ตอนที่ 231 สวรรค์ ! ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 231 สวรรค์ ! ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว

ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีทองอบอุ่นสาดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ใบไม้และวัชพืชในหุบเขาล้วนถูกน้ำค้างแข็งปกคลุม ทว่าแปลงนาของหมู่บ้านฉือหลี่โกวยังมีชีวิตชีวาดังเดิม

หลินเว่ยเว่ยหย่อนกายลงนั่งกับพื้นพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อของตน ทว่าต่อมานางก็ต้องโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งด้วยความรังเกียจ “ไอหยา สกปรกชะมัด ! ฮ่าฮ่า…บัณฑิตน้อย เจ้า…”

นางชี้ไปยังใบหน้าแสนมอมแมมของเจียงโม่หานแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น เจียงโม่หานกลอกตาใส่นาง จากนั้นก็ใช้เสื้อด้านในเช็ดหน้าของตนเพราะผ้าเช็ดหน้าก็สกปรกจนแยกไม่ออกว่าเป็นสีอะไรนานแล้ว

“ไม่ต้องกังวล เขม่าควันบนหน้าของเจ้าไม่ส่งผลต่อรูปโฉมอันงดงามแม้แต่น้อย แม้หน้าตาจะมอมแมมแต่เจ้ายังหล่อเหลาที่สุด ! ” หลินเว่ยเว่ยช่วยเช็ดรอยเขม่าใต้คางของเขา แต่มันกลับมีเยอะกว่าเดิม นางจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาอีก

เจียงโม่หานลูบคางของตน ทันใดนั้นบนมือก็มีเขม่าดำติดออกมามากมาย พอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเขาก็เอื้อมมือจะไปป้ายใบหน้าของนางบ้าง หลินเว่ยเว่ยรีบหลบอย่างรวดเร็วและยังไม่ลืมไล้คราบที่แก้มมาทำเป็นหนวดให้เขาด้วย ตอนเบี่ยงตัวหลบนั้นร่างกายนางโซเซอยู่พักหนึ่ง เจียงโม่หานเอื้อมไปดึงตัวอีกฝ่ายกลับมาจึงเลี่ยงไม่ให้แขนที่บาดเจ็บของนางกระแทกกับพื้นได้…

บุตรสาวคนโตตระกูลหลินเดินผ่านทั้งสองคนจึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ให้ตายเถิด ! เจ้าสองคนเลิกหวานใส่กันได้แล้ว ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือ ! ”

แม่ซัวถัวก็เดินเข้ามาพลางหัวเราะแล้วถามว่า “บัณฑิตเจียง นางหนูรอง ได้ยินว่าอีกไม่นานพวกเจ้าก็จะหมั้นกันแล้ว จะทำพิธีเมื่อใดหรือ ? พวกเราก็อยากไปร่วมงานมงคลบ้าง ! ”

ประเพณีในชนบท โดยเฉพาะวันที่หมั้นหมายกัน ถ้ามีแขกไปร่วมงานมากเท่าไร หนุ่มสาวทั้งสองก็จะมีชีวิตคู่ที่สุขสมมากเท่านั้น ตระกูลเจียงและตระกูลหลินเป็นกลุ่มเดียวในหมู่บ้านฉือหลี่โกวที่ไม่มีญาติ ถ้าในวันงานมีแค่สองบ้านร่วมทำพิธีกัน บรรยากาศจะเงียบเหงามากเพียงใด ?

หืม ? บัณฑิตเจียงกับนางหนูรองจะหมั้นกันหรือ ? จริงหรือไม่ ? ดูท่าทางหยอกเย้ากันของคนทั้งสอง ก็แตกต่างไปจากเมื่อก่อนจริง ๆ ตอนนั้นมีเพียงนางหนูรองที่เดินเข้าหาบัณฑิตเจียง แต่บัณฑิตเจียงไม่แสดงท่าทีตอบรับแม้แต่น้อย !

พวกเด็กสาวในหมู่บ้านรวมถึงหลานสาวของผู้ใหญ่บ้านล้วนหอบหัวใจที่แตกสลายมองมาทางเจียงโม่หานพร้อมน้ำตาคลาเบ้าเพื่อหวังจะได้ยินคำว่า ‘ไม่จริง’ จากปากของเขา

บัณฑิตหนุ่มยิ้มอ่อนพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและอ่อนโยน “อืม ข้าเชิญท่านหมอเหลียงมาเป็นพ่อสื่อแล้ว อีกครึ่งเดือนหลังจากนี้จะเป็นวันดี พิธีหมั้นจัดขึ้นในวันนั้นเอง ท่านป้ารีบมาดื่มสุรามงคลได้เลย ! ”

ต่อจากนั้นชาวบ้านฉือหลี่โกวที่อยู่โดยรอบก็เข้ามาอวยพรทั้งสองจากใจจริง

ระหว่างทางกลับหมู่บ้าน หลินเว่ยเว่ยขยิบตาให้เจียงโม่หานอย่างขี้เล่น “เจ้าได้ยินหรือไม่ ? ”

“ได้ยินอันใด ? คำอวยพรของทุกคนน่ะหรือ ? ” เจียงโม่หานถามกลับด้วยความงุนงง

“ได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังแตกสลายของพวกสาว ๆ อย่างไรเล่า ! ” หลินเว่ยเว่ยเผยฟันขาวสองแถวหน้าและดวงตาโค้งมนเหมือนเสี้ยวพระจันทร์บนท้องฟ้า

“ข้าได้ยินแค่เสียงหัวใจพองโตอย่างมีความสุขของเจ้า ! ” เจียงโม่หานดีดหน้าผากนางเบา ๆ

หลินเว่ยเว่ยรีบกุมหน้าอกแล้วหัวเราะอย่างโง่งม…สวรรค์ ! ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ! ในที่สุดบัณฑิตน้อยรูปงามที่เป็นดั่งห่านฟ้าผู้เย่อหยิ่งตัวนี้ก็มาอยู่ในปากนาง…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !

“เด็กโง่ ! ” เจียงโม่หานใช้มือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บไพล่ไว้ข้างหลังแล้วเดินเข้าหมู่บ้านด้วยท่วงท่าสง่างาม มุมปากของเขาโค้งขึ้นจนเป็นเหมือนวงกลมครึ่งเสี้ยว…

หลินเว่ยเว่ยเดินตามหลังอีกฝ่าย แต่หัวใจยังคงพองโต…ได้กินเนื้อห่านฟ้าแล้ว นางเป็นคางคกที่มีความสุขและสร้างแรงบันดาลใจได้ดีที่สุด ฮ่าฮ่า…

“ทุกคนทำงานหนักแล้ว ! ประเดี๋ยวข้าจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่เอง…แท่นแท้นแท๊น ! ข้าวโพดต้มสดใหม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยยกตะกร้าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้าวโพดออกมาจากด้านหลัง

เจ้าหนูน้อยรีบพุ่งไปที่ตะกร้าแล้วเขย่งขาอย่างมีความสุข “พี่รอง ท่านไปเก็บข้าวโพดตอนไหน ! ว้าว ! ข้าวโพดดูดีจังเลย แถมข้างในก็มีเมล็ดข้าวโพดเยอะมาก ! พี่รอง พี่รอง ! ข้าวโพดอร่อยหรือไม่ ? ”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิธีการปลูกหรือเมล็ดพันธุ์ คนแถวนี้ล้วนกล่าวกันว่าข้าวโพดให้ผลผลิตน้อยและจะปลูกได้เฉพาะในพื้นที่แห้งแล้งซึ่งไม่สามารถปลูกข้าวสาลีได้ แต่ในฉือหลี่โกวนี้หลินเว่ยเว่ยปลูกเพราะไม่เห็นบ้านไหนปลูก !

หลินเว่ยเว่ยยิ้มและบีบจมูกเจ้าหนูน้อยพักหนึ่ง “อร่อยหรือไม่อร่อย ประเดี๋ยวต้มเสร็จแล้วลองกินก็รู้”

นางหวงทอดสายตามองข้าวโพดในตะกร้าและรู้สึกค่อนข้างปวดใจ ข้าวโพดหลายสิบฝักเหล่านี้หากนำไปตากแห้งจะสามารถแกะเมล็ดออกมาทำเป็นธัญพืชได้เจ็ดแปดชั่ง ? หากนำไปแลกเป็นเงิน ก็ได้ตั้งหลายร้อยอีแปะ ! เจ้ารอง เจ้าใช้ชีวิตไม่เป็นเสียจริง !

เด็กและผู้ใหญ่ในบ้านรวมกันแล้วก็มี 9 คน แต่ละคนแบ่งกันกินข้าวโพดคนละฝัก ผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมของข้าวโพดก็ลอยออกมาจากห้องครัว ตอนยกออกมาเจ้าหนูน้อยทำตัวราวกับสุนัขไม่มีผิด เขาแกว่งหางไปมาพลางเดินตามก้นพี่รองต้อย ๆ

ข้าวโพดที่ต้มสุกแล้วมีรสชาติหวานสดชื่นกลมกล่อม ด้านรสชาติถือว่าไม่เลว นางหวงที่เคยกินข้าวโพดมาก่อนถึงขั้นกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารอง เจ้าไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาจากที่ใด รสชาติไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แม่เคยกิน ข้าวโพดที่เคยกินไม่ได้อร่อยถึงเพียงนี้ ! ”

“ท่านแม่เจ้าคะ นี่คงมีผลมาจากจิตใจกระมัง ? ของที่เราปลูกเองเวลากินก็ต้องอร่อยกว่าปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม น่าจะเป็นผลมาจากน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณ ตอนรดน้ำ นางอยากทุ่นแรงจึงใช้น้ำในมิติน้ำพุวิญญาณกับแปลงข้าวโพดไม่น้อย ! ทำให้ฝักข้าวโพดใหญ่ รสชาติก็ดี น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน !

หลังกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว นางหวงก็ไล่เจ้าหนูน้อยที่ง่วงจนนั่งสัปหงกไปนอน ขณะมองใต้ตาสีคล้ำของหลินเว่ยเว่ยและหลินจื่อเหยียน นางก็พูดอย่างเอ็นดู “วางชามไว้ตรงนั้น ประเดี๋ยวแม่จัดการเอง พวกเจ้าไปนอนเถิด…หวังว่าคืนนี้จะไม่มีลมหนาวพัดมาอีก ! ”

หลินเว่ยเว่ยปิดปากหาว นางสะบัดศีรษะแล้วเดินเข้าห้อง “วันนี้อากาศดีมาก ตอนกลางคืนอากาศไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันอีก เมื่อคืน…อาจเพราะมีฝนตกลงมา ! ”

“บัณฑิตน้อย เจ้าก็ทำงานมาทั้งคืนแล้ว รีบกลับไปนอนเถิด ! ” คนอื่นทำงานกันแค่ครึ่งคืน แต่เจ้าหมอนี่กังวลจนเกินเหตุ ! ลุกขึ้นมาปีนกำแพงตอนกลางดึก…จับตามองการเคลื่อนไหวของฝูงหมาป่าและจ่าฝูง ลำบากแล้ว !

เมื่อกลับถึงห้อง หลินเว่ยเว่ยก็เข้าไปอาบน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณและป้อนนมกวางให้กับลูกหมาป่าที่ยังลืมตาไม่ขึ้นอีกครั้ง…เมื่อคืนอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน นางจึงเอาตัวเจ้าลูกหมาไปไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณ อืม บางทีอาจเพราะเจ้าเทาสัมผัสได้ว่าอากาศจะเปลี่ยนแปลง มันจึงเอาลูกมาให้นางดูแลกระมัง ?

หลินเว่ยเว่ยนอนจนถึงตอนเที่ยงเพราะโดนเสียงเจ้าหนูน้อยปลุกให้ตื่นเสียก่อน

เจ้าหนูน้อยพยายามระงับความดีใจเอาไว้ เขาเรียกเสี่ยวร่างเบา ๆ “เสี่ยวร่าง เข้ามาเร็ว ! ในห้องพี่รองมีลูกหมาตัวสีดำด้วยล่ะ ! ”

เสี่ยวร่างทำเสียง ‘ชู่’ หนึ่งครั้ง “นายน้อย เบาเสียงหน่อย ประเดี๋ยวทำให้คุณหนูรองตื่นขอรับ ! ”

เจ้าหนูน้อยก็พูดทันที “นี่ข้าเบาเสียงมากแล้ว ไม่ทำให้พี่รองตื่นหรอก…อื่อ…เอ่อ…ท่านตื่นแล้วหรือ ? อ้อ อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกินข้าวเถิด ! ”

หลังกล่าวจบ เขาก็อุ้มลูกหมาออกมาแล้ววิ่งกลับมาที่ลานบ้านเพราะทำให้พี่รองตื่น ก้นน้อย ๆ ของเขาจะไม่ปลอดภัย !