หลังจากที่สิ่งกีดขวางหลุดออกจากร่างกาย หยานชิงเจ๋อก็หลุดออกจากภวังค์เมื่อครู่
ร่างกายของเขาบวมจนเจ็บเป็นอย่างมาก สัญชาตญาณทางสรีรวิทยาส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าจู่ ๆ สมองของเขาก็ได้สติขึ้นมาชั่วคราว
เมื่อคืน เกิดเรื่องที่เขารับไม่ได้ในชีวิตขึ้นแล้ว วันนี้ถ้าหากเขาทำอะไรอีก เช่นนั้นก็ถือว่าผิดซ้ำผิดซ้อน
คิดได้ถึงตรงนี้ เขาออกแรงที่มีทั้งหมดพยุงตัวขึ้น จากนั้นก็พลิกตัว ลุกออกจากตัวของเจียงซีหยู่
เพราะการกระทำของเขารุนแรงมาก จึงทำให้กระทบไปถึงบาดแผลที่แผ่นหลัง รู้สึกเจ็บจนหน้ามืดตามัว แม้แต่จุดศูนย์ถ่วงก็ไม่สมดุล
หยานชิงเจ๋อล้มลงจากโซฟา แผ่นหลังกระแทกกับโต๊ะน้ำชา ทำให้เขาแทบเป็นลมในทันที
เขามองไปที่เจียงซีหยู่ที่กำลังตกใจอยู่ เขาอ่อนแรงแต่ก็กลับพูดอย่างมีเหตุผล “ซีหยู่ ผมแต่งงานแล้ว จะมีชู้ไม่ได้”
เจียงซีหยู่ถลึงตาโต เธอพูดอย่างคาดไม่ถึง “อะไรนะ คุณพูดว่าคุณมีชู้ไม่ได้? งั้นเรื่องเมื่อวานคืออะไร?!”
หยานชิงเจ๋อตกอยู่ในภวังค์ เขาสวมใส่กางเกงในอย่างยากลำบาก ร่างกายท่อนล่างค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบ “แต่งงาน ถึงแม้ผมจะไม่ได้ยินยอม แต่ในเมื่อยังไม่ได้หย่ากันแม้แต่วันเดียว ผมก็ไม่มีทางมีชู้ มันเป็นเรื่องของหลักการ เมื่อวานก็ทำผิดไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมไม่อยากมีครั้งที่สอง ซีหยู่ คุณเป็นผู้หญิงที่ดี อย่าทำแบบนี้เลย ผมไปก่อนนะ ต่อไปพวกเราก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้ากันเถอะ!”
ขณะที่เขาพูด ก็กำลังจะลุกขึ้นยืน แต่ว่าเพิ่งจะลุกขึ้น ก็รู้สึกหน้ามืด จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น
เจียงซีหยู่เห็นหยานชิงเจ๋อเป็นลมล้มไป ถึงได้เห็นว่าแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล
จู่ๆ หัวใจของเธอก็รู้สึกสับสนและเต้นแรง
หยานชิงเจ๋อนอนหมดแรงอยู่บนพื้น เขาขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าเป็นลมแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดมาก
เจียงซีหยู่เรียกเขาอยู่หลายครั้ง เห็นเขาไม่ตอบสนอง จึงจับแขนของหยานชิงเจ๋อ จะพยุงเขาไปที่เตียง
แต่ว่าหยานชิงเจ๋อไม่มีสติสักนิด เธอออกแรงสุดฤทธิ์ เพียงแต่ไม่สามารถพยุงเขาขึ้นมาได้ แต่ตัวเองก็กลับล้มลงบนพื้น
บนพื้นเย็นนิดหน่อย เจียงซีหยู่มองไปทางหยานชิงเจ๋อที่หมดสติ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ที่พวกเขานอนลงด้วยกัน
ไม่ถึงหนึ่งวัน ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้?!
เขานอนกับซูสือจิ่น เมื่อเจอเธอ กลับพูดว่าไม่สามารถหักหลังผู้หญิงคนนั้นได้! แถมยังพูดว่าจะเป็นคนแปลกหน้ากับเธอ!
เจียงซีหยู่รู้สึกว่าความเกลียดชังที่ถูกระงับไว้ ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เธอกวาดสายตามอง เห็นโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ดวงตาของเธอเป็นประกาย
สุดท้ายเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น ปลดล็อกแล้วเปิดกล้อง
จากนั้นเธอพิงเข้าในอ้อมอกของหยานชิงเจ๋อ ให้แขนของเขาโอบกอดตัวอง แล้วถ่ายรูปไว้ภาพหนึ่ง
เธอเปิดดูรูป มองดูอย่างพึงพอใจหลายวินาที จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอยกข้อมือของหยานชิงเจ๋อขึ้น ตั้งวันที่บนนาฬิกาของเขาย้อนหลังสองเดือน ปรับเวลาเป็นตีหนึ่งครึ่งกลางดึก
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายรูปพวกเขาแก้ผ้ากอดกันอีกหลายภาพ แล้วปรับเวลานาฬิกาของหยานชิงเจ๋อกลับมา
เธอรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แต่ว่าควบคุมมันไม่ได้
ถ้าหากวันนี้ซูสือจิ่นรู้ว่าหยานชิงเจ๋ออยู่ที่นี่ จะต้องเสียใจต้องโมโหอย่างแน่ ไม่ถึงสองเดือน การกระทบกระเทือนทางจิตใจที่ว่าหยานชิงเจ๋อยังนอนกับเธอ
เช่นนั้น วันนี้ในสองเดือนหลัง ที่เธอจะทำคือ ควรจะคิดวิธีที่ทำให้หยานชิงเจ๋อไม่กลับบ้าน?
คิดได้ถึงตรงนี้ เจียงซีหยู่หรี่ตา แววตาของเธอเย็นชา
เธอหยิบผ้าปูที่นอนออกมาจากในห้อง ปูลงบนพื้น แล้วจับหยานชิงเจ๋อขยับมาอย่างยากลำบาก จากนั้นก็ห่มผ้าให้เขา
เธอคิดไว้ว่าอยากจะนอนอยู่ข้างกายเขา เล่นตลกเพื่อดูว่าเขาจะตอบสนองอย่างไรเมื่อตื่นขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ว่าเพื่อแผนการอีกสองเดือนข้างหน้า เธอก็เลือกที่จะปล่อยวาง
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ เจียงซีหยู่เดินมาที่ห้องนอน ยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง มองไปที่ด้านล่าง แล้วหัวเราะเยาะ “หลิงชวน คุณชนะแล้ว”
เธอยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน จึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดสายโทรออก
ผู้ชายที่อยู่ปลายสายรับสายอย่างเร็ว น้ำเสียงยิ้มเยอะ “คิดได้แล้วถึงได้โทรหาผม?”
“คุณชนะแล้ว” เจียงซีหยู่พูด “เขาหักหลังฉัน ฉันอยากจะแก้แค้น”
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างร่าเริง “ก่อนหน้านี้ใช้ให้คุณช่วยผม คุณก็ไม่ยอม ตอนนี้เสียดายแล้วล่ะสิ? วางใจได้ ในไม่ช้าก็จะมีโอกาส…”
เจียงซีหยู่กำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “แต่ว่าพูดไว้ก่อนว่าอย่าทำร้ายเขา”
“เขาหักหลังคุณ คุณยังพูดว่าอย่าทำร้ายเขา?” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงต่ำ “ตอนนี้ คุณใช้ลายนิ้วมือของเขาปลดล็อกโทรศัพท์ ส่งข้อมูลมาให้ผม…”
“ฉันไม่มีทาง…” เจียงซีหยู่กำโทรศัพท์ไว้ รู้สึกหัวใจสั่นไหว
เธอไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่ดับความแค้นในใจไม่ได้
“คุณทำแน่” ชายหนุ่มหัวเราะ “ไม่อย่างงั้น ตอนแรกผมไม่มีทางมาหาคุณ”
“ถ้าหากเขาไม่ได้หักหลังฉัน ฉันไม่มีทาง…” เจียงซีหยู่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ดังนั้นความมั่นใจนั้นของคุณมาจากไหนกัน?”
“อย่าลืม ว่าผมเคยเรียนจิตวิทยามาตั้งนาน” ชายหนุ่มพูดอย่างเยือกเย็นสุขุม “ผมบอกคุณว่าข้อมูลอะไร…”
ตอนที่หยานชิงเจ๋อตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว
เขาลืมตาขึ้น รู้สึกได้ว่าที่ที่ตัวเองนอนแข็งมาก เขาลูบคลำ ถึงได้พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น เพียงแต่บนพื้นปูผ้านวมบางอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้ไม่รู้สึกหนาว
เขาค่อย ๆ พยุงตัวขึ้น เห็นได้ว่ายังคงอยู่ที่บ้านเจียงซีหยู่ เขาค่อย ๆ นึกถึงสถานการณ์ก่อนที่จะเป็นลม
หยานชิงเจ๋อก้มหน้าดู เขาสวมใส่เพียงกางเกงในตัวเดียว ส่วนเสื้อเชิ้ตและกางเกงของเขา ถูกเจียงซีหยู่เก็บขึ้นมา พับวางไว้อยู่บนโซฟา
เขานวดขมับ ค่อย ๆ ปรับตัวกับแผ่นหลังที่ยังคงเจ็บปวดอยู่ แล้วลุกขึ้นยืน
ในตอนนี้ประตูห้องนอนของเจียงซีหยู่เปิดไว้อยู่ เป็นเพราะเงียบเกินไป เขาจึงสามารถได้ยินเสียงลมหายใจอ่อน ๆ ของเธอ
หยานชิงเจ๋อพับเก็บผ้าปูและผ้าห่ม สวมใส่เสื้อผ้า มองไปทางห้องนอน
ปฏิกิรยาตอบสนองของเจียงซีหยู่เมื่อวาน เขาคาดไม่ถึง เพราะแบบนี้ความรู้สึกผิดในใจยิ่งทวีคูณขึ้น
เขาทำผิดต่อเธอ ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในตอนที่อยู่กับเขาดูสำรวมมากเป็นพิเศษ กลายสภาพในแบบเมื่อคืน
เขาเดินไปที่ประตู มองไปที่เรือนร่างบนเตียงนอน แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้มากกว่าเดิม
ตอนที่อยู่ที่มาเลเซีย บาร์เทนเดอร์ทำให้เหล้าให้เขาดื่มหนึ่งแก้ว ชื่อว่าปล่อยวาง
ไม่รู้ว่าบาร์เทนเดอร์มีไหวพริบที่เฉียบแหลมจริง ๆ หรือว่าเดาสุ่มเอา
รูปลักษณ์ภายนอกของเขา ชีวิตปกติของเขา ดูเป็นกันเอง แต่ว่าเขากลับเป็นคนที่สงบและมีเหตุผลมาก ไม่เคยปล่อยวางมาก่อน
นอกจากวันนั้นที่ตื่นมาตอนเช้า พบว่าซูสือจิ่นนอนอยู่ด้านข้าง ครุ่นคิดดูโตมาขนาดนี้ เขาไม่เคยมีช่วงเวลาที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
รวมถึงเมื่อวานที่เจียงซีหยู่เปลืองเสื้อผ้านอนอยู่ใต้ตัวเขา
เขาอยากหยุด ก็ต้องหยุดได้แน่ แม้สัญชาตญาณของร่างกายจะส่งเสียงร้อง เขาก็ยังสามารถเค้นสติออกมา ให้ตัวเองกลับเนื้อกลับตัวใหม่ ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น
ในตอนนี้เขาควรจะกลับไปได้แล้ว
ไม่ว่าตัวเองจะยอมรับหรือไม่ ถึงเวลาที่ต้องตัดความสัมพันธ์ของเขากับความรักครั้งนี้ให้ขาดสิ้น
มีความเจ็บปวดที่หนักแน่นในใจ แต่ว่าท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถทำเรื่องหุนหันพลันแล่นได้
บางทีอาจเป็นเพราะรักไม่พอ เขาไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกที่ทำให้คนคนหนึ่งละทิ้งโลกทั้งใบเพื่ออีกคนได้
เขาเป็นลูกคนเดียวของตระกูลหยาน ในเมื่อพ่อแม่ใช้การตัดความสัมพันธ์ขู่เข็ญเขา เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงปล่อยวางอย่างหมดจด
“ซีหยู่ ต่อไปคงไม่ได้เจอกันอีก” หยานชิงเจ๋อพูดเบา ๆ กับร่างที่อยู่บนเตียง
พูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือกับกุญแจรถ ตัดสินใจออกไป
เขาเดินมาถึงประตู แล้วปิดประตูลงอย่างเบาที่สุด จากนั้นก็ตรวจสอบดูว่าประตูล็อกดีแล้ว ถึงได้เดินไปที่ลิฟต์
เพียงแต่ ในตอนที่เขาเดินเข้าลิฟต์ จู่ ๆ ก็มีภาพผุดขึ้นในหัว
เมื่อวานตอนที่เขาเป็นลม โทรศัพท์ของเขาเหมือนจะวางอยู่กลางโต๊ะน้ำชา แต่ว่าเมื่อครู่กลับอยู่ที่ขอบโต๊ะ…
หยานชิงเจ๋อเห็นตัวเลขบนหน้าจอ LED ในลิฟต์น้อยลงเรื่อย ๆ สุดท้ายเปลี่ยนเป็นเลข 1 จากนั้นในตอนที่เขาเดินออกมาจากลิฟต์ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
เขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แล้วขมวดคิ้วแน่น
เห็นได้ชัดว่าเจียงซีหยู่แตะต้องโทรศัพท์ของเขา
บางทีเธออาจแค่ขยับมัน หรือบางทีเธอหยิบมันขึ้นมาดูจริง ๆ…
หยานชิงเจ๋อรู้สึกใจร้อนเล็กน้อย เขารู้ว่าความสงสัยของตัวเองเริ่มทำงานอีกครั้ง แม้แต่ต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองชอบ เหตุผลแบบนั้นก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินของเขาตลอดเวลาเช่นกัน
สงสัยอยู่ครู่หนึ่ง เขาเปิดโทรศัพท์ดู
มีแค่ข้อความแนะนำกับอีเมล และทุกอย่างเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรแตกต่าง
หยานชิงเจ๋อตรวจสอบอยู่รอบหนึ่ง คิดว่าบางทีตัวเองคิดเยอะเกินไป จึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินออกจากโถงทางเดิน
ด้านนอกหนาวมาก เขาเร่งฝีเท้า ในตอนที่เดินออกจากหมู่บ้าน มีลุงที่ออกกำลังกายตอนเช้ามองเขาด้วยสายตาเเปลก ๆ เหมือนกับกำลังสงสัยว่าทำไมเขาใส่เสื้อผ้าน้อยขนาดนี้
จนกระทั่งกลับมาถึงในรถ เขาเปิดลมร้อน แล้วหยิบยาแก้อักเสบออกมา ฉันดื่มน้ำที่ยังไม่เย็นในกระติกน้ำร้อน ถึงได้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
หยานชิงเจ๋อขับรถไปทางคอนโดที่ตัวเองซื้อไว้ก่อนหน้านี้
พ่อแม่บอกไว้ว่าบ้านชุดนี้สามห้องนอนสองห้องโถงต่อไปทำเป็นเรือนหอของเขากับซูสือจิ่น
เรือนหอ…คำนี้ผุดขึ้นมาจากในหัว หยานชิงเจ๋อรู้สึกร้อนใจ จึงฝ่าไฟแดง
เพราะตอนเช้าตรู่บนถนนไม่มีคน จากบ้านของเจียงซีหยู่ถึงคอนโดของเขา ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว
หยานชิงเจ๋อจอดรถ ในตอนที่ขึ้นชั้นบนจากโรงจอดรถใต้ดิน จู่ ๆ ก็สงสัย
พ่อแม่พูดว่าที่นี่คือเรือนหอ งั้นซูสือจิ่นไม่ใช่ว่าย้ายของมาก่อนล่วงหน้าแล้วนะ?
คิดได้ถึงตรงนี้ ความหงุดหงิดในใจเพิ่งมากขึ้น ภาพที่เคยอยากลืมก็ผุดขึ้นในใจ รู้สึกว่าความหงุดหงิดในใจแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกโลกทั้งใบให้เป็นชิ้นๆ!
เขาบิดกุญแจและเปิดประตู
สภาพห้องเหมือนไม่มีใครอยู่มานาน มืดมิด เงียบสงบ ดูอึดอัด แถมมีกลิ่นฝุ่น
แต่ว่า หยานชิงเจ๋อกลับรู้สึกโล่งใจ
จนถึงตอนนี้ผ่านไปเกือบ 24 ชั่วโมงแล้ว เขายังยอมรับซูสือจิ่นไม่ได้
เมื่อนึกอะไรออก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรออก “จัดเตรียมหน่อย พรุ่งนี้ฉันบินไปอเมริกา จัดการความร่วมมือกับบริษัทซอฟต์แวร์และ case นั่นด้วยตัวเอง”