ตอนที่ 308 อดีตสามีผู้พิการ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 308 อดีตสามีผู้พิการ

ตอนที่ 308 อดีตสามีผู้พิการ

เซี่ยไห่ระเบิดความขุ่นเคืองด้วยการเปิดปากสั่งสอนถังหลิงอย่างไร้ปรานี จนถังหลิงไม่อาจตอบโต้ได้ ใบหน้าของหล่อนบิดเบี้ยวอย่างขมขื่นก่อนจะผลักไสเซี่ยไห่ออกไป และคิดจะกลับไปที่ร้านอีกครั้ง

แต่เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยยืนอยู่บนบันไดพร้อมกับจ้องมองหล่อนราวเจอสัตว์ประหลาด

“เสี่ยวเหมย หลีกไป”

เพราะทางบันไดในร้านค่อนข้างแคบ และมีเสิ่นเสี่ยวเหมยยืนกีดขวางเอาไว้ ทั้งยังมีผู้คนเข้ามารุมล้อมเพื่อรับชอบความสนุกสนานมากมาย เหล่านี้กลายเป็นสิ่งกีดขวางของถังหลิงอย่างช่วยไม่ได้

เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย

หล่อนมองถังหลิงตรงหน้าก่อนจะถามช้า ๆ “พี่หลิง คุณแต่งงานและมีลูกแล้วจริงเหรอ? แล้วคุณก็เอาเงินจากอดีตสามีมาด้วยจริงไหม?”

ข้อมูลที่เพิ่งได้ยินนี้เป็นเรื่องใหญ่โตที่ทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยถึงกับตั้งรับไม่ทัน

ถังหลิงเป็นหญิงแกร่งที่หล่อนชื่นชมเสมอมา แต่เวลานี้อีกฝ่ายกลับกลายเป็นหญิงใจร้ายและไร้คุณธรรม แสร้งทำตัวเก่งกาจแต่กลับไม่มีความสามารถในการหาเงิน ความร่ำรวยทั้งหมดที่มีในเวลานี้ได้รับมาจากการฉ้อโกงผู้อื่น

อีกทั้งหล่อนยังเคยให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคน และทอดทิ้งเขา

ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนั้น?

เสิ่นเสี่ยวเหมยนึกถึงถ้อยคำที่หลินเซี่ยบอกกล่าวเกี่ยวกับถังหลิน เวลานั้นในใจพลันตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงได้ทันที

ก่อนหน้านี้ ถังหลิงกระตือรือร้นที่จะเข้าหาหล่อนเสมอมา หากมองผ่าน ๆ จะพบว่าหล่อนกำลังช่วยเหลือตนในการจัดการกับหลินเซี่ย แต่หลังจากตรองดูให้ดีแล้ว หล่อนเพียงใช้ตนเป็นเครื่องมือเท่านั้น

เพราะตัวหล่อนไม่เคยคิดที่จะใช้การตั้งครรภ์มาหลอกลวงหลินเซี่ยเลย สุดท้ายแล้วทั้งหมดคือความคิดของถังหลิง

และยังมีอีกหลายอย่างที่ถังหลิงเป็นคนคิดริเริ่มจะลงมือ ไม่รู้เลยว่าหล่อนคิดเรื่องแบบนั้นได้โดยตั้งใจหรือไม่

หลังจากมาถึงขั้นตอนหย่าร้าง คราวนั้นถังหลิงบอกว่าจะไปหาเฉินเจียซิ่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายไปปฏิบัติตามแผนอย่างไร เขาถึงได้ตีตัวออกห่างและหลีกเลี่ยงหล่อนเสมอมา

หลิวลี่ลี่บอกว่าถังหลิงไปที่ร้านของหลินเซี่ยบ่อยครั้งเพื่อแสดงความเป็นมิตร

เสิ่นเสี่ยวเหมยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เวลานี้สายตาที่มองถังหลิงจึงเต็มไปด้วยความเย็นชา

หลิวลี่ลี่ยังไม่ได้รับเงินเดือนของเดือนนี้ และในสายตาของอีกฝ่าย ถังหลิงเป็นเจ้านาย และเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับหล่อน

สายตาของหล่อนจึงจดจ้องอยู่ที่ถังหลิงโดยไม่รู้ตัว

“อาเสี่ยวเหมย อย่าฟังคำของหลินเซี่ยเลยค่ะ พี่หลิงเก่งมาก หล่อนไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน”

เสิ่นเสี่ยวเหมยขยับให้หลิวลี่ลี่ออกไป ก่อนจะจ้องมองถังหลิงโดยตรง “ถังหลิง บอกฉันมาสิว่าที่หลินเซี่ยพูดเป็นความจริงไหม?”

“เสี่ยวเหมย เราไปที่ร้านกันก่อนดีกว่า”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเองไม่ยอมเคลื่อนไหว ปฏิเสธที่จะเดินและพูดขึ้นว่า “พูดกันตรงนี้แหละ”

ถังหลิงไม่คิดมาก่อนว่าคนโง่เขลาเช่นเสิ่นเสี่ยวเหมยจะต่อต้านหล่อนในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อีกทั้งยังยืนกรานจะพูดคุยต่อหน้าคนมากมายด้วย

แน่นอนว่าหล่อนต้องไม่ยอมรับภายใต้สีหน้ายิ้มแย้ม

ขณะนั้นด้านนอกฝูงชน หญิงชราคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งประสบการณ์ก็เดินเข้ามา สายตานางจ้องมองคนหนุ่มสาวที่ยืนเบียดเสียดกันในสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยปากถามเสียงดังว่า

“สวัสดีทุกคน คนที่ชื่อถังหลิงเปิดร้านอยู่ที่นี่ไหม?”

ลู่เจิ้งอวี่และหลินจินซานเขย่งเท้าอยู่ด้านหลังเพื่อรับชมความตื่นเต้น เดิมทีหลินจินซานต้องการที่จะช่วยเหลือน้องสาวของตน แต่เมื่อได้ยินคนถามหาถังหลิง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันมองด้วยความสงสัย

ก่อนพบว่าเป็นหญิงชราอายุราว 60 ปีกำลังเข็นรถวีลแชร์เข้ามา ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นมีใบหน้าหดหู่และแววตาโศกเศร้า ด้านข้างของเขาเป็นเด็กชายตัวน้อยอายุราว 4 ขวบ

หลินจินซานมองพวกเขาทั้งหมด ก่อนจะเอ่ยปากถาม “พวกคุณมาหาถังหลิงเหรอครับ?”

หญิงชราตอบกลับ “ใช่ ฉันมาตามหาถังหลิง ถังหลิงอยู่ที่นี่ไหม? แล้วคุณรู้จักหล่อนไหม?”

นางเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกันอยู่ด้านหน้า และไม่ทราบเลยว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ อีกทั้งไม่เห็นป้ายร้านเสริมสวยที่คนบอกกล่าวก่อนหน้า จึงค่อนข้างกังวลว่าจะมาผิดที่

หลินจินซานเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นหญิงชราและชายบนรถเข็นเขาก็จดจำได้ถึงถ้อยคำที่หลินเซี่ยเคยบอกกล่าว อดีตสามีของถังหลิงเป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และหล่อนทิ้งสามีพร้อมลูกชายอย่างไม่ใยดี ดวงตาก็กลอกไปมาก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก

เขามองผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นก่อนจะกล่าวออกด้วยสีหน้าใคร่รู้ “คุณคืออดีตสามีที่ถังหลิงทิ้งมาใช่ไหมครับ?”

ชายนั่งรถเข็นไม่ตอบ แต่หญิงชรากลับตอบแทนพร้อมกับเผยความขุ่นเคืองผ่านน้ำเสียง “ใช่! ไม่เพียงแต่ทิ้งลูกชายของฉัน แต่หล่อนยังทอดทิ้งลูกของตัวเองได้ลงคอด้วย!”

“คุณป้าไม่ต้องกังวลนะครับ หล่อนอยู่ที่นี่จริง ๆ”

หลินจินซานเข้าไปช่วยเข็นรถเข็นด้วยความกระตือรือร้นก่อนจะตะโกนว่า

“ทุกคนครับช่วยหลีกทางหน่อย มีพี่ใหญ่นั่งรถเข็นขอผ่านทางครับ”

ฝูงชนทั้งหมดแหวกทางออก

หลินจินซานผลักรถเข็นไปเคลื่อนไปด้านหน้า

ถังหลิงพยายามบอกกล่าวให้เสิ่นเสี่ยวเหมยหลีกทาง และคิดจะหลบเข้าไปในร้าน

แต่จู่ ๆ กลับมีเสียงหนึ่งเรียกให้หล่อนหยุดการกระทำ

ทันทีที่หญิงชราเห็นถังหลิงอยู่ตรงหน้า นางก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ถังหลิง ในที่สุดเราก็ได้พบแกสักที!”

ถังหลิงได้ยินเสียงคุ้นเคยนั้นจึงหันหลังกลับมาโดยไม่รู้ตัว

ชายบนรถเข็นสบตากับถังหลิง มือที่วางบนที่พักแขนของรถเข็นกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

ถังหลิงเผยสีหน้าหวาดผวาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขาชัดเจน เท้าของหล่อนเริ่มขยับและพยายามจะแทรกตัวผ่านทางบันได

แต่ว่ามันสายเกินไปแล้ว

หญิงชราวิ่งเข้ามาพร้อมคว้าเด็กชายให้เข้าหาหล่อนด้วย “ถังหลิง รู้ไหมว่าพวกเราต้องลำบากแค่ไหนว่าจะหาแกเจอ”

หญิงชราผลักเด็กชายให้กับถังหลิงก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวจวิน เรียกแม่เสียสิ”

เด็กชายคนนี้มีร่างกายผอมแห้งคล้ายขาดแคลเซียม ศีรษะของเขาโตผิดปกติจนคล้ายกับหัวไชเท้าน้อย

เขามองผู้หญิงที่แต่งตัวสวยตรงหน้าด้วยความเขินอายก่อนจะอ้าปากร้องเรียกแม่

“พวกคุณ….”

ถังหลิงมองพวกเขาทั้งหมด คล้ายว่าโลกทั้งใบหยุดนิ่ง ทั้งสับสนและไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่

ใครกันที่พาพวกเขามา?

หล่อนหันมองหลินเซี่ยที่กำลังจะเดินผ่านไป แต่แล้วก็หยุดฝีเท้าเพื่อรับชมความสนุกสนาน

คงจะเป็นหลินเซี่ยนังหญิงใจทรามนั่นแน่ๆ

ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริง ๆ เพราะรู้ถึงอดีตทุกอย่างของหล่อน

หญิงชราคว้าแขนของถังหลิงอย่างโกรธเกรี้ยว “ถังหลิง ฉันรู้ว่าแกหย่ากับลูกชายของฉันแล้ว แต่แกจะละเลยเด็กคนนี้ไม่ได้ เขาคือเลือดเนื้อของแกด้วยเหมือนกัน ตอนที่แกทิ้งลูกชายพร้อมเอาทรัพย์สินทั้งหมดในครอบครัวของพวกเราไป ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพวกเราต้องเผชิญกับความลำบากแร้นแค้น!

ปู่ของเสี่ยวจวินตายเมื่อปีที่แล้ว ส่วนฉันก็แก่มากแล้ว และยังต้องดูแลลูกชายที่พิการ พอฉันต้องทำงานหนัก สุขภาพของฉันก็แย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งโรคข้ออักเสบกำเริบบ่อยครั้ง และพาลูกชายออกจากบ้านเพื่อไปพบเจอแสงแดดไม่ได้ ฉันหมดปัญญาที่จะรักษาเขา จนกระทั่งได้ยินมาว่ามีแพทย์แผนจีนชื่อเฒ่าเย่ในเมืองไห่เฉิงที่มีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยม ดังนั้นฉันขอให้แกคืนเงินและเครื่องประดับทั้งหมดให้กับพวกเรา ฉันต้องใช้เงินพวกนั้นเพื่อไปรักษาอาการป่วยของลูกชาย”

ถังหลิงถอยออกห่างจากพวกเขาหนึ่งก้าวก่อนจะกล่าวออกมาอย่างโง่เขลา “ฉันไม่รู้จักพวกคุณ”

“ไม่รู้จักเหรอ? นี่คือรูปถ่ายของแก แต่แกกล้าพูดว่าไม่รู้จักพวกเรางั้นเหรอ?” ดูเหมือนว่าหญิงชราจะเตรียมพร้อมจริง ๆ นางหยิบรูปถ่ายของถังหลิงและชายนั่งรถเข็นออกมาจากถุงในมือ

รูปนี้ถ่ายในร้านถ่ายภาพ ขนาดของมันค่อนข้างใหญ่ และหญิงชราก็ยกมันสูงขึ้นเพื่อให้คนรอบข้างมองเห็นได้ชัดเจน

ผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างชายคนนั้นคือถังหลิงไม่ผิดเพี้ยน

เวลานี้ใบหน้าของถังหลิงกลายเป็นหนาวเหน็บ หล่อนไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป

“เราหย่ากันแล้ว และทุกกระบวนการก็จบสิ้นแล้ว ฉันไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณอีกต่อไป ส่วนลูกเป็นสิ่งที่พวกคุณต่อสู้เพื่อแย่งชิงไปจากฉัน แต่ตอนนี้กลับพาเขามาสร้างปัญหาให้ฉันอีกครั้ง มันหมายความว่าอะไร? ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ต้องการให้ฉันมีชีวิตที่ดีใช่ไหม?”

หญิงชราตอบกลับทันควัน “ใช่ เด็กคนนี้คือสิ่งที่เราพยายามจะเก็บเอาไว้ เพราะลูกชายของฉันประสบอุบัติเหตุและขาของเขาพิการ เขาจะไม่สามารถแต่งงานหรือมีลูกได้อีก เสี่ยวจวินเป็นลูกชายคนเดียวในตระกูลของฉัน หากแกต้องการหย่าร้างและพาเขาไปด้วย พวกเราก็จะต่อสู้เพื่อขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเขาแน่นอน!

ฉันเข้าใจแล้วว่าแกจงใจใช้เด็กคนนี้ข่มขู่พวกเรา เพราะแกรู้ดีว่าเสี่ยวจวินคือจุดอ่อนของเรา และแกก็ไม่คิดจะพาเขาไปจริง ๆ!”

“ทุกคนโปรดช่วยตัดสินใจด้วย ลูกชายของฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน และถังหลิงบอกว่าหล่อนจะออกจากบ้านพร้อมกับลูกชาย ฉันคุกเข่าขอร้องอ้อนวอน แต่หล่อนบอกเสียงแข็งว่าชีวิตลูกชายของฉันจบสิ้นแล้ว หล่อนไม่มีวันจะทิ้งทั้งชีวิตของหล่อนเพื่ออยู่กับคนพิการได้

เพราะเหตุผลนั้นลูกชายของฉันจึงยอมตกลงที่จะหย่าร้าง และสิ่งที่พวกเราขอก็คือให้เด็กชายอยู่กับเรา เพราะเด็กคือความหวังเดียวของพวกเรา

สุดท้ายหล่อนบอกว่าหากต้องการให้หล่อนสละสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็ก เราต้องจ่ายเงินหนึ่งแสนหยวนให้หล่อน ไม่อย่างนั้นก็ให้เราไปฟ้องร้องต่อศาลเอาเอง และแน่นอนว่าในกรณีของลูกชายฉัน ต่อให้ฟ้องร้องกันในศาลก็ต้องพ่ายแพ้ เด็กจะกลายเป็นของหล่อนทันที ฉันกับสามีต่างเป็นคนที่เกษียณอายุงานแล้ว พวกเราจึงต้องถอนเงินบำนาญที่เก็บออมไว้กว่าครึ่งชีวิตออกมา รวมกับค่าชดเชยที่ได้รับจากการประสบอุบัติเหตุ ทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งแสนหยวนที่มอบให้หล่อน”

หนึ่งแสนหยวน?

ฝูงชนทั้งหมดสูดลมหายใจพร้อมกัน

หนึ่งแสนหยวนนั้นมากมายเท่าใดกัน?

พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงมันได้ด้วยซ้ำ

พวกเขาทั้งหมดเป็นคนงาน และได้รับเงินเดือนเพียง 100 หยวนต่อเดือนเท่านั้น ต่อให้ไม่กินและดื่มเป็นหลายสิบปีเพื่ออดออม ก็ไม่มีวันที่จะได้รับเงินมากมายขนาดนั้นได้

และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากครอบครัวใดมีเงินมากถึงหนึ่งหมื่นหยวนก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว

แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเรียกร้องเงินมากกว่าหนึ่งหมื่นหยวนอีกงั้นเหรอ?

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มันมาก ครอบครัวสามีเก่ามาเองเลย แถมแฉต่อหน้าประชาชีด้วย นังถังจะหนีไปไหนได้อีก

ไหหม่า(海馬)