมา

“หรือเจ้านี่จะฟื้นฟูตบะในอดีตชาติมาแล้ว เป็นไปไม่ได้ เขาแตกดับในอดีตชาติไปแล้ว หรือว่าเขาจะมีโอกาสวาสนายิ่งใหญ่ในแดนเทพสิงเทียน?”

ตี้ไท่ไป๋ไม่เข้าใจ เขาเฝ้าปรารถนาในระดับจักรพรรดิเซียนยิ่งนัก จนปัญญาที่คุณสมบัติมีขีดจำกัด ติดอยู่ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์มานานมากแล้ว

นานจนเขาไม่รู้ว่าผ่านไปแล้วกี่ปี

……………………………………….

[1] ผานกู่ ในตำนานจีนคือเทพผู้บุกเบิกฟ้าดิน เป็นผู้สร้างโลก