ตอนที่ 264 งานเลี้ยงนัดดูตัว 5

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 264 งานเลี้ยงนัดดูตัว 5
ตอนที่ 264 งานเลี้ยงนัดดูตัว 5

สายตาของลูตี้ดูโศกเศร้า แต่กลับแฝงไปด้วยความเกลียดชังและความอิจฉาริษยา

พลเอกโอคาซีที่กำลังเต้นรำอยู่ด้านล่างดูหล่อเหล่าเหมือนกับในโทรทัศน์ เธออดไม่ได้ที่จะหลงรักรูปลักษณ์ที่เย็นชาของเขา

ทั้งที่แอบชอบเขามาหลายปีแล้ว แต่ทำไมถึงไม่เต็มใจตอบรับรักเธอเสียที?!

หรือเป็นเพราะสถานะที่ต่ำต้อยของเธอ?!

องค์หญิงสามมีดีตรงไหน? หรือเพราะว่าเธอเป็นสุดยอดอัจฉริยะ? หรือว่าเป็นเพราะดาววีนัส?! เธอเป็นคนป่าเถื่อนแท้ ๆ จะมีความอ่อนโยนด้วยเหรอ? เคยนึกถึงคนอื่นบ้างไหม?!

ความอิจฉาริษยาทวีคูณความรุนแรงขึ้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้

บริเวณหน้าอกของเธอมีขวดยาขนาดเล็กที่ออกฤทธิ์ร้อนแรงซ่อนอยู่ หากชายหนุ่มสัมผัสมันเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

คืนนี้ถือว่าเป็นโอกาสเดียวของเธอ!

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกถึงฝ่ามือที่ร้อนแรงของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าเธอ โอบกอดเอวของเธอแน่น ความร้อนที่แผดเผาดูเหมือนเปลวไฟที่ร้อนรุ่มในหัวใจของเธอ

ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องมาที่เธอราวกับหมาป่าผู้หิวโหยลูกแกะน้อย

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกเขินเล็กน้อย แต่ก็ยังภาคภูมิใจ

ฉันล่ะมีเสน่ห์จริง ๆ ดูสิ ขนาดผู้ชายที่เย็นชาอย่างโอคาซียังอดทนแทบไม่ไหว!

แลนเซล็อตกับวินเซอร์กำลังเต้นรำ

วินเซอร์สัมผัสได้ถึงท่าทีสบาย ๆ ของคนตรงหน้า “องค์ชายแลนเซล็อต ท่านคิดอะไรอยู่คะ?”

“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากจะบอกว่าวันนี้ท่านดูไม่เหมือนเดิมเลยนะครับ” แลนเซล็อตหัวเราะเล็กน้อยหลังจากบิดแขนมาโอบรอบเอวของเธอ

“แล้วท่านชอบที่ฉันเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ?” วินเซอร์เอ่ยถามออกไปอย่างกล้าหาญ

แขนเรียวยาวของเขายังรักษาระยะห่างกับเธอไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เหมือนชายหนุ่มคนอื่นที่อยากจะสัมผัสเธอเมื่ออยู่ต่อหน้า และมักจะต้องการทำอะไรสักอย่างไม่มากก็น้อย

มีเพียงสุภาพบุรุษท่านนี้ที่ทำให้เสน่ห์อันน่าดึงดูดของเธอไร้ซึ่งอำนาจ

“วินเซอร์ ท่านคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้”

การ์ดคนดีทำให้วินเซอร์รู้สึกหมดอารมณ์ที่จะเต้นรำต่อกับผู้ชายคนนี้ แต่เธอกลับรู้สึกไม่เต็มใจนักที่ปล่อยเขาไปและยังอยากดื่มด่ำกับความสุขจอมปลอมนี้ต่อ

เมื่อเพลงบรรเลงจบลง

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกคอแห้งเล็กน้อย ขณะที่สาวใช้เดินย่างก้าวเข้ามาบริการน้ำให้แก่เธอ

สวี่หลิงอวิ๋นกำลังจะดื่ม “อันนี้ใช่น้ำหวานไหม?”

สาวใช้ชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง “ใช่เพคะฝ่าบาท มีอะไรหรือเพคะ?”

“ไม่มีอะไร” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบแก้วน้ำหวานขึ้นมา ว่ากันตามตรง เธอไม่ชอบดื่มน้ำหวานมากนัก เพราะมันทั้งหวานและเลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันจะทำให้เธอรู้สึกกระหายน้ำมากขึ้น

เธอยกแก้วน้ำขึ้นและกำลังจะดื่ม แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นบริกรปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม เธอโบกมือ วางแก้วน้ำหวานในมือลง และเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่ม

เครื่องดื่มชนิดนี้มีรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย และยังเป็นเครื่องดื่มพื้นฐานที่มักจัดอยู่ในงานเลี้ยงเต้นรำของพระราชวังทั่วไป

สวี่หลิงอวิ๋นดื่มน้ำจนหมด และวางแก้วลงบนถาด

มือของโอคาซียังคงโอบกอดรอบเอวของสวี่หลิงอวิ๋นไว้แน่น และชายหนุ่มที่พยายามก้าวมาด้านหน้าเพื่อเชิญชวนสวี่หลิงอวิ๋นออกไปเต้นรำต่างถูกสกัดกั้นด้วยท่าโอบเอวดังกล่าว

เยี่ยมไปเลย ตอนนี้ทุกคนสามารถเข้าใจได้ถึงหนึ่งสิ่ง นั่นคือองค์หญิงสามเป็นสาวงามเลื่องชื่อที่มีเจ้าของแล้ว และไม่มีใครสามารถเข้ามาแทรกกลางได้

ดวงตาของคาร์ลมองกวาดไปทั่วสวี่หลิงอวิ๋น และรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นองค์ชายรัชทายาทของเขากำลังเต้นรำอยู่กับองค์หญิงจากจักรวรรดิเหมยรุ่ย

อ๊ะ แล้วเมื่อไหร่องค์ชายรัชทายาทของเราจะไปเต้นรำกับฝ่าบาทสักที? หรือว่าท่านลืมไปแล้วว่าต้องไปตามหาองค์หญิงสาม?

บทเพลงเปลี่ยนไปอีกครั้ง

แลนเซล็อตและวินเซอร์ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมาจากลานเต้นรำ “ขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญชวนนะคะ”

วินเซอร์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อแลกเปลี่ยนคำพูดกับเขาเพียงสองสามคำ และมองดูเขาเดินจากไปอย่างไร้ความเมตตา

ชาร์ลยังคงยืนอยู่บริเวณรอบนอกของลานเต้นรำ เขาเป็นเพียงหัวหน้าทหาร และมีผู้หญิงไม่มากนักที่เต็มใจจะเต้นรำกับเขา

วินเซอร์ปฏิเสธผู้ชายจำนวนมาก และมองดูชาร์ลที่ยืนทำตัวไม่ถูกด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านข้างเขา

“อยากเต้นด้วยกันสักเพลงไหมคะ?”

ชาร์ลมองดูองค์หญิงวินเซอร์ที่อยู่ด้านหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ และไม่รู้ว่าตนเองควรจะวางตัวอย่างไร “ผมเต้นไม่เก่งนะครับ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันสอนนะคะ”

สวี่รุ่ยอวิ๋นมองดูสาวใช้ยืนเครื่องดื่มให้สวี่หลิงอวิ๋น และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันไปเชิญชวนองค์หญิงจากจักรวรรดิอื่นไปเต้นรำ

หลังจากนี้อีกครึ่งชั่วโมง สวี่หลิงอวิ๋นต้องรู้สึกเวียนหัว และเข้าไปในห้อง

ลูตี้ร้องเพลงเสร็จและลงไปจากเวที

เธอถูกห้อมล้อมไปด้วยชายหนุ่มทั้งหลายทันทีที่เธอเดินลงไป พวกเขาเพียงต้องการเต้นรำกับเธอ

ทว่าลูตี้กลับปฏิเสธพวกเขาด้วยท่าทีสุภาพ ขณะที่สายตามองสอดส่องหาโอคาซี

เขาไปไหน? ทำไมองค์หญิงสามยังจอแจเขาอยู่อีก?!

ในที่สุด เธอก็เห็นโอคาซีเดินไปที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง ราวกับว่าเดินไปตักอาหาร

นี่เป็นโอกาสที่ดี! ดวงตาของลูตี้เปล่งประกาย เดินทอดน่องออกไปราวกับวายร้ายแสนสวย

“อ๊ะ ขอโทษนะคะ!” ลูตี้กล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

โอคาซีที่หันกลับมาเกือบจะชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง หากเขาไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาคงจะชนเข้ากับเธอ

โอคาซีขมวดคิ้วขณะจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า เขามีความรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าตั้งใจเดินชนเขาโดยเจตนา

เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย และเดินจากไป

ลูตี้กัดริมฝีปากบาง และหยิบขวดของเหลวออกมาจากหน้าอก เตรียมจะหยดใส่โอคาซี

ถึงแม้ว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะอยู่ด้านข้าง แต่เธอก็จับตาดูการเคลื่อนไหวของแฟนหนุ่มอยู่ตลอดเวลา เดิมทีเธอยังคงยิ้มแย้มและเฝ้าดูแฟนหนุ่มที่ช่วยออกไปตักอาหารอันแสนอร่อยให้กับเธอ แต่ทันใดนั้นเธอกลับพบว่าหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งจงใจชนเข้ากับแฟนหนุ่มของเธอ หากเขาไม่ได้ตอบโต้อย่างรวดเร็ว เขาคงจะถูกเธอชนเข้าอย่างแน่นอน

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกโกรธเล็กน้อย ผู้หญิงประเภทไหนกันที่ทำเป็นสายตาไม่ดีและกล้าฉวยโอกาสจากแฟนหนุ่มต่อหน้าต่อตาเธอ?! มันจะมากเกินไปแล้ว!

เธอแปรสภาพพลังดวงดาวเป็นเกราะป้องกันพลังงานด้วยความขุ่นเคือง และใส่มันไว้กับโอคาซี ฮึ่ม! หล่อนจะฉวยโอกาสเกินไปแล้ว!

ลูตี้แอบหยดของเหลวบนตัวโอคาซี และรีบจากไปโดยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าของเหลวดังกล่าวหยดลงบนร่างกายของอีกฝ่ายหรือไม่

ยานี้ทรงพลังมาก อีกสักพักโอคาซีจะรู้สึกเวียนหัว และร่างกายของเขาจะเร่าร้อน…

หัวใจของลูตี้กำลังสั่นระรัว

เธอจัดเตรียมห้องรับแขกเอาไว้แล้ว ตราบใดที่เธอรออยู่ตรงนั้น จะต้องได้พบกับโอคาซีอย่างแน่นอน!

ใบหน้าของเธอแดงก่ำและหัวใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงฉากดังกล่าว เธออดไม่ได้ที่จะเร่งฝ่าเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น

โอคาซีเดินเข้าไปหาสวี่หลิงอวิ๋น และมองดูเธอด้วยสายตาขบขัน “ทำไมถึงใส่เกราะพลังงานให้กับผมล่ะครับ?”

“ฮึ่ม! ก็ไม่อยากให้คนอื่นมาถูกตัวท่านนี่คะ!” สวี่หลิงอวิ๋นกอดเอวบางของชายหนุ่ม เอาศีรษะแนบหน้าอก ฟังเสียงอัตราการเต้นของหัวใจของเขา และรู้สึกผ่อนคลายลง

โอคาซีลูบศีรษะของเธอ “ผมจะให้ท่านได้สัมผัสคนเดียว ดีไหม?!”

“ท่านตกลงแล้วนะ? อย่าโกหกกันล่ะ!” เสียงอู้อี้ของสวี่หลิงอวิ๋นดังลอดออกมาจากอ้อมกอดของเขา

“แน่นอน! ไม่โกหกหรอก!” โอคาซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา