ตอนที่ 302 ลูบลม

มู่เถาเยายื่นมือออกไปอยากลูบ

หมาป่าขาวอ้าปาก

ลู่จือฉินอดตะโกนไม่ได้ “เสี่ยวเยาเยา” นี่ไม่ใช่หมาป่าที่ผ่านการฝึกแบบในสวนสัตว์นะ

“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่มีทางกัดหนู”

แม้จะสื่อสารกันด้วยภาษาไม่ได้ แต่มู่เถาเยาก็รู้ว่ามันไม่มีเจตนาร้ายต่อเธอ

หมาป่าขาวแค่อยากงับนิ้วขาวเรียวยาวของมู่เถาเยาเบาๆ เพื่อแสดงความใกล้ชิด

มู่เถาเยายิ้ม รีบหยิบของฝากที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว ‘ยาเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย’

ป้อนให้หมาป่าขาวหนึ่งเม็ด พร้อมแบ่งให้พวกลูกหมาป่า

หมาป่ามีจำนวนเยอะมาก ไม่มีทางให้ได้ครบทุกตัว

เย่ว์จือกวง “เมื่อเทียบกับเสือหรือสิงโตที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ อันที่จริงหมาป่าก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร บางคนเอาคำไม่ดีอย่างโหดร้าย กระหายเลือด มาโยนให้หมาป่าที่เดิมเป็นสัตว์ที่ถือว่าเชื่องพอสมควร ทำให้ผู้คนเกิดความเข้าใจผิดว่าพวกมันพร้อมที่จะขย้ำทุกเมื่อ”

มู่เถาเยายิ้มพลางพูด “ในต่างประเทศยังมีหลายคนที่เลี้ยงหมาป่าเป็นสัตว์เลี้ยง พอเลี้ยงจนคุ้นเคยแล้ว มันสนิทกับคนไม่แพ้สุนัขทั่วไปเลย สิ่งที่ต่างกันคือ หมาป่าไม่ได้ยอมให้มนุษย์มากเท่าสุนัขทั่วไป ยังไงซะสุนัขทั่วไปก็ถูกมนุษย์ฝึกจนเชื่องนานแล้ว”

ลู่จือฉินพยักหน้าเห็นด้วย “แต่นั่นก็ต้องเลี้ยงจนเชื่องแล้วหรือไม่ก็เลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะใกล้ชิดพวกมันได้ อยู่กับพวกมันในระยะสิบเมตรได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”

ชาติที่แล้วกับชาตินี้เธอมักจะเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่าบ่อยๆ ใช่ว่าจะไม่เคยเจอหมาป่า

แม้เธอจะแสดงความเป็นมิตรอย่างเต็มที่ แต่หมาป่าก็ยังคงเอาแต่จ้องเธอไม่เข้าใกล้ แต่ก็ไม่โจมตี

เมื่อชาติก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอขึ้นเขาไปกับนายพรานท้องถิ่น ฆ่าหมูป่าตัวหนึ่งที่พอเห็นคนก็เข้ามาพุ่งชน

ต่อมาได้ใช้ดาบชำแหละหมูป่าเป็นชิ้นๆ เพื่อที่นายพรานจะได้เอาลงจากเขาได้สะดวก แต่กลับไม่คาดคิดว่ากลิ่นคาวเลือดรุนแรงได้ดึงดูดหมาป่าที่อยู่รอบๆ มาสิบกว่าตัว

เธอทำได้เพียงจ้องฝูงหมาป่าเขม็งเพื่อให้นายพรานค่อยๆ ถอยหนีออกไปก่อน หมาป่าก็ไม่ได้มีท่าทีจะโจมตีคนที่กำลังลงจากเขา แค่จ้องเธอกับเนื้อหมูป่าตรงเท้า จากนั้นก็ส่งเสียงเห่า

เธอรู้ว่านี่เป็นเสียงขับไล่สัตว์อื่นที่รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน

เพียงแต่เธอไม่ไป แต่จ้องพวกมันไว้ เรียกพวกมันมากินเนื้อ

สุดท้าย อาจเพราะหมาป่ามองออกว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ หรืออาจไม่กลัวเธอที่มีตัวคนเดียว จึงเข้ามากินเนื้อ

ปรากฏว่าพวกมันกินเสร็จก็ไป ไม่ให้เธอได้ลูบแม้แต่ขนสักเส้นเดียว…

เธอไม่คิดล่าหมาป่า ก็แค่อยากลองลูบดู

พอนึกถึงตรงนี้ ลู่จือฉินก็ยื่นมือออกไปอยากลูบหมาป่าเทาที่อยู่ข้างๆ

หมาป่าเบี่ยงหนี

เธอคว้าได้แต่ลม

มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงอดหัวเราะไม่ได้

หมาป่าเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ยากจริงๆ เลี้ยงให้เชื่องก็ไม่ง่าย

มู่เถาเยาอุ้มลูกหมาป่าสีขาวใส่อ้อมอกของลู่จือฉิน

เจ้าตัวน้อยส่งเสียงร้อง สองขาหน้าตะกุยแขนเสื้อของมู่เถาเยา ไม่ยินดีให้คนอื่นอุ้มแม้สักนิด

หัวใจที่แสนเข้มแข็งของลู่จือฉินชอกช้ำหน่อยๆ

แม้จะไม่บาดเจ็บสาหัส แต่กลับหยามเกียรติกันอย่างรุนแรง

เธอก็ไม่ได้ตัวเหม็นสักหน่อย ทำไมไม่ยอมให้อุ้มล่ะ!

เอ่อ ตัวมีกลิ่นเหงื่อหน่อยๆ อย่างไรเสียก็ไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้ว

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนจับเท้าของลูกหมาป่าขาว “เด็กดี ให้อาจารย์ฉันอุ้มหน่อยนะ”

เจ้าตัวน้อยร้องหนักกว่าเดิม

ลู่จือฉินทนไม่ไหว รีบเอาลูกหมาป่าให้มู่เถาเยา

พอเจ้าตัวน้อยไปอยู่ในอ้อมกอดของมู่เถาเยาก็หยุดร้อง

ลู่จือฉินหลุดขำ

เย่ว์จือกวง “รู้ว่าหมาป่าไม่ชอบคนแปลกหน้า คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์เวลาเจอหมาป่าก็จะเลี่ยงไปให้ไกล”

ไม่ได้กลัวว่าจะถูกกัด แต่เอาใจใส่และใจกว้างกับพวกมัน

ในความเป็นจริง หมาป่าไม่มีทางทำร้ายคนก่อน

ลู่จือฉิน “คงมีแค่คนตระกูลเย่ว์อย่างพวกเธอที่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้”

มู่เถาเยาพูดติดตลก “บรรพบุรุษของพวกหนูอาจเป็นเทพธิดาจริงๆ ก็ได้ค่ะ”

เทพธิดาที่แสนงดงามในตำนานเรื่องเงาหมาป่าเสียงแห่งจันทราได้กลายมาเป็นภรรยาของราชาหมาป่าขาว

ลู่จือฉินทำเป็นเออออไปด้วย “เป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเยาเยาจะสวยน่ารักแบบนี้เหรอ”บราวนี่ออนไลน์

สองพี่น้องต่างหัวเราะคำพูดของลู่จือฉิน

ฝูงหมาป่าราวกับสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของพวกเขา หมาป่าขาวส่งเสียงร้อง หมาป่าตัวอื่นๆ ก็ร้องตาม รวมถึงพวกลูกหมาป่าด้วย

มู่เถาเยาวางหมาป่าน้อยสีขาวลง ปล่อยมันกลับไปอยู่ข้างหมาป่าขาวตัวใหญ่

เจ้าตัวน้อยกลับตะกุยขากางเกงมู่เถาเยา ให้ตายก็ไม่ยอมไป ทั้งยังคิดจะปีนขาเธอด้วย

อุ๊บ…

ลู่จือฉินอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“เสี่ยวเยาเยา เจ้าตัวนี้เหมือนเด็กจริงๆ นะ”

“นั่นสิคะ”

มู่เถาเยาหมั่นเขี้ยวเจ้าหมาป่าน้อยไม่ไหว อดไม่อุ้มไม่ได้

ไม่ใช่แค่เด็กทารกเท่านั้นที่น่ารัก พวกลูกสัตว์ตัวน้อยก็น่ารักไม่แพ้กัน

“ถ้าเป็นไปได้ หนูอยากเอามันกลับไปเลี้ยงที่บ้านด้วย หนูเข้าเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวตั้งแต่เด็ก แต่กลับไม่เคยเจอฝูงหมาป่าเลยค่ะ”

ลู่จือฉินยิ้มพูด “เป็นไปได้ว่าอาณาเขตของหมาป่าในป่าเซียนโหยวจะอยู่ใกล้รอยต่อป่าพิษหมาป่า หมาป่าของทั้งสองฝั่งอาจเป็นมิตรกัน หมาป่าที่อยู่ตรงนี้ก็อาจมาจากฝั่งนู้นก็ได้…เอ๊ะ…บางทีมันอาจจะแต่งงานข้ามเผ่ากันก็ได้นะ”

เย่ว์จือกวงส่ายหน้า “มีความเป็นไปได้ไม่เยอะครับ หมาป่าเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยเอาพวกอื่น”

“ก็จริง”

สัตว์มีความตระหนักเรื่องอาณาเขตสูงมาก ส่วนน้อยที่จะข้ามเขตกัน ไม่อย่างนั้นกรณีไม่รุนแรงก็แค่ขับไล่ ถ้าหนักก็ต้องตายกันไปข้าง

ไม่เว้นแม้แต่สัตว์ชนิดเดียวกัน

หมาป่าขาวตัวใหญ่มองในเข่งเล็กที่เมื่อครู่มู่เถาเยาวางลงเพราะถือกล่องยาใบน้อย จากนั้นมันก็ส่งเสียงร้อง

“มีอะไรเหรอ อยากกินยาอีกเหรอ ไม่มีแล้ว ไว้กลับไปฉันจะทำเพิ่มให้พี่รองเอามาส่งนะ”

หมาป่าขาวตัวใหญ่อยากกินอีกจริงๆ

พอยาลงท้องมันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นของดี

ครอบครัวของมัน รวมถึงพวกเด็กๆ ในฝูงหมาป่าก็ต้องการ

ราชาหมาป่าขาวส่งเสียงร้องใส่มู่เถาเยาสองที หันหน้าไป วิ่งขึ้นหน้าไม่กี่ก้าวแล้วหันกลับมาอีก

พวกมู่เถาเยาเข้าใจความหมายของมัน

เรียกให้พวกเขาตามไปสินะ

เย่ว์จือกวงยกเข่งของน้องสาวสุดที่รักขึ้นมา “เสี่ยวเยาเยา พวกเราลองตามพวกมันไปดู อาจเจอของดีก็ได้”

ครั้งก่อนบนเขายอดหมาป่าพอตามหมาป่าไปก็เจอดอกจื่อตัน

ดวงตาของมู่เถาเยาเปล่งประกาย “แม้หมาป่าจะไม่ใช่สัตว์โอสถ[1] แต่ประสาทสัมผัสการรับกลิ่นของพวกมันก็ไวกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ ราชาหมาป่ากินยาเข้าไปย่อมจำกลิ่นแบบนี้ได้…บางทีมันอาจพาเราไปเจอดอกจื่อตันอีกก็ได้ค่ะ”

กลิ่นของสมุนไพรอื่นๆ เมื่อถูกทำเป็นยาแล้วจะแตกต่างออกไปมาก มีแค่ดอกจื่อตันที่ยังคงกลิ่นไว้ไม่ต่างกันมากเมื่อทำเป็นยาเม็ดแล้ว

เธอไม่มีทางรังเกียจที่จะมีดอกจื่อตันเยอะๆ! อย่างไรเสียในบ้านก็มีคนเรียนวรยุทธ์ตั้งเยอะ!

ไม่พูดถึงคนอื่น เอาแค่ตัวเธอก็ตื่นเต้นมากแล้ว

หลังจากทำเป็นยาเธอจะกินหนึ่งเม็ดแน่นอน ไม่เพียงแต่กำลังภายในจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว หลังจากนั้นยังจะเพิ่มเร็วด้วย ไม่ต้องเปลืองแรงให้มาก!

ลู่จือฉินเลิกคิ้ว ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา ยิ่งคาดหวังสูงก็จะผิดหวังหนักนะ”

จะคาดหวังว่าจะโชคดีทุกครั้งไม่ได้

“อาจารย์คะ หนูรู้ค่ะ” มีก็ดีใจ ไม่มีก็ไม่มีทางเศร้าหนัก

“อืม งั้นพวกเราลองตามไปดูกัน”

“ไปค่ะ”

ราชาหมาป่าขาวเห็นทั้งสามคนขยับก็หันกลับไปวิ่งต่อ

ฝูงหมาป่าก็วิ่งตาม

เนื่องจากมีพวกลูกหมาป่าด้วย ฝูงหมาป่าจึงไม่ได้วิ่งเร็วนัก

พวกมู่เถาเยาก็วิ่งตามแบบสบายๆ ไม่ได้ใช้วิชาตัวเบาเลยสักนิด วิ่งตามปกติ

[1] สัตว์วิเศษในตำนานที่ตามหาสมุนไพรได้