บทที่ 64 กล้าแกล้งเป็นลมต่อหน้านาง รนหาที่ตาย

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 64 กล้าแกล้งเป็นลมต่อหน้านาง รนหาที่ตาย

“ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ข้าเป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไร และท่านแม่ยังปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี ข้าจึงให้นางช่วยเก็บรักษาป้ายขนหงส์เอาไว้ให้ข้า ตอนนี้ข้าโตแล้ว แต่งงานแล้ว ขอให้ท่านแม่นำป้ายขนหงส์มาคืนข้าด้วย” หยุนถิงกล่าวอย่างเรียบๆ

นางจ้าวตกตะลึง สีหน้าเคร่งขรึม โกรธจนเส้นเลือดบนใบหน้าเต้นขึ้นมา ก่อเรื่องมาตั้งเยอะ ที่แท้ก็เพื่อป้ายนี้เอง

นางก็สงสัยอยู่ว่าทำไมจู่ๆ หยุนถิงถึงด่าทอบุตรสาวทั้งสองคนของนาง เดิมทีแล้วคือต้องการเอาป้ายขนหงส์กลับคืน มันไม่ง่ายเลยที่นางจะหลอกเอามา และแน่นอนว่าจะไม่ส่งมอบให้ง่ายๆ

“เจ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ นั่นเป็นของสิ่งเดียวที่แม่ของเจ้าทิ้งเอาไว้ให้เจ้า” สีหน้าของหยุนเฉิงเซี่ยงเย็นชาลงมาทันที

เขาไม่รู้เลย ว่านางจ้าวมีความคิดเช่นนี้ และคาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้เลยแม้แต่น้อย

“ท่านพี่ ท่านอย่าเข้าใจผิดนะ ในตอนนั้นเป็นถิงเอ๋อร์ที่ยืนกรานว่าจะให้ข้า ข้าไม่ได้ต้องการเลย” นางจ้าวรีบอธิบาย

“ท่านแม่พูดอย่างก็ไม่ถูกนะ นั่นคือของสิ่งเดียวที่ท่านแม่ข้าทิ้งเอาไว้ให้ข้า ข้าจะไม่ต้องการได้อย่างไร เป็นท่านแม่ที่บอกว่าจะช่วยข้าเก็บรักษาเอาไว้ต่างหาก” น้ำเสียงของหยุนถิงเย็นชาเล็กน้อย

นางจ้าวรู้สึกอับอายมาก ยังอยากที่จะพูดอะไร เหลือบไปเห็นดวงตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตของจวินหย่วนโยวคู่นั้น ก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น รีบหาข้ออ้างทันที : “เวลามันผ่านไปนานแล้ว มันไปวางอยู่ที่ไหน ข้าก็จำไม่ได้แล้ว รอเจ้ากลับไปแล้วจะค่อยหามาคืนให้เจ้า”

“ไม่ต้องลำบากหรอก จวนของท่านแม่ไม่ได้ใหญ่โต หากคนรับใช้ของจวนเฉิงเซี่ยงไม่เพียงพอ ก็ให้องครักษ์เงามังกรของซื่อจื่อช่วยหาก็ได้ เรื่องการค้นหาและติดตามองครักษ์เงามังกรเชี่ยวชาญเป็นที่สุด” หยุนถิงเลิกคิ้วมองเข้ามา

นางจ้าวก่นด่าหยุนถิงอยู่ในใจ ยัยเด็กคนนี้ดูเหมือนว่าหากไม่ได้ป้ายคืนก็จะไม่ยอมเลิกรา แน่นอนว่านางไม่อยากคืนมันกลับไป หลายปีมานี้ด้วยการพึ่งพาป้ายขนหงส์ทำให้นางขจัดอุปสรรคออกไปไม่น้อย

แต่ว่าซื่อจื่อกับหยุนเฉิงเซี่ยงอยู่ที่นี่ นางจ้าวไม่สามารถพูดว่าไม่ให้ได้ ฉับพลันดวงตาทั้งคู่ของนางก็ปิดลง เป็นลมสลบไป

“ฮูหยิน ฮูหยินท่านเป็นอะไรไป?” มามาที่อยู่ข้างๆ ตะโกนถามทันที

“เข้ามา ไปเชิญหมอมาหน่อยเร็ว” หยุนเฉิงเซี่ยงขมวดคิ้วแน่น ดูเป็นกังวลเล็กน้อย

“ท่านพ่อ ไม่ต้องไปเชิญหมอมาหรอก ข้าก็มีทักษะทางการแพทย์พอดีเลย” หยุนถึงเดินเข้ามา

แม่งสิ กล้ามาแกล้งเป็นลมต่อหน้านาง ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ

“ใช่แล้ว ลูกสาวของข้ามีทักษะทางการแพทย์ เจ้ารีบช่วยให้ฮูหยินหน่อยสิ” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าว

“ได้เลย ท่านพ่อ” หยุนถิงคุกเข่าลง ช่วยตรวจชีพจรให้นางจ้าว ยิ่งแน่ใจว่านางเสแสร้งอย่างแน่นอน

“ท่านแม่ ทักษะทางการแพทย์ของข้ายังไม่เชี่ยวชาญนัก เรียนรู้เพียงผิวเผินเท่านั้น หากทำการตรงจรักษาไม่ถูกที่ ท่านโปรดให้อภัยด้วย” หยุนถิงกล่าวอย่างช้าๆ ยื่นมือไปจับเข็มเงินในเส้นผม ไม่ให้โอกาสนางจ้าวได้ปริปาก ก็แทงเข็มลงไปหลายจุดบนตัวนาง

นางจ้าวที่อยู่ในอาการสลบไสล ฉับพลันก็กรีดร้องออกมา อยากจะพูดแต่พูดไม่ออก แน่นหน้าอก ท้องไส้ปั่นป่วน คนทั้งคนรู้สึกไม่สบายอย่างมาก คลานอยู่ที่พื้นหญ้าข้างๆ และอาเจียนออกมา

“ถิงเอ๋อร์ นี่นางเป็นอะไรไป?” หยุนเฉิงเซี่ยงเอ่ยถามอย่างกังวลใจ

“วางใจเถอะท่านพ่อ ท่านแม่ทานไปเยอะ อาหารไม่ย่อย อาเจียนออกมาก็ดีแล้ว” หยุนถิงตอบกลับ

หยุนเฉิงเซี่ยงจึงเบาใจ จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา : “นางจ้าว อาเจียนเสร็จแล้วก็กลับไปหาป้ายขนหงส์เอามาคืนถิงเอ๋อร์ด้วย นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะเอาไป อีกอย่างหนึ่งนางจ้าวสั่งสอนลูกสาวไม่ถูกต้อง จะยกเลิกอำนาจครองบ้านชั่วคราว และส่งมอบให้ซูอี๋เหนียงไปก่อน”

“ท่านพ่อยังคงเฉลียวฉลาดเสมอ” หยุนถิงกล่าวอย่างเห็นด้วย

นางจ้าวที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก คิดอยากจะขัดขวางและเกลี้ยกล่อม แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ และไม่สามารถหยุดอาเจียนได้ เมื่อได้ฟังคำสั่งของนายท่าน ครั้งนี้ดวงตาทั้งคู่ก็มืดลงไปจริงๆ ท้ายที่สุดก็หมดสติไป

หยุนถิงเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเสียดาย : “ท่านแม่หมดสติไปแล้ว ก็ทำได้เพียงรบกวนองครักษ์เงามังกรของซื่อจื่อลงมือด้วย ป้ายขนหงส์อยู่ในมือท่านแม่เนิ่นนานหลายปีขนาดนั้น ถึงเวลาที่จะกลับคืนมาได้แล้ว”

“ไม่มีปัญหา” จวินหย่วนโยวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย และกำลังจะเรียกองครักษ์มังกรเข้ามา

“ท่านพี่ ข้ารู้ว่าป้ายขนหงส์อันนั้นของเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าจะพาเจ้าไปเอาเอง เจ้ายกโทษให้ข้าได้หรือไม่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ” จู่ๆ หยุนหลีก็พูดออกมาเสียงดัง

หยุนหลิงที่อยู่ข้างๆ ใช้มือหยิกนาง ยัยงี่เง่านี่มองไม่ออกหรือว่าท่านแม่แสร้งทำเป็นหมดสติ เพราะไม่อยากคืนมันให้หยุนถิง

“พี่หญิงรอง เจ้าหยิกข้าทำไม เรื่องที่เจ้าเพิ่งจะใส่ร้ายข้า ข้าจะไม่ปล่อยไปแน่ เจ้าอยากตายก็อย่าลากข้าไปด้วยเลย ป้ายขนหงส์อันนั้นเดิมทีแล้วมันเป็นของท่านพี่ ไม่ควรจะคืนท่านพี่ไปหรอกหรือ” หยุนหลีถลึงตาใส่นางด้วยความโกรธ

หยุนหลิงอับอายเป็นอย่างมาก : “เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระนะ ข้าคิดที่จะประคองเจ้าขึ้นมา แต่มือมันลื่น ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าจะไม่คืนให้ท่านพี่ และท่านแม่วางของเอาไว้ที่ไหน ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”

“ข้ารู้ ข้าจะพาท่านพี่ไปเอง” หยุนหลีกล่าวอย่างไร้เดียงสา

หยุนถิงเห็นการกระทำเล็กของหยุนหลิงอยู่ในสายตา และรู้สึกว่าหยุนหลีที่รู้สึกว่าชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ดูน่าพอใจเล็กน้อยในขณะนี้

ท้ายที่สุดแล้วคนหน้าซื่อใจคดนั้นมีความเกลียดชังมากกว่าเด็กจริงๆ

“ได้ เจ้าช่วยข้าหาป้ายขนหงส์ ข้าก็จะให้ซื่อจื่อไม่ตำหนิความผิดในอดีตของเจ้า” หยุนถิงตอบรับอย่างตรงไปตรงมา

เดิมทีแล้วนางก็แต่อยากเอาป้ายขนหงส์กลับมาเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าหยุนหลีจะมาด่าว่านางเอง ซึ่งมันตรงกับแผนการของนางพอดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวสามารถสั่งสอนพวกนางได้ทั้งสองคนเลย

“ขอบคุณท่านพี่ ท่านพี่ดีกับข้าที่สุดเลย” หยุนหลีลืมที่หยุนถิงตบนางไปแล้ว ได้ยินว่ายกโทษให้ จึงรู้สึกซาบซึ้งใจต่อหยุนถิงเป็นอย่างมาก

หยุนหลิงก็ต้องการจะตามไปด้วย หยุนถิงมองนางด้วยสายตาเย็นชา : “หลงเอ้อ นำนางไปโยนลงในทะเลสาบเพื่อล้างสมองเสีย ในสมองที่วางแผนการชั่วร้ายอยู่ตลอดนี้ไม่ดีเอาซะเลย”

“ขอรับ ฮูหยิน”

“ท่านพี่——” หยุนหลิงยังไม่ทันเอ่ยปากขอให้ยกโทษให้ ก็ถูกหลงเอ้อถีบลงไปในทะเลสาบแล้ว

ถึงแม้ว่าเวลานี้จะกลางเดือนห้าแล้ว แต่ว่าน้ำในทะเลสาบยังคงเย็นเล็กน้อย บวกกับหยุนหลิงที่ว่ายน้ำไม่เป็น คนทั้งคนที่ตกลงไปในทะเลสาบก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง จนสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก

หลงเอ้อก็ไม่ได้ไม่สนใจนาง ทุกๆ ครั้งที่หยุนหลิงกำลังจะจมน้ำ หลงเอ้อก็จะดึงคอเสื้อของนางขึ้นมา ให้นางได้หายใจสักเล็กน้อยและโยนลงไปในน้ำอีกครั้ง ทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ จนหยุนหลิงหมดสติไป

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจกลัว หรือว่าสำลักน้ำกันแน่

“สมน้ำหน้า นางจงใจใส่ร้ายข้า เห็นได้ชัดว่าเคยพูดแต่กลับไม่ยอมรับ นางสมควรได้รับบทเรียนแล้ว” หยุนหลีกล่าวเพื่อระบายความโกรธ และพาหยุนถิงกับคนอื่นๆ ไปที่จวนของนางจ้าว

หยุนถิงมองพินิจพิเคราะห์ในห้อง มันดูเรียบง่าย ประณีตงดงาม และหรูหรา ทุกๆ ชิ้นเป็นสินค้าคุณภาพดี ดูเป็นคนที่เสพสุขอย่างมาก

หยุนหลีเดินเจ้าไปอย่างคุ้นเคย ตรงไปที่โถงใหญ่ จากนั้นก็นำเจ้าแม่กวนอิมที่เซ่นไหว้บูชาออกไป เปิดฐานที่เซ่นไหว้บูชาออก ก็ปรากฏป้ายสีทองก้อนหนึ่ง

“ท่านพี่ นี่คือป้ายขนหงส์ของเจ้า” หยุนหลีส่งให้อย่างเคารพ

หยุนถิงเหลือบมองดู มันคือป้ายขนหงส์ที่ถูกนางจ้าวหลอกเอาไปจริงๆ นางจ้าวจอมวางแผนจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะซ่อนป้ายไว้ใต้เทวรูป หากไม่ใช่หยุนหลีเกรงว่าถ้าอยากหาเจอจะต้องใช้เวลานานอย่างมากแน่นอน

“ขอบใจนะ”

“ท่านพี่เจ้าพูดว่าขอบใจข้าหรือ ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?” หยุนหลีเอ่ยถามอย่างตกตะลึง

ตั้งแต่เด็ก นางกับหยุนถิงก็ตีกันมาตลอด เพราะอายุยังน้อย ทุกๆ ครั้งล้วนเป็นนางที่ถูกตำหนิถูกตี ท่านพี่ไม่หาเรื่องทะเลาะก็ดีแล้ว จะปฏิบัติดีกับนางเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“ข้าแก้ที่ปัญหาไม่ได้แก้ที่คน เจ้าช่วยข้าหาของ ก็ควรจะพูดขอบใจสิ” หยุนถิงตอบกลับ