ภาค-1-จ้วงหยวนแห่งหนานฉู่-บทนำ ตอนที่ 36 หนานฉู่เรียกคืนตำแหน่งจักรพรรดิ (1)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

รัชศกเสี่ยนเต๋อปีที่ยี่สิบสองเดือนเจ็ด ต้ายงส่งทูตหวังเจริญสัมพันธไมตรี ขุนนางหนานฉู่กริ่งเกรงสงคราม ยินยอมตามนั้น ไม่นานราษฎรและขุนนางบางคนสรรเสริญพระปรีชาสามารถของเจ้าแคว้น ทั้งทำลายแดนสู่ ปฏิเสธต้ายง เห็นสมควรเรียกคืนตำแหน่งจักรพรรดิแล้ว เจ้าแคว้นดีใจยิ่ง ทั้งยังเชื่อในคำพูดของฉีอ๋องในกาลก่อน จึงอนุญาตท่ามกลางความสับสน

วันที่หนึ่งเดือนแปดกำหนดพิธีสถาปนาตำแหน่งจักรพรรดิ มอบสาสน์แก่ต้ายงว่ายินดีเป็นดั่งเมืองพี่เมืองน้อง ยามนั้นผู้ชาญฉลาดในราชสำนักถวายฎีกากล่อมเตือน เจ้าแคว้นกริ้วหนัก ปลดขุนนางมากมาย เจียงเจ๋อรวมอยู่ในนั้นด้วย

แรกเริ่ม เจียงเจ๋อถวาย ‘หนังสือทัดทานการสถาปนาตำแหน่งจักรพรรดิ’ ถ้อยคำลึกซึ้งกินความหมายครอบคลุม เต็มไปด้วยความฮึกเหิมน่าเลื่อมใส ทั้งยังตำหนิเจ้าแคว้นรุนแรง เจ้าแคว้นบันดาลโทสะ ปรารถนาตัดหัวเสียทว่ามีขันทีกล่าวเตือนว่า “เจียงเจ๋อเป็นอัจฉริยะแห่งหนานฉู่ มิอาจตัดสินประหารโดยง่าย”

เจ้าแคว้นยังคงกริ้วหนักมิอาจระบาย จึงออกราชโองการไปว่า “จงลาออกจากตำแหน่งเสีย ข้าไม่คิดใช้งานชั่วชีวิต” เจียงเจ๋อรับราชโองการ บางคนกล่าวเตือนให้อดกลั้นชั่วคราว กระทั่งมีคนเรียกร้องแก่เจ้าแคว้นให้ถอดถอนราชโองการ ส่วนเจียงเจ๋อกลับพึมพำว่า “จะอสนีบาตหรือหยาดพิรุณ ล้วนเป็นพระมหากรุณาธิคุณ” จากนั้นจึงถอนตัวไป ผู้คนล้วนเลื่อมใสศรัทธา

…พงศาวดารฉู่ ราชวงศ์หนาน บันทึกธาราเคียงเมฆ

เมื่อเห็นข้ามีสีหน้าเย็นชา เฉินเจิ่นก็มีท่าทีอึกอัก ข้าจึงกล่าวไปเรียบๆ “เจ้าอยากพูดอะไร”

เฉินเจิ่นลังเลครู่หนึ่ง “ใต้เท้า ท่านมีความสัมพันธ์กับต้ายง แต่เหตุใดจึงปวดใจเรื่องของเต๋อชินอ๋องเพียงนี้”

ข้าเงียบไปนาน สุดท้ายจึงตอบว่า “ต้ายงมากด้วยอัจฉริยะ กำลังทหารแข็งแกร่ง ทั้งมีจักรพรรดิปรีชา ทั้งมีขุนนางเด็ดเดี่ยว กล่าวได้ว่าโอกาสในการรวมใต้หล้าล้วนขึ้นอยู่กับต้ายงแล้ว แม้หนานฉู่ของพวกเราจะเป็นแดนผู้มากความสามารถ ทว่ากลับชอบทางอักษร เหินห่างวรยุทธ์ กระทั่งคนเจียงหนานส่วนใหญ่ก็ยังอ่อนด้อยการอักษรด้วยซ้ำ นับเป็นข้อด้อยที่ยากจะกำจัดทิ้ง

เดิมทีข้ารู้แล้วว่าหนานฉู่จะต้องล่มสลายภายใต้เงื้อมมือต้ายงในสักวันหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ดังนั้นยามแรกที่ข้าเข้าสอบเคอจวี่จึงมิได้คิดทุ่มเทพยายามเพื่อหนานฉู่ ข้าเป็นบัณฑิตยากจน มิอาจกุมอำนาจใดในหนานฉู่ หรือต่อให้ข้าได้ตำแหน่งเหนือคนนับหมื่นใต้คนเพียงคนเดียว หนานฉู่ก็มิใช่สถานที่ที่ข้าจะทำการใหญ่สำเร็จได้ดังใจ

ข้ารู้จักตัวเองดี ข้ามิอาจใช้อักษรทำให้แดนดินสงบ มิอาจใช้วรยุทธ์สยบแว่นแคว้น สิ่งที่ข้าเชี่ยวชาญคือการวางกลยุทธ์ ตัดสินแพ้ชนะจากที่ห่างไกลนับพันลี้ หากไม่มีจักรพรรดิมากปรีชาและขุนนางมากสามารถ ข้าคงสร้างประโยชน์อันใดไม่ได้ ทว่าท้ายที่สุดข้าก็ยังเป็นคนหนานฉู่ จะให้ข้ามองดูหนานฉู่ล่มสลายไปเช่นนี้ย่อมมิเต็มใจ

ยามข้าพบเต๋อชินอ๋องครั้งแรก ข้าหวังว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิมากปรีชาในใจข้าได้ ทว่าน่าเสียดายที่ไม่ใช่ เขาเป็นขุนนางภักดี แต่ไม่ใช่วีรบุรุษ ความใจดีมากคุณธรรมมิอาจใช้งาน หากเลวร้ายชั่วก็มิอาจเดินหน้า ดังนั้นจึงต้องตรอมใจหลั่งน้ำตาราวสายเลือด ตกตายอยู่ท่ามกลางกองทัพเช่นนั้น

ส่วนคนต้ายง ข้าเคยพบเพียงยงอ๋องและฉีอ๋อง ยงอ๋องมีบุคลิกดุจจักรพรรดิ จะต้องเป็นยอดคนแห่งยุคได้แน่ ส่วนฉีอ๋องแม้จะบ้าระห่ำไปบ้างแต่ก็เป็นผู้พิชิตที่ยอดเยี่ยม ข้าไม่เคยพบรัชทายาทหลี่อัน แต่เชื่อว่าผู้ที่สามารถคานอำนาจกับยงอ๋องมาได้เนิ่นนานเช่นนี้จะต้องมิใช่ชนชั้นสามัญแน่นอน ข้าเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา ดังนั้นจะอย่างไรก็ไม่อยากล่วงเกินยงอ๋องและฉีอ๋อง ทั้งหมดก็เพื่อรักษาชีวิตตัวเองในวันหน้า”

เฉินเจิ่นถามต่อ “เช่นนั้นเหตุใดใต้เท้าจึงช่วยวางกลยุทธ์ให้เต๋อชินอ๋องและยงอ๋องหรือขอรับ”

ข้าตอบเรียบๆ “เดิมทีเรื่องเหล่านี้ข้าไม่คิดอธิบายให้เจ้าฟัง ทว่าในเมื่อเจ้ายินดีทำงานเพื่อข้า เช่นนั้นข้าก็จะกล่าวตามตรง ตอนนี้กลยุทธ์ที่ข้าวางให้เต๋อชินอ๋องบรรลุจุดประสงค์แล้ว แผนทำลายเมืองไม่ต้องพูดถึง ส่วนแผนยุแยงให้เหินห่างตอนนี้ก็เห็นผลแล้ว เจ้าคิดว่าเหตุใดคราวนี้ฉีอ๋องจึงโจมตีหนานฉู่เล่า”

เฉินเจิ่นคิดครู่หนึ่ง ตอบว่า “เพราะรัชทายาทหลี่อันกังวลว่ายงอ๋องจะมีผลงานมากเกินไปจนไม่อาจควบคุม”

ข้าหลับตา พูดว่า “ไม่เลว ยามนั้นข้าบีบบังคับสู่อ๋องจนตาย มิใช่เพราะต้องการทำให้ต้ายงปกครองตงชวนไม่ได้ แต่เป็นเพราะฮูหยินจินเหลียนต่างหาก ฮูหยินจินเหลียนไปถึงต้ายงดังคาด และจักรพรรดิต้ายงก็โปรดปรานความงามของนางจึงรับนางเข้าวังหลัง หากสู่อ๋องยังอยู่ จักรพรรดิต้ายงย่อมมิทำเช่นนี้ และยงอ๋องคงไม่ต้องทูลทัดทานจนได้รับความโกรธเกรี้ยวเพียงนี้ มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดยงอ๋องจึงตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเพียงเพราะการโจมตีของรัชทายาทเล่า”

เฉินเจิ่นถามอย่างฉงน “แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่ายงอ๋องทูลทัดทานเรื่องนี้เลยนะขอรับ”

ข้าหัวเราะ “เรื่องเช่นนี้ยงอ๋องจะกราบทูลต่อหน้าได้อย่างไร น่าเสียดาย แม้ไปเกลี้ยกล่อมทางลับแล้วก็ยังถูกเสด็จพ่อตนเองบันดาลโทสะ เรื่องในภายหลังเต๋อชินอ๋องย่อมไม่รู้ ยงอ๋องส่งคนมาขอคำชี้แนะจากข้า ข้าให้คำชี้แนะแฝงยาพิษแก่เขา บอกให้เคลื่อนทัพปกปักชายแดน แม้จะรักษาความปลอดภัยและตำแหน่งของยงอ๋องไว้ได้ ทว่ากลับทำให้เขาเหินห่างกับพี่น้องและจักรพรรดิไปอีกก้าวหนึ่ง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ยุแยงให้เหินห่างทั้งหมดของข้า”

เฉินเจิ่นมองด้วยแววตาประหลาดใจ “ผู้น้อยคิดไม่ถึงจริงๆ ที่แท้ใต้เท้ายอมวางแผนให้ยงอ๋องทั้งๆ ที่ตนเจ็บป่วยเพราะมีสาเหตุเช่นนี้นี่เอง”

ข้าส่ายหน้าพูดว่า “เจ้าก็อย่าเลื่อมใสข้าเกินไปนัก ความจริงความขัดแย้งระหว่างยงอ๋อง จักรพรรดิต้ายง และรัชทายาทเป็นไปอย่างอย่างสาหัสสากรรจ์อยู่แล้ว ข้าเพียงราดน้ำมันลงกองเพลิงเท่านั้น หากตอนนี้ยงอ๋องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากย่อมไม่มีผลดีอันใดกับเขา รอให้ยงอ๋องตัดสินใจแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิเสียก่อน เช่นนั้นหากต้ายงคิดรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งจึงจะเป็นเรื่องที่มิอาจขวาง

ทุกการกระทำของข้าเพียงเพื่อยื้อเวลาให้หนานฉู่เท่านั้น หากหนานฉู่แข็งแกร่ง ยงอ๋องก็จำเป็นต้องลดความเร็วลงเสียหน่อย หนานฉู่จะสงบสุขไปอีกยี่สิบสามสิบปีก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

แต่ตอนนี้เจ้าแคว้นกลับบ่อนทำลายแว่นแคว้นตนเอง หลังจากเต๋อชินอ๋องตายไป หนานฉู่ก็ไม่มีแม่ทัพที่จะต้านทานคานอำนาจกับต้ายงได้อีก หรงเยวียนมีความสามารถไม่พอ ลู่ซิ่นมีใจภักดีแต่ขาดกลยุทธ์ ขุนนางคนสำคัญในราชสำนักแต่ละคนล้วนมีวิสัยทัศน์คับแคบ ผู้เก่งกาจมากสามารถที่มีอยู่น้อยนิด หากไม่ลุ่มหลงในสุรานารีก็ปลีกตัวอยู่กลางทุ่งนา

เฉินเจิ่น ต่อให้ต้ายงโกลาหลภายใน ข้าก็ยังคิดว่าหนานฉู่คงล่มสลายในเวลาไม่กี่ปี แต่เป็นเพราะต้ายงโกลาหลภายในเช่นนี้ ข้าจึงคิดว่าหากทำให้หนานฉู่มีกองกำลังเหลืออยู่บ้าง เมื่อแดนเจียงหนานและสู่จงถูกแบ่งแยก พวกเราก็ทำให้ต้ายงคิดว่าเจียงหนานสมบูรณ์พูนสุข สุดท้ายหากไม่ใช้เวลามากกว่าสิบปีคงไม่อาจครอบครองแดนเจียงหนาน”

เฉินเจิ่นจำคำพูดข้าไว้ ถามว่า “เช่นนั้นใต้เท้า ก้าวต่อไปพวกเราสมควรทำเช่นไร”

ข้าเอ่ยเรียบๆ “หนานฉู่ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เมื่อกลับไปข้าจะลาออกจากราชการเสีย จากนั้นพวกเราก็รออยู่ที่เจี้ยนเย่ก่อน ข้าคิดว่าโอกาสแก้แค้นของข้าคงมาถึงในไม่ช้า”

เฉินเจิ่นถามต่อ “หากแก้แค้นแล้ว ยงอ๋องและฉีอ๋องล้วนเคารพเลื่อมใสท่านปานนั้น ยามหนานฉู่ล่มสลาย องค์ชายทั้งสองคงมาชักชวนใต้เท้าเป็นแน่ ถึงตอนนั้นใต้เท้าจะจัดการอย่างไร”

ข้าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบไปว่า “ข้าเคยคิดว่าตนเองยินดีหันไปพึ่งพิงต้ายง แต่ภายหลังกลับพบว่าข้าทำมิได้ หากหนานฉู่ล่มสลาย ข้าหวังเพียงใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขปลอดภัย หากยงอ๋องและฉีอ๋องไม่ยอมปล่อยข้า เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงอยู่ให้ไกลจากจงหยวน หากโชคไม่ดีถูกพวกเขาจับได้ ข้าจะมิยอมสละตนเองเพื่อหนานฉู่เป็นแน่ ดังนั้นเมื่อแก้แค้นเสร็จ ข้าจะมอบกองกำลังให้เจ้าชั่วคราว สำหรับต้ายงแล้วกองกำลังของข้าสะดุดตาเกินไป หากอยู่ข้างกายข้าจะเป็นที่สังเกต และอาจพบกับความวิบัติ แต่หากซ่อนตัวอยู่ในเงามืด บางทีอาจช่วยชีวิตข้าได้”

เฉินเจิ่นพูดอย่างลังเล “ใต้เท้าให้นายท่านหลี่คอยสั่งการพวกเขาไม่ดีกว่าหรือ”

ข้าส่ายหน้า “เสี่ยวซุ่นจื่อจะมีประโยชน์มากกว่าเมื่ออยู่กับข้า วรยุทธ์ของเขาสูงส่งแข็งแกร่ง อีกทั้งจิตใจลึกล้ำยากคาดเดา เป็นคนสนิทและสหายสนิทของข้า หากเขาอยู่ด้านนอกย่อมมิอาจทำสุขุมใจเย็น ไม่อาจปิดซ่อนกองกำลังให้ดีเท่าที่ควร”

เฉินเจิ่นพยักหน้าด้วยความเลื่อมใสศรัทธาสุดซึ้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้น้อยน้อมรับบัญชา”

พวกเรากลับถึงเจี้ยนเย่พร้อมความอาดูร เจ้าแคว้นเสียใจดังคาด ทั้งยังสานต่อความตั้งใจของเต๋อชินอ๋อง แต่งตั้งหรงเยวียนเป็นผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหม รับหน้าที่รักษาการณ์เซียงหยาง และแต่งตั้งลู่ซิ่นเป็นผู้บัญชาการสูงสุด

ยามลู่ซิ่นกลับมารับพระราชทานเครื่องยศในราชสำนัก ข้าพบว่าบุคลิกของเขามิด้อยไปกว่าเมื่อปีนั้นเลย ส่วนบุตรชายของเขา ท่านโหวน้อยลู่ช่าน อดีตนักเรียนของข้า ตอนนี้เป็นชายหนุ่มสง่างามวัยยี่สิบเอ็ดปีแล้ว ข้าได้ยินว่าช่วงนี้ลู่ช่านเป็นทหารแนวหน้าใต้บัญชาลู่ซิ่น สู้ศึกอย่างหาญกล้า ทั้งยังมากด้วยกลยุทธ์ ไปได้ดีในกองทัพหนานฉู่

ข้ากลับมาถึงบ้านไม่นานลู่ช่านก็มาเยี่ยมเยียนคารวะ เพราะจะอย่างไรข้าก็เคยเป็นอาจารย์ของเขา ลู่ช่านสนทนากับข้าอย่างกระตือรือร้น ยามนั้นข้าว่างจนไม่มีอะไรทำจึงบรรยายยุทธวิธีให้เขาฟังไปคำรบหนึ่ง เขาได้รับประโยชน์ไปมิใช่น้อย

คราวนี้เขามาเพื่อถามข้าว่าเต็มใจสอนยุทธวิธีให้เขาต่อหรือไม่ ข้ามองดูท่าทีกระตือรือร้นของเขา ทำเพียงกล่าวไปอย่างชืดชาว่า “ยามนั้นข้าเพียงคุยกลศึกเหนือแผ่นกระดาษเท่านั้น ท่านโหวน้อยควรให้ท่านโหวสั่งสอนจึงจะเหมาะสม”

เมื่อส่งลู่ช่านกลับไป ในใจข้าพลันรู้สึกขมฝาด นักเรียนที่ข้าเคยสั่งสอนเมื่อปีนั้นกลายเป็นขุนพลแห่งหนานฉู่ไปแล้ว เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญในอีกไม่ช้า ข้าจะไม่เศร้าใจได้อย่างไร คิดอยู่นานสุดท้ายข้าจึงรวบรวมรูปแบบกระบวนทัพให้ชื่อจี้นำไปมอบให้ลู่ช่าน ทั้งยังกำชับว่าห้ามบอกกับผู้อื่นเป็นอันขาด บางทีกระบวนทัพของข้าอาจทำให้เขาชนะในศึกสงครามหลายครั้ง แม้สุดท้ายผลจะมีเพียงความตายก็ตาม

แต่นี่คือชะตาชีวิตของเขา คือชะตากรรมของหนานฉู่ และนี่…อาจเป็นแรงกายแรงใจสุดท้ายที่ข้าจะทุ่มเททำเพื่อหนานฉู่กระมัง

ตอนต่อไป