ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บแปรับที่หน้าอกเมื่อเขามองลงไปก็พบหัวลูกศรที่พุ่งทะลุออกมาจากหน้าอกของเขา
”เป็นไปได้ยังไง?”
แม่ทัพจางไม่เชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีลูกศรพุ่งเข้ามาเอาชีวิตของเขาไป
เขาไม่สามารถยอมรับได้
เขาอยากจะมีชีวิตรอด?
แต่มันไม่ทันแล้ว!
เกาชุน มองไปที่ ร่างของอีกฝ่าย และ วางคันธนูลง เขาได้หันศีรษะไปยังทหารคนอื่น ๆ และตะโกนเสียงดัง” ฆ่าพวกมันให้หมดไม่ต้องปราณี!”
“ฆ่า!”
ทหารทุกคนภายในกองพันทหารค่ายได้ตะโกนออกมาลั่นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ทหารของอาณาจักรอู๋เซียง
หากไม่มีแม่ทัพคนนี้คอยบัญชาการทหารเหล่านี้ก็ไม่สามารถต่อต้านได้ และ เมื่อเผชิญหน้ากับ เกาชุน ที่เป็นยอดฝีมือระดับ 3 ขั้นปรมาจารย์ แม้จะเป็นทหารนับพันก็ยังถูกฆ่าโดยง่ายดาย
สงครามนี้สิ้นสุดในเวลาต่อมา
การต่อสู้ได้ดําเนินการไปถึงช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะจบลงอย่างสมบูรณ์
ในเวลานี้พื้นที่ด้านหลังภูเขาติงจิ้งเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตจํานวนมาก
มีซากร่างของทหารจํานวนมากเกลื่อนกราดอยู่บนพื้น
ทุกที่!
ส่วนใหญ่เป็นทหารของอาณาจักรอู๋เซียง
กองทัพ 1.2 ล้านนายได้ล้มลงที่นี่โดยสมบูรณ์
มีเพียงคนไม่ถึง 10,000 คนที่โชคดีพอที่จะหลบหนีไปได้
ถ้ามองลงไปจากยอดเขาติงจิ้งพวกเขาสามารถมองเห็นสนามรบได้อย่างชัดเจน
ลู่เฟิง พาทาสดาบทั้งหกยืนอยู่ที่นี่พร้อมกับมองสนามรบที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต
ถ้าพลังของเขาไม่แข็งแกร่งพอก็คงไม่สามารถมองเห็นซากศพที่ตายเกลื่อนอยู่บนพื้นได้
แต่ความแข็งแกร่งของลู่เฟิง มาถึงระดับ 8 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ แม้จะอยู่ในระยะไกลเขาก็สามารถมองเห็นฉากในสนามรบได้อย่างชัดเจน
มีศพนับไม่ถ้วน
แขนขาล้วนขาดออกจากกัน
ผืนดินย้อมเปลี่ยนเป็นสีแดง
มีกลิ่นคาวคลุ้งเต็มอากาศ
กลิ่นคาวเลือดนี้แม้แต่บนยอดเขาติงจิ้งก็ยังได้กลิ่น
ศึกครั้งนี้
จํานวนผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายรวมกันมีมากกว่าสองล้านคน
อาณาจักรหนานหยานได้รับชัยชนะ
มีเพียงผู้รอดชีวิตไม่ถึงหมื่นคนของสัตรูที่หลบหนีไปได้
หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดในสามวันนี้ มีทหารของอาณาจักรอู๋เซียงมากกว่า 1.4 ล้านคนตายในสนามรบ
นี่คือการฆ่าล้างไม่ใช่สงครามธรรมดา!
หัวใจของลู่เฟิงรู้สึกตึงเครียดมากในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกโชคดี
โชคดีที่อาณาจักรหนานหยานได้รับชัยชนะ
ไม่งั้นแล้วทหารที่ตกตายในสนามรบอาจจะเป็นคนของอาณาจักรหนานหยาน
เมื่อคิดถึงตอนนั้นจะมีผู้คนหลายล้านคนทางมณฑลตะวันตกของอาณาจักรหนานหยานล้มตายอีกจํานวนมาก
คิดถึงสิ่งนี้ทําให้เขารู้สึกตัวสั่น
โชคดีที่เขาชนะ
อาณาจักรหนานหยานได้รับชัยชนะและสามารถกําราบทหารนับล้านของอาณาจักรอู๋เซียงที่นี่หนาน
“ฝ่าบาท,ท่านนักกลยุทธ์ขอเข้าเฝ้า” เฉินกัง ได้ยืนอย่างเงียบ ๆ ด้านหลังของลู่เฟิง
”ให้เขาเข้ามา”
”ขอรับ!”
ในไม่ช้า หลิวจี๋ ก็เดินเข้ามา
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
“ไม่ต้องมากพิธี”
ลู่เฟิง ได้หันไปมองหลิวจี๋ และ กล่าวถาม” กองทัพของพวกเราสูญเสียไปเท่าไหร่กับศึกครั้งนี้?”
“เรียนฝ่าบาท กองทัพของพวกเราสูญเสียไปมากกว่า 200,000 นาย ในปัจจุบัน หากรวมทัพพยัคฆ์ของแม่ทัพเสี่ยวจือเข้าไป เรายังเหลือทหารไว้ใช้งานได้อีก 750,000 นาย” หลิวจี๋ ได้ตอบกลับ
” ค่อนข้างสาหัส!”
ลู่เฟิง ถอนหายใจอออกมา” แม้ว่ากองทัพของพวกเราจะแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรอู๋เซียง แต่ก็ยังได้รับความสาหัสเช่นนี้ กองพันทหารค่ายของเกาชุน ก็เช่นเดียวกัน”
หลิวจี๋ มองไปที่ ลู่เฟิงและตอบกลับ” แต่ถ้าเทียบกับศัตรูผลลัพธ์ของพวกเรากลับดีกว่ามาก”
ลู่เฟิงสั่นศีรษะทันที
แน่นอนว่าการสู้รบขนาดใหญ่เช่นนี้ สูญเสีย 200,000 นายนับว่าเป็นจํานวนที่น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม ลู่เฟิง รู้ดีว่า อาณาจักรหนานหยานของเขาไม่ได้สู้สนามรบเพียงศึกเดียว แต่มันเป็นสามศึก
หากมีผู้เสียชีวิตในศึกครั้งนี้มากขึ้นเกรงว่าเขาจะไม่สามารถโยกย้ายทหารไปช่วยยังศึกอื่น ๆ
ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดและกล่าวถาม” ทางด้านเมืองเป็งหยวนมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?”
“ยังพะยะค่ะ”
“งั้น”
ลู่เฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย”แปลก ภูเขาติงจิ้ง เป็นสนามรบขนาดใหญ่ของศึกครั้งนี้ ทําไม เมืองเป็งหยวน ที่มีกองกําลังมากกว่าสองล้านนายถึงไม่ส่งคนมาช่วยเหลือ?”
“ฝ่าบาทพูดถึงเรื่องนี้ก็ค่อนข้างน่าแปลก ตามข่าวรายงานของ จินยี่เหว่ย จิ้งซือหรง ได้หลบหนีไปยังเมืองเป็งหยวนได้สําเร็จทั้งยังกําชับไม่ให้ บุกโจมตีภูเขาติงจิ้ง ถ้าตามที่กระหม่อมเห็นควร หลังจากการพ่ายแพ้ครั้งนี้ เขารู้ว่าไม่มีทางสู้เราได้ ดังนั้นจึงวางแผนยึดครองเมืองเป็งหยวนและป้องกัน รอจนกว่าสถานการณ์การสู้รบของอาณาจักรไปหลัน และอาณาจักรหงเปา จากนั้นค่อย หาโอกาสโจมตี เมืองเร้ดเมเปิ้ล!” หลิวจี๋ ได้คาดเดา
“ขี้ขลาด”
ลู่เฟิง ได้ตะโกนออกมา”จิ้งซือหรง เป็นคนขี้ขลาดจริง ๆ ตอนนี้เขาน่าจะมีทหารมากกว่า 2.6 ล้านนายอยู่ในมือ แต่เขาไม่กล้าบุกโจมตี กลับหลบซ่อนมองหาโอกาสอยู่หรือไม่”
ที่จริงแล้ว ลู่เฟิง ก็แค่กังวล
ตอนนี้ทหารในมือของเขาได้รับชัยชนะดังนั้นขวัญกําลังใจจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถ้า จิ้งซือหรง กล้าที่จะส่งทหารมา ลู่เฟิง ก็มีความมั่นใจที่จะส่งทหารออกไปสู้รบ
น่าเสียดายที่จิ้งซือหรง กลัวจนไม่กล้าส่งทหาร
หลิวจี๋ ได้หัวเราะอย่างขมขึ้นเมื่อได้ยินคําพูดของลู่เฟิง”ฝ่าบาท เรื่องนี้ พูดไปก็ยังไงอยู่ ใครจะไปคิดว่า จิ้งซือหรง จะหลบหนีไปถึงเมืองเป็งหยวนได้สําเร็จ”
ทัพของเสี่ยวจือ ได้บุกโจมตีค่ายบนภูเขาติงจิ้ง ซึ่ง จิ้งซือหรง อยู่ที่นั่น
แต่เดิมเขาคิดว่าภายต้สถานการณ์เช่นนี้ จิ้งซือหรง จะต้องตายในสนามรบแน่นอน แต่ไม่นานเขาก็ได้รับข่าวจาก จินยี่เหว่ย ว่า จิ้งซือหรง ได้หลบหนีไปยังเมืองเป็งหยวนได้สําเร็จ
สิ่งนี้ เหนือความคาดหมายเล็กน้อย
หึ่ม!
ลู่เฟิง ได้สูดลมหายใจเข้าลึก
ตอนนี้ มันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมานั่งกังวล ถ้า จิ้งซือหรง ยึดเมืองเป็งหยวน มองหาโอกาสมันจะเป็น อาณาจักรหนานหยานของเขาที่ตกที่นั่งลําบากจริง ๆ
ดังนั้น เขาจึงมองไปที่ หลิวจี๋ และ กล่าวถาม”อาจารย์หลิว ท่านมีแผนการต่อจากนี้หรือไม่?”
”ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ข้าได้จัดเตรียมแผนการไว้ก่อนแล้ว ถ้าเราส่งร่างขององค์ชายไปที่เมืองเป็งหยวนและเริ่มต้นตามแผนการเดิม แม้ จิ้งซือหรง จะเป็นผู้บัญชาการ แต่พวกเขาย่อมมีความขัดแย้งกับแม่ทัพคนอื่น ๆ “หลิวจี๋ ได้ตอบกลับ
” เช่นนั้นก็ดี”
สู่เฟิง ได้พยักหน้าได้”เรื่องนี้ไม่อาจชักช้าได้ พวกเราจะต้องรีบจัดการและกลับบ้านไปพร้อมกับชัยชนะ”
” พะยะค่ะ,กระหม่อมเชื่อว่า…”
“ฝ่าบาท,แม่ทัพเสี่ยวจือ ต้องการเข้าเฝ้า!”
ก่อนที่ หลิวจี๋ จะพูดจบ เสียงของ เฉินกัง ก็ได้ดังขึ้น
ลู่เฟิง ได้หัวเราะออกมาและพูดขึ้น”ให้เขาเข้ามา”
ตั้งแต่ที่เขามาถึงยอดภูเขาติงจิ้ง เขาก็ไม่เห็น เสี่ยวจือ เลย หลังจากที่ เสี่ยวจือ จัดการธุระเสร็จ อีกฝ่ายน่าจะรีบมาหาเขาในทันทีแน่นอน
ในขณะเดียวกัน หลิวจี๋ ก็เงียบไปชั่วครู่
ไม่นาน เสี่ยวจือ ก็เดินทางมาถึง เขากล่าวพูดออกมาอย่างตื่นเต้น”ฝ่าบาท,ลองเดาดูว่าข้านําของขวัญอะไรมาฝากท่าน?”
” ของขวัญงั้นรึ?”
สู่เฟิง ยิ้มออกมา”ไหนให้ข้าดูหน่อยว่ามันคืออะไร”
” ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร!”
ไม่นาน ทหารพยัคฆ์ 2 นาย ก็แบกร่างของคนผู้นึ่งมา เมื่อ ลู่เฟิง เห็นร่างนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป