ตอนที่ 233 ลอบสังหาร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 233 ลอบสังหาร
ฟางเหล่าพยักหน้า น้ำเสียงมั่นใจ “เช่นนี้ ซีเหลียงจะได้ป่าวประกาศกับทุกแคว้นว่าต้าจิ้นของเราใจกล้าถึงขนาดลอบสังหารคณะทูตของซีเหลียง ทั้งๆ ที่สองแคว้นยังไม่ได้ลงนามทำสัญญาสงบศึกกันเพียงเพื่อระบายความโกรธ เช่นนี้ซีเหลียงจะได้มีข้ออ้างขอความช่วยเหลือจากแคว้นอื่นๆ จากนั้นเปิดศึกกับต้าจิ้นของเราอีกครั้ง!”

“ที่ฟางเหล่ากล่าวมาก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…” แม่ทัพจางตวนรุ่ยพยักหน้า

“ทว่า ในเมื่อซีเหลียงลงนามสงบศึกกับต้าจิ้นแล้ว เหตุใดซีเหลียงยังต้องทำเช่นนี้อีก คงมิใช่เพราะต้องการใส่ร้ายว่าต้าจิ้นไม่พอใจในข้อตกลงระหว่างสองแคว้น หลังทำสัญญาเสร็จจึงลอบส่งคนไปสังหาร

เหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงเพื่อระบายความโกรธหรอกกระมัง” แม่ทัพเจินเจ๋อผิงคิดไม่ตก “แคว้นเราคือผู้ชนะศึก หากไม่พอใจในข้อตกลง ทำศึกต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว ผู้ใดจะเชื่อว่าแคว้นที่ชนะศึกจะทำเรื่องที่อ้อมค้อมเช่นนี้กัน!”

“เช่นนั้นเขาคงต้องการใช้บาดแผลในครั้งนี้เป็นข้ออ้างยุติเรื่องนี้ลงกระมัง” ฟางเหล่ากล่าวออกมาช้าๆ

ทุกคนถกเถียงเรื่องนี้กันในกระโจมขององค์รัชทายาทอย่างดุเดือด ทว่า ไป๋ชิงเหยียนและแม่ทัพของกองทัพไป๋ทุกคนล้วนรู้เรื่องนี้ดี ทุกคนต่างเม้มปากสนิท

ฉินซ่างจื้อ ฟางเหล่าและบรรดาแม่ทัพจางตวนรุ่ยถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างไม่หยุดหย่อน ไป๋ชิงเหยียนยืนฟังอย่างสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง ครุ่นคิดจุดประสงค์ที่หลี่จือเจี๋ยมาในครั้งนี้อย่างถี่ถ้วน

หญิงสาวคิดว่าหลี่จือเจี๋ยคงไม่กล้าบอกความจริงกับองค์รัชทายาทแน่นอนว่าทหารค่ายหู่อิงและทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งบุกไปยังชิวซานกวนเพื่อช่วยเหลือไป๋ชิงอวิ๋นซึ่งอยู่ในกำมือของเขา

ต่อให้หลี่จือเจี๋ยสารภาพเรื่องนี้ออกมามันก็สายเกินไปแล้ว ตอนเจรจาเมื่อวานเขาไม่ยอมแพร่งพรายเรื่องคุณชายตระกูลไป๋ แต่วันนี้กลับสารภาพออกมา องค์รัชทายาทซึ่งเป็นคนขี้หวาดระแวงจะคิดเช่นไรกัน! พระองค์ต้องคิดว่าซีเหลียงต้องการปัดความรับผิดชอบว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทหารหน่วยกล้าตายที่แต่งชุดของต้าจิ้น จากนั้นจงใจยุแยงให้จักรพรรดิหวาดระแวงในตัวขุนนาง!

“พวกเราคาดเดาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดหรอก ไปพบเหยียนอ๋องพร้อมกับองค์รัชทายาทดีกว่า เช่นนี้จะได้รู้กันไปเลยว่าเขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่!” แม่ทัพจางตวนรุ่ยกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น

“แม่ทัพจางกล่าวถูกต้องแล้ว คาดเดาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด เหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงรออยู่ที่หน้าค่ายแล้ว ไปพบก็รู้เอง เหตุใดต้องมานั่งคาดเดากันเช่นนี้ด้วย!”

องค์รัชทายาทที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยคลุมเสื้อคลุมกันลมตัวหนาเดินออกมาจากกระโจม ทุกคนรีบทำความเคารพทันที

“ไม่ต้องมากพิธี ไปดูก่อนเถิดว่าเหยียนอ๋องต้องการทำสิ่งใดกันแน่!”

องค์รัชทายาทเดินนำทุกคนไปยังหน้าค่ายทหาร ดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่ต้องการเชิญเหยียนอ๋อง

หลี่จือเจี๋ยเข้ามาในค่าย

ไป๋ชิงเหยียนเดินก้มหน้าตามหลังองค์รัชทายาทไปยังหน้าค่ายทหาร

บัดนี้องค์รัชทายาทไม่มีความรู้สึกดีๆ หลงเหลือให้หลี่จือเจี๋ยอีกแล้ว ขุนนางที่เป็นตัวแทนเจรจาของแคว้นที่พ่ายแพ้แคว้นใดบ้างกล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมขณะเจรจาสงบศึกมากเท่านี้ เขาแทบไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจเลยด้วยซ้ำ

ประตูหน้าค่ายทหารค่อยๆ เปิดออก หลี่จือเจี๋ยที่มีเสื้อคลุมกันลมสีดำคลุมกายอยู่เงยหน้าขึ้น เขาถูกลู่เทียนจัวประคองเดินไปหยุดอยู่หน้าค่ายทหาร ชายหนุ่มรีบทำความเคารพก่อนที่องค์รัชทายาทจะเดินออกมานอกค่ายด้วยซ้ำ ท่าทีของเขานอบน้อมเป็นอย่างมาก

ท่าทีของหลี่จือเจี๋ยทำให้องค์รัชทายาทคลายความหงุดหงิดลงเล็กน้อย มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังขององค์รัชทายาทกระชับแน่น เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “เหยียนอ๋องมาที่ค่ายทหารของต้าจิ้นทั้งๆ ที่เลือดท่วมกายเช่นนี้ต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่”

หลี่จือเจี๋ยถูกลู่เทียนจัวประคองให้ลุกขึ้น เขาไม่ได้ตอบคำถามองค์รัชทายาท สายตาหยุดอยู่ที่

ไป๋ชิงเหยียน ซ่อนความคมกริบไว้ในดวงตาสีดอกท้อของตัวเอง แสร้งทำเป็นโมโห

“แม่ทัพไป๋ ข้ามีความแค้นอันใดกับท่านนักหนา แม่ทัพไป๋จึงนำทหารกล้าของค่ายหู่อิงและทหารยอดฝีมือเดนตายเหล่านี้มาลอบสังหารข้าทั้งๆ ที่ทั้งสองแคว้นเพิ่งลงนามทำสัญญาสงบศึกกันได้ไม่นานเช่นนี้”

หลี่จือเจี๋ยชี้ไปยังศพของทหารที่อยู่บนรถม้า คิดว่าจะทำให้ไป๋ชิงเหยียนตั้งตัวไม่ทัน

ใจของแม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อกระตุกวูบ เขาขบกรามพลางกำดาบที่แขวนอยู่ที่เอวของตัวเองแน่น

ทว่า เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินสิ่งที่หลี่จือเจี๋ยกล่าวออกมา นางรู้สึกคลายกังวลลงมาก

หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ “ที่แท้…เหยียนอ๋องทำให้เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้เพราะต้องการพุ่งเป้ามาที่ข้าอย่างนั้นหรือ”

ดวงตาดุดันขององค์รัชทายาทหรี่ลงเล็กน้อย กวาดสายตามองไปที่ศพของทหารค่ายหู่อิงและทหารที่แต่งกายด้วยชุดของต้าจิ้น จากนั้นหันไปสบตากับไป๋ชิงเหยียนที่อมยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย

หญิงสาวยิ้มให้องค์รัชทายาทน้อยๆ ราวกับต้องการจะสื่อกับองค์รัชทายาทว่าอย่างเพิ่งโมโห ให้ฟังในสิ่งที่หลี่จือเจี๋ยต้องการจะกล่าวก่อน

องค์รัชทายาทลูบมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลัง รู้สึกเหมือนจะเดาได้แล้วว่าหลี่จือเจี๋ยต้องการจะทำสิ่งใด เขาเบนสายตากลับ “เหยียนอ๋องหมายความว่าแม่ทัพไป๋พาทหารค่ายหู่อิง…และทหารเดนตายที่แต่งกายชุดของต้าจิ้นไปลอบสังหารท่านอย่างนั้นหรือ”

หลี่จือเจี๋ยมองเห็นไป๋ชิงเหยียนและองค์รัชทายาทลอบส่งสายตาให้กัน เขาเริ่มไม่มีความมั่นใจ แต่ทำได้เพียงกล่าวอย่างยืนกราน “คงมีคนไม่อยากให้สองแคว้นทำสัญญาสงบศึกกัน กลัวว่าหากทั้งสองแคว้นยุติสงคราม อาจโดนยึดตราทัพคืนจนสูญเสียอำนาจทางทหารไป ดังนั้นจึงพาทหารยอดฝีมือของค่ายหู่อิงและทหารเดนตายเหล่านี้ไปจัดฉากแสร้งทำเป็นลอบสังหารข้า มิเช่นนั้น ด้วยฝีมือการยิงธนูเซ่อรื้อของแม่ทัพไป๋ ข้าจะรอดชีวิตจากเงื้อมือของแม่ทัพไป๋ได้อย่างไรกัน เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่…แม่ทัพไป๋”

ไป๋ชิงเหยียนเอาแต่ยิ้มไม่ได้กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น หลี่จือเจี๋ยต้องการจะสื่อว่านางกลัวสูญเสียอำนาจทางทหารจึงไม่อยากให้สงครามยุติ จงใจพาทหารค่ายหู่อิงไปจัดฉากสังหารเขาอย่างนั้นหรือ

ดูเหมือนว่าหลี่จือเจี๋ยต้องการสร้างความบาดหมางระหว่างนางกับองค์รัชทายาท ให้องค์รัชทายาทเข้าใจว่านางอยากควบคุมอำนาจทางทหารโดยไม่สนผลประโยชน์ของแคว้น แม้กระทั่งเริ่มไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์รัชทายาท หวังทำให้กองทัพต้าจิ้นสูญเสียในระหว่างทำสงครามเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กองทัพไป๋

ทว่า ช่างบังเอิญเสียจริง ก่อนที่นางจะพาทหารค่ายหู่อิงเดินทางไปยังชิวซานกวน นางคืนตราทัพให้องค์รัชทายาทโดยไม่คิดถ่วงเวลาเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อเขา นึกไม่ถึงเลยว่าหลี่จือเจี๋ยจะเอ่ยถึงตราทัพขึ้นมาเช่นนี้

เหมือนจะเป็นโชคดีของนาง เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงคงมีเจตนาที่จะยุยงให้องค์รัชทายาทหวาดระแวงในตัวแม่ทัพที่เอาชนะซีเหลียงได้ ดังนั้นเขาจึงเปิดเผยเจตนารมณ์ในการยุแยงให้จักรพรรดิของต้าจิ้นหวาดระแวงตัวขุนนางออกมาเช่นนี้

“คำกล่าวของเหยียนอ๋องต้องการจะยุแยงให้จักรพรรดิและขุนนางในแคว้นต้าจิ้นผิดใจกันเองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาเป็นประกายร้อนแรงของแม่ทัพจางตวนรุ่ยจ้องไปยังเหยียนอ๋องนิ่งๆ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

บัดนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์รัชทายาท บรรดาที่ปรึกษาอย่างฟางเหล่า ฉินซ่างจื้อหรือแม้แต่บรรดาแม่ทัพอย่างจางตวนรุ่ยล้วนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเหยียนอ๋องจึงนำศพทหารของค่ายหู่อิงและทหารหน่วยกล้าตายเหล่านี้มาที่ค่ายทหารของต้าจิ้นแล้ว

หากก่อนหน้านี้ที่หลี่จือเจี๋ยเอาแต่บ่ายเบี่ยงเลื่อนวันการเจรจาสงบศึกออกไป เขาทำเพื่อต้องการจัดฉากการลอบสังหารคณะทูตของซีเหลียงแล้วโยนความผิดให้ต้าจิ้น ซีเหลียงจะได้มีข้ออ้างขอความช่วยเหลือจากแคว้นอื่นๆ เพื่อบุกโจมตีต้าจิ้นอีกครั้ง

เช่นนั้นบัดนี้ หลังจากที่สายลับที่เหยียนอ๋องจัดหามาถูกไป๋ชิงเหยียนที่นำทหารค่ายหู่อิงไปสอดแนม

ที่ชิวซานกวนตามคำสั่งขององค์รัชทายาทจับได้ หลี่จือเจี๋ยจึงเล่นไปตามน้ำ รีบมาที่ค่ายทหารของต้าจิ้นทั้งๆ ที่ ตัวเองได้รับบาดเจ็บเพื่อกล่าวโทษก่อน คงอยากจะใช้เรื่องนี้ยุแยงให้แคว้นต้าจิ้นหวาดระแวงกันเอง

ไป๋ชิงเหยียนเป็นผู้ที่มีความดีความชอบมากที่สุดในการทำศึกจนชนะซีเหลียงในครั้งนี้ ซีเหลียงย่อมหวาดกลัวในตัวแม่ทัพที่เก่งกาจเช่นนี้เป็นธรรมดา เขาจงใจยุแยงก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว

ทว่า คนกำหนดไม่เท่าฟ้าลิขิต องค์รัชทายาทรู้ดีแก่ใจว่าไป๋ชิงเหยียนไม่เพียงมอบตราทัพคืนให้เขาตั้งแต่ลงนามในสัญญาเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนยังสารภาพกับเขาอย่างจริงใจว่านางร่างกายไม่แข็งแรง ไม่อาจควบคุมกองทัพไป๋ได้ นางมอบกองทัพไป๋ให้แก่เขา และยังช่วยวางแผนการฝึกฝนทหารไว้ให้เขาเรียกใช้ในภายภาคหน้าอีกด้วย

คนเช่นนี้จะเป็นคนถ่อย สนใจแต่อำนาจทางทหารโดยไม่สนใจผลประโยชน์ของบ้านเมืองตัวเองดังที่

หลี่จือเจี๋ยกล่าวหาได้อย่างไรกัน!