ตอนที่ 267 พี่จ้าวประมาทนัก

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 267 พี่จ้าวประมาทนัก

ทั้งสองก็ทราบแต่แรกแล้วว่าอาจจะมีอันตราย แต่ก็ไม่คิดว่าจะอันตรายขนาดนี้ อีกฝ่ายยังไปไม่ถึงแคว้นฉีก็ถูกยอดฝีมือตามล่าแล้ว!

ภายในใจของทั้งสองรู้สึกผิดหรือไม่ไม่รู้ ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้ของหนิวโหย่วเต้าจะสำเร็จหรือไม่ จิตใจพวกเขาก็เต็มไปด้วยความมืดมนอันหนักอึ้งแล้ว

เฟ่ยฉางหลิวอธิบายว่า “ท่านหญิง ทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่หนิวโหย่วเต้าวางเอาไว้ ศิษย์ของสามสำนักได้แต่ต้องทำตามแผนของเขา ถึงศิษย์ของสามสำนักอยากจะเข้าขัดขวางก็ไม่มีโอกาสเลย ต่อมาเขากับจั๋วเชามุดลงไปต่อสู้กันใต้ดินอีก ต่อให้ศิษย์ของสามสำนักอยากจะเป็นกำลังเสริมให้ความช่วยเหลือเขาก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีทักษะดำดินเหมือนอย่างพวกเขาสองคน กระทั่งทั้งสองดำดินขึ้นมาอีกครั้ง ศิษย์ของสามสำนักจึงลงมือทันที ศิษย์ระดับโอสถทองสองคนต้องตายไปเพราะเหตุนี้ จะบอกว่าปล่อยปละละเลยได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

“ท่านหญิงพ่ะย่ะค่ะ!” หลานรั่วถิงเอ่ยเรียกสติคำหนึ่ง ขัดไม่ให้ซางซูชิงพูดต่อ เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว และผ่านพ้นไปแล้ว มัวพูดถึงเรื่องนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ มาตำหนิสามสำนักเช่นนี้ก็ไม่เหมาะ เพื่อจัดหาม้าศึกให้ทางนี้ ดูเหมือนว่าสามสำนักก็ประสบความสูญเสียในแคว้นฉีไปไม่น้อยเช่นกัน

ไป๋เหยาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าสำนักเฟ่ย ท่านบอกว่าหนิวโหย่วเต้ากับจั๋วเชาต่างมีทักษะดำดินอย่างนั้นหรือ?”

เฟ่ยฉางหลิวเงียบไปเล็กน้อย พยักหน้านิดๆ “หนิวโหย่วเต้าดำดินลงไปก่อน จั๋วเชาไล่ตามไปสังหาร…”

….

พระอาทิตย์แผดแสงร้อนระอุ แม่น้ำแห้งขอด กลุ่มคนที่ดูราวกับมดงานกำลังทำงานยุ่งง่วนอยู่ในช่องว่างระหว่างภูเขาสองลูก บ้างก็ขุด บ้างก็ยก

คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บนคันดินกั้นน้ำ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสองคนกางแผนที่อธิบายภูมิประเทศอยู่ต่อหน้าเซ่าผิงปอ

ชายคนหนึ่งแบกดินโคลนหาบหนึ่งเดินไปตามฝั่งอย่างเชื่องช้า จู่ๆ เท้าพลันลื่นไถล ล้มหกคะเมนลงบนริมฝั่งที่ลาดเอียง เพื่อนร่วมงานวางหาบลงแล้วเข้าไปช่วยเหลือทันที

เสียงเอะอะวุ่นวายนี้ดึงดูดความสนใจของเซ่าผิงปอที่จ้องมองแผนที่อยู่ให้เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็แหงนหน้ามองร่มที่กางกั้นแดดอยู่เหนือศีรษะ เขาหันกลับไปทันที พลันสะบัดมือออกไป ปัดร่มกันแดดที่เจ้าหน้าที่คนนั้นถือไว้ร่วงลงพื้น เอ่ยอย่างเย็นชา “ชาวบ้านตากแดดทำงานหนัก เจ้ายังมาเสแสร้งวางท่ากางร่มอยู่อีก คิดอะไรอยู่ จะให้ชาวบ้านมองข้าอย่างไร?”

เจ้าหน้าที่ที่กางร่มให้คนนั้นตกใจ ทิ้งตัวคุกเข่าลงไปกับพื้น โขกศีรษะอย่างต่อเนื่องพลางเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ เป็นข้าน้อยเลอะเลือนไป เป็นข้าน้อยเลอะเลือนไปขอรับ!”

เซ่าผิงปอหันไปมองลูกหาบที่พยายามลุกขึ้นมาคนนั้นอีกครั้ง ถามอย่างเย็นชา “เหตุใดเขาถึงสะดุดล้ม?”

เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านข้างตอบอย่างระมัดระวัง “น่าจะเป็นเพราะอายุมากแล้ว เดินเหินไม่คล่องแคล่วขอรับ!”

เซ่าผิงปอจ้องมองเขาด้วยสายตาเยียบเย็น “แน่ใจหรือว่าไม่ได้เป็นเพราะมีคนยักยอกเสบียง ทำให้คนงานกินไม่อิ่มท้อง หิวโหยจนมือเท้าอ่อนแรง?”

เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบอธิบายทันที “ไม่มีเรื่องนี้แน่นอนขอรับ ด้วยคำสั่งอันเข้มงวดของคุณชายใหญ่ ต่อให้ข้าน้อยมีความกล้ากว่านี้สักหมื่นเท่าก็ไม่กล้าละเลยการตรวจสอบขอรับ!”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ข้ายังคงยืนยันคำเดิม คนอยู่ดินแดนยัง คนพังก็รักษาดินแดนไว้ไม่ได้ บุคลากรเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของมณฑลเป่ยโจวเรา! ความเหนื่อยยากของทุกคนข้าเองก็ทราบดี แต่คนงานเหล่านี้ต้องใช้เรี่ยวแรงเพื่อทำงานทั้งสิ้น หากกินไม่อิ่มท้องแล้วจะทำงานได้อย่างไร? ข้าไม่ได้เรียกร้องให้พวกเจ้าทำอาหารให้พวกเขากินทุกมื้อ แต่หนึ่งวันมีสามมื้อ หนึ่งถึงสองมื้อเป็นบรรทัดฐานขั้นต่ำสุด หากมีผู้ใดสมคบคิดกับคหบดียักยอกเสบียงอาหารไป หากมีคนหิวตายขึ้นมา คลองผันน้ำสายนี้จะเป็นหลุมฝังศพของพวกเขาทั้งครอบครัว! ข้ายังคงยืนยันคำเดิม หากพบเห็นใครทุจริต ข้าจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด”!

“ขอรับๆๆ!” เจ้าหน้าที่คนนั้นยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผาก “คุณชายใหญ่โปรดวางใจ ทุกอย่างล้วนจัดการตามที่คุณชายใหญ่สั่งการขอรับ”

เซ่าผิงปอชี้ไปยังช่องว่างระหว่างภูเขาสองลูกที่ถูกขุดอยู่ เอ่ยว่า “ก่อนฤดูฝนจะมาเยือน คลองผันน้ำแห่งนี้จะต้องขุดลอกให้เปิดใช้งานได้ มิเช่นนั้นหากน้ำหลากมาตามลำคลองก็จะไม่สามารถทำงานได้ ช่วงเวลาทำงานจะล่าช้าออกไปอีกหนึ่งปี ระบบชลประทานของที่ราบหลังภูเขาล้วนขึ้นอยู่กับที่นี่ ซึ่งมันจะกระทบถึงพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ของเมืองที่เป็นผลผลิตของทั้งปี จะส่งผลกระทบต่อปากท้องของผู้คนมากมาย และส่งผลกระทบต่อการสร้างตัวตั้งรกรากของคนจำนวนมาก ภาระที่เจ้ารับผิดชอบใหญ่หลวงนัก!”

เจ้าหน้าที่คนนั้นกล่าวว่า “คุณชายใหญ่โปรดวางใจ ข้าน้อยจะต้องขุดลอกให้สำเร็จก่อนฤดูฝนมาเยือนแน่ขอรับ!”

เซ่าผิงปอปรายตามองอย่างเย็นชา “พูดจาน่าฟังไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะทำได้?”

เจ้าหน้าที่คนนั้นกัดฟันเอ่ยว่า “เรียกระดมแรงงานจากกลุ่มผู้ลี้ภัยอีกครั้ง เพิ่มคนเข้าไปเร่งทำงานขอรับ!”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เพิ่มคนเข้าไปแล้ว เจ้าจะรับประกันเรื่องปากท้องคนงานอย่างไร?”

เจ้าหน้าที่ตอบว่า “เมื่อสร้างคลองผันน้ำเสร็จแล้ว น้ำไหลผ่านที่นาของใคร คนนั้นย่อมเป็นคนออกเงินและส่งมอบเสบียง ข้าน้อยจะไปเจรจากับคหบดีเหล่านั้นขอรับ”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “พูดจามีเหตุผล! เพียงแต่ข้ามีข้อเรียกร้องสองข้อ ข้อแรกคือคนงานที่มาทำงานต้องไม่อดตาย ข้อที่สองคือเจ้าห้ามทำตัวหยาบคายไร้เหตุผลกับคหบดีเหล่านั้น ต้องพูดจาด้วยเหตุผล ใช้เหตุผลชี้แจงให้ชัดเจน หากว่าทำให้คนตกใจหนีไป หากสร้างผลกระทบในทางเลวร้ายจนทำให้คณบดีรายอื่นๆ หลบหนีไปด้วย และกระทบต่องานใหญ่ของข้า ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!”

เจ้าหน้าที่โอดครวญอยู่ในใจ ทว่ายังคกัดฟันตอบไปว่า “ข้าน้อยจดจำไว้แล้วขอรับ!”

“รายงานความคืบหน้าของโครงการทุกสามวัน ข้าจะรอฟังข่าวจากเจ้าอยู่ที่มณฑลเป่ยโจว”

“ขอรับ!”

เซ่าผิงปอกวาดตามองเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้ เอ่ยเนิบๆ ว่า “ทุกท่านทำงานเพื่อประชาชนในมณฑลเป่ยโจวอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่อาจเอาเปรียบทุกท่านได้” เขาหันไปเอ่ยกับแม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านข้าง “แม่ทัพสวี เรียกรวมตัวสมาชิกในครอบครัวของเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ในท้องถิ่น จัดส่งไปอยู่ที่จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจวพร้อมกัน ข้าจะช่วยดูแลครอบครัวพวกเขา ให้พวกเขาได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสบายใจ”

แม่ทัพสวีประสานมือรับคำสั่ง “ขอรับ”

เซ่าผิงปอเอ่ยกับเหล่าเจ้าหน้าที่อีกครั้ง “ก่อนที่ฤดูฝนจะมาเยือน ทุกท่านต้องทุ่มเทกายใจขุดลอกคลองผันน้ำสายนี้ให้เสร็จ ข้าจะรอฟังข่าวดีจากทุกท่านอยู่ที่มณฑลเป่ยโจว เมื่อได้รับข่าวดี ข้าจะส่งตัวครอบครัวของทุกท่านกลับมา มาแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยตัวเอง!”

ทุกคนหวาดหวั่นอยู่ในใจ นี่คือการจับครอบครัวของทุกคนเป็นตัวประกันชัดๆ!

พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมของคุณชายใหญ่คนนี้มานานแล้ว นี่เท่ากับว่าหากทำภารกิจไม่สำเร็จ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว!

ทุกคนกลับทำได้เพียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง “ขอบพระคุณคุณชายใหญ่!”

กระทั่งคนอื่นๆ แยกย้ายกันไปแล้ว เซ่าซานเสิ่งจึงโบกมือส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามทั้งหลายที่อยู่ข้างกายเซ่าผิงปอถอยไป เอ่ยแจ้งว่า “คุณชายใหญ่ จับครอบครัวของเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นตัวประกัน ไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่าขอรับ?”

ภายใต้แสงแดด ผมหงอกที่แซมอยู่บนจอนทั้งสองข้างของเซ่าผิงปอดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง เขาจ้องมองไปยังจุดที่คนงานกำลังเร่งทำงาน ถอนใจพลางกล่าว “ข้าไหนเลยจะไม่รู้ว่ามันไม่ดี ทว่าในโลกอันวุ่นวายนี้ ใจคนดั่งสายน้ำ เพื่อทำให้พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของข้า…อย่างเข้มงวด มันต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ บางครั้งก็ต้องทำให้พวกเขาหวาดกลัวข้าบ้าง หากเร่งให้ดำเนินการตามแนวทางปกครองได้เร็ว มันก็มิใช่เรื่องเลวร้ายอะไร!”

เซ่าซานเสิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “คุณชายใหญ่ เรื่องจัดการหนิวโหย่วเต้า คุณหนูซูทำพลาดแล้วขอรับ!”

เซ่าผิงปอหันขวับไปทันที “เกิดอะไรขึ้น?”

เรื่องนี้ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค เซ่าซานเสิ่งล้วงจดหมายลับที่ผ่านการถอดความแล้วออกมาจากแขนเสื้อ ให้เขาอ่านเอาเอง

เซ่าผิงปอรับไปอ่านดู ก่อนจะเอ่ยเนิบๆ ว่า “ทำพลาดก็ไม่แปลกอะไร ข้าเคยกำชับพี่จ้าวไปแต่แรกแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าต้องเตรียมตัวมาแล้วแน่นอน อย่าได้บุ่มบ่ามลงมือ!”

หลังจากกล่าวจบก็จ้องมองกระดาษในมือพลางขมวดคิ้วใคร่ครวญ ปากก็พึมพำว่า “ยอดฝีมือระดับนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำพลาด…จู่ๆ ข้างกายก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งโผล่มากะทันหัน…”

ผ่านไปพักใหญ่ เขาส่งกระดาษให้เซ่าซานเสิ่ง เอ่ยสั่งการ “ส่งข่าวหาพี่จ้าว ข้าอยากรู้ข้อมูลอย่างละเอียดทุกอย่างของหนิวโหย่วเต้าหลังออกจากหุบเขา จำไว้ อย่างละเอียด ข้าต้องการอย่างละเอียด!”

“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งตอบรับ

“แค่กๆ…” เเซ่าผิงปอกลับไอโขลกๆ ขึ้นมาอย่างรุนแรง

……

หลายวันต่อมา ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว ภายในห้องหนังสือ เซ่าผิงปอกำลังตวัดพู่กันตรวจเอกสารราชการอยู่ภายใต้แสงตะเกียง

เซ่าซานเสิ่งเดินเข้ามา ยื่นจดหมายลับอีกฉบับให้ “คุณชายใหญ่ จดหมายตอบกลับจากคุณหนูซูมาแล้วขอรับ”

เซ่าผิงปอไม่ได้เงยหน้าขึ้น รอจนตรวจเอกสารราชการฉบับหนึ่งเสร็จแล้ว เขาจึงวางพู่กันลงแล้วรับจดหมายไปอ่านดูอย่างละเอียด

จดหมายลับฉบับนี้มีเนื้อหาหลายแผ่น หลังจากอ่านด้วยสีหน้าจริงจังอยู่นาน เซ่าผิงปอก็ค่อยๆ วางสิ่งที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ จ้องมองตะเกียงบนโต๊ะ เงียบงันอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นถอนใจเบาๆ “พี่จ้าวประมาทนัก เกรงว่าหนิวโหย่วเต้าคงทราบแล้วว่ามือสังหารมาจากหอจันทร์กระจ่าง เกรงว่าตัวตนของลิ่งหูชิวคงดึงดูดความสงสัยของเขาเข้าแล้ว”

เซ่าซานเสิ่งขอคำอธิบาย “หมายความว่าอย่างไรขอรับ?”

เซ่าผิงปอชูจดหมาย “เจ้าลองอ่านบรรทัดแรกของจดหมาย ที่บรรยายรายละเอียดในตอนที่หนิวโหย่วเต้าออกจากหุบเขา”

เซ่าซานเสิ่งถือจดหมายไว้ในมือ ทว่าไม่ได้อ่าน “บ่าวชราเคยอ่านจดหมายแล้วขอรับ ในส่วนแรกเล่าว่าหลังออกจากหุบเขา หนิวโหย่วเต้าเข้าไปในตัวเมืองชิงซานหาซื้อข้าวของบางอย่าง…” พูดๆ อยู่ก็ชะงักไป พลันกระจ่างขึ้นมา เอ่ยไปว่า “ความหมายของคุณชายใหญ่คือ หนิวโหย่วเต้าจงใจเผยร่องรอยหรือขอรับ?”

เซ่าผิงปอเอนหลังพิงพนัก พยักหน้ากล่าวไปว่า “แค่ของจุกจิกเล็กน้อย จำเป็นต้องให้เขาออกไปซื้อหาด้วยตัวเองหรือ แล้วก็ยังมีเรื่องที่จู่ๆ ก็มียอดฝีมือกลุ่มหนึ่งจากสามสำนักปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา ไหนเลยจะใช่การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าเตรียมการไว้แต่แรกแล้ว เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ วางหลุมพรางไว้แต่แรก ต้องการล่อให้คนที่ประสงค์ร้ายต่อเขามาติดกับ แม้แต่ยอดฝีมืออย่างจั๋วเชาก็ยังสังหารเขาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมการมาอย่างเต็มที่!”

“มีความสามารถในการป้องกันตัวขนาดนี้ เหตุใดต้องให้คนติดตามมาอย่างลับๆ อีก เหตุใดต้องแสดงท่าทีอ่อนแอต่อภายนอกอีก? หากมิใช่เพราะมีเจตนาดึงดูดคนที่ประสงค์ร้ายต่อเขาให้ลงมือแล้วจะเป็นอะไรไปได้? จงใจชักนำความเดือดร้อนมาให้ตัวเอง เช่นนี้เขามีเจตนาอย่างไรเล่า? มันก็เข้าใจได้ไม่ยากเลย เขาไปแคว้นฉีครานี้ก็เพื่องานสำคัญ เขาต้องรู้ให้ได้ก่อนว่ามีผู้ใดที่ประสงค์ร้ายต่อเขา เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการจัดการเรื่องราวในภายหลัง ดังนั้นเขาถึงคิดจะจับเชลยแบบเป็นๆ ให้ได้ สืบให้กระจ่างว่าเป็นผู้ใดที่ลงมือต่อเขา จะได้ตั้งรับถูก! เกรงว่าคนของหอจันทร์กระจ่างคงตกอยู่ในกำมือเขาแล้ว!”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “ในจดหมายของคุณหนูซูกล่าวว่านางถูกทางหอจันทร์กระจ่างตำหนิเพราะเรื่องนี้ ยามที่หอจันทร์กระจ่างตำหนินาง เนื้อหาการตำหนิระบุชัดเจนว่าสมาชิกห้าคนที่เป็นผู้ลงมือล้วนสิ้นชีพกันหมด น่าจะไม่มีผู้รอดชีวิตตกไปอยู่ในมือของหนิวโหย่วเต้านะขอรับ”

เซ่าผิงปอหัวเราะหยัน “นี่กลับเป็นการยืนยันแล้วว่าลิ่งหูชิวก็เป็นคนของหอจันทร์กระจ่าง!”

เซ่าซานเสิ่งมึนงง ตามความคิดของคุณชายคนนี้ไม่ทันเลยจริงๆ

“หนิวโหย่วเต้าจะต้องวางแผนมาก่อนแล้วอย่างแน่นอน ให้คนติดตามมาอย่างลับๆ ห้ามเปิดเผยร่องรอยก่อนลงมือ ส่วนหนิวโหย่วเต้าใช้คนซุ่มโจมตีเท่าไร เหตุใดถึงสามารถสังหารจั๋วเชาได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ พี่จ้าวและหอจันทร์กระจ่างต่างก็ไม่รู้ว่าในตอนที่ลงมือนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่มีมือสังหารรอดกลับไปเลยสักคน แล้วหอจันทร์กระจ่างรู้ได้อย่างไรว่าบาดเจ็บล้มตายไปกี่คน?”

“กลุ่มของจั๋วเชามีเจ็ดคน คนหนึ่งรับหน้าที่ล่อลิ่งหูชิวออกไป อีกคนคอยดูสังเกตการณ์ที่หอไร้ขอบเขต อีกห้าคนรับหน้าที่ลงมือ นี่คือรายละเอียดของแผนการ อีกทั้งก่อนหน้านี้ลิ่งหูชิวก็ตามติดหนิวโหย่วเต้าเป็นเงาตามตัวอยู่ตลอด หลังเกิดเรื่อง เจ้าคิดว่าหนิวโหย่วเต้าจะสงสัยลิ่งหูชิวหรือไม่เล่า? หากเช่นนี้แล้วยังไม่ดึงดูดความสนใจของหนิวโหย่วเต้าอีก เช่นนั้นหนิวโหย่วเต้าก็มิใช่หนิวโหย่วเต้าที่ข้ารู้จักแล้ว ในเมื่อสงสัยลิ่งหูชิวแล้ว เช่นนั้นหนิวโหย่วเต้าก็ไม่มีทางจะบอกเรื่องที่เขาจับเชลยต่อลิ่งหูชิว หลังเกิดเรื่องขึ้น หนิวโหย่วเต้าต้องบอกลิ่งหูชิวว่ามือสังหารทั้งห้าตายหมดแล้วแน่นอน! ด้วยเหตุนี้หอจันทร์กระจ่างจึงคิดว่ามือสังหารทั้งห้าตายหมดแล้วเช่นกัน!”

“หนิวโหย่วเต้าทุ่มเทความคิดวางแผนก็เพื่อจับตัวเชลยให้ได้ ขนาดจั๋วเชายังสิ้นชีพด้วยมือของเขา เจ้าคิดว่าหากเขาอยากจับตัวเชลยสักคนจะยากนักหรือ?”

เซ่าซานเสิ่งใช้ความคิด จากนั้นเอ่ยด้วยความฉงนอีกครั้ง “วิธีจัดการคนทรยศของหอจันทร์กระจ่างนั้นโหดร้ายทารุณเป็นอย่างมาก ต่อให้มีคนพลาดท่าติดกับดัก พวกเขาก็น่าจะรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหากทรยศ พวกเขาจะยอมสารภาพง่ายๆ หรือขอรับ?”

เซ่าผิงปอยิ้มเยาะ “เจ้าดูถูกหนิวโหย่วเต้าเกินไปแล้ว หนิวโหย่วเต้ามิใช่คนมุทะลุที่รู้จักแต่ต่อสู้ฆ่าฟัน ยึดตัวเองเป็นที่ตั้งเหมือนคนในโลกบำเพ็ญเพียรเหล่านั้น ด้วยกลยุทธ์ของเขา นอกเสียจากจะเป็นคนตาย มิเช่นนั้นขอเพียงตกอยู่ในกำมือเขา ผลลัพธ์ไม่มีทางเหนือไปจากที่ข้าคาดไว้แม้แต่นิด คนส่วนใหญ่ไม่มีทางรับมือเขาได้ คนที่เผชิญหน้ากับเขาไม่มีทางหนีรอด มีแต่จะถูกเขาเคี่ยวกรำตามใจ เขามีวิธีที่จะง้างปากอีกฝ่ายออกมาได้! การที่เขาเดินทางออกจากหอไร้ขอบเขต นั่นก็แปลว่าเขาทำสำเร็จแล้ว!”

………………………………………………