บทที่ 271 จางเจ๋อที่ขวางหูขวางตา

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 271 จางเจ๋อที่ขวางหูขวางตา

วันรุ่งขึ้น มู่เซิ่งมาถึงที่บ้านเอื้อเฟื้อตามที่นัดไว้

บ้านเอื้อเฟื้อแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองที่ห่างไกลมากในเจียงหนาน สถานที่เรียบง่ายมาก นอกจากนี้การตกแต่งของบ้านเอื้อเฟื้อก็ทรุดโทรมมานาน ป้ายส่วนใหญ่แตกหักไปหมด

จะเห็นได้ว่าเงินค่าตกแต่งสถานที่นี้ไม่เพียงพอมากเลย

“พี่มู่”

ฉู่อีอีรอมู่เซิ่งอยู่ที่หน้าประตูตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นมู่เซิ่ง เธอก็รีบทักทายเขาอย่างร่าเริงและพูดว่า”พี่มู่ วันนี้หวังซินเอ๋อจะแอบออกมา แต่โดนแม่ของเธอจับได้ เธอจึงต้องอยู่บ้านทำการบ้าน ดังนั้นหนูจึงมาคนเดียว ฮิฮิ”

ฉู่อีอีมีรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้าของเธอ รวมถึงร่องรอยของความประหม่า

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอกับมู่เซิ่งมาที่บ้านเอื้อเฟื้อ

เด็กส่วนใหญ่ที่นี่ เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งเนื่องจากความพิการทางร่างกาย เด็กแบบนี้ ตั้งแต่เด็กก็ไม่เป็นที่รักของคนอื่น ดังนั้น พวกเขาส่วนใหญ่จะค่อนข้างเก็บตัว ดังนั้น พวกเขาจึงกลัวการติดต่อกับคนแปลกหน้าเป็นพิเศษ

แต่เห็นได้ชัดว่าฉู่อีอีเป็นข้อยกเว้น

ในช่วงเวลาที่เธออยู่ในบ้านเอื้อเฟื้อ เธอสนิทกับเด็กกลุ่มนั้นแล้ว และเด็กๆเหล่านั้นก็ชอบฉู่อีอีพี่สาวที่เป็นห่วงเป็นใยพวกเขามาก เพราะเธอไม่เคยมองพวกเขาอย่างมีอคติ เกมอะไรก็เล่นได้

ทุกครั้งที่กลุ่มคนแก่ที่เป็นหม้ายและโดดเดี่ยวเห็นฉู่อีอีมา ก็จะพูดคุยกับเธออย่างมีความสุข ราวกับว่าได้เห็นหลานสาวของพวกเขาเอง

“พี่อีอี ช่วงนี้คุณทำอะไรอยู่เหรอ ทำไมคุณไม่มาที่นี่นานจัง?”

“พี่อีอี ฉันคิดว่าคุณลืมพวกเราไปแล้ว!”

“ดูสิ พี่อีอี นี่คือของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้พี่ นกกระดาษพันตัวที่ชั้นเรียนของเราทำขึ้นเพื่อพี่ มอบให้พี่”

ทันทีที่ฉู่อีอีปรากฏตัว ก็ได้กลายเป็นผู้นำของเด็กๆ ทันใดนั้นเด็กๆหลายคนมารวมตัวกันรอบๆฉู่อีอี และหยิบของขวัญและลูกอมที่ซ่อนอยู่ในมือมานานออกมา ยัดเข้าไปในกระเป๋าของฉู่อีอี เห็นได้ชัดว่าเด็กทุกคนชอบฉู่อีอีมาก

“พี่อีอี เขาเป็นใคร?”

ในเวลานี้ เด็กคนหนึ่งชี้ไปที่มู่เซิ่งที่อยู่ข้างๆฉู่อีอีด้วยความกลัวบนใบหน้าของเขา

“เขาเหรอ เขาเป็นพี่ชายของฉัน จากนี้ไป เขาจะเป็นพี่ชายของพวกคุณด้วย” ฉู่อีอีพูดด้วยรอยยิ้ม“พี่มู่ รีบนำของขวัญที่คุณเตรียมไว้ออกมา”

“ได้ได้”มู่เซิ่งพยักหน้าอย่างซื่อๆ

แม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะมีไหวพริบเร็ว แต่ถูกล้อมรอบด้วยท่ามกลางเด็กๆมากมาย ในใจก็ค่อนข้างประหม่าเลยแหละ หลังจากที่ฉู่อีอีเตือนเขาแล้ว เขาก็หยิบของขวัญที่เขาเตรียมไว้ในกระเป๋ามานานออกมา

ถุงใหญ่ที่บรรจุเยลลี่สุดประณีต รวมถึงของเล่นซูเปอร์แมนและมอนสเตอร์อีกมากมาย

นี่เพราะคำแนะนำของฉู่อีอี มู่เซิ่งจึงเลือกที่จะซื้อมัน

“ว้าว!”

เมื่อมองไปที่ขนมนุ่มๆในมือของมู่เซิ่ง เด็กๆก็แสดงความชื่นชมออกมาทันที

พวกเขาไม่เคยกินขนมชนิดนี้มาก่อน

“พวกคุณอยากกินไหม?”ฉู่อีอีพูดด้วยรอยยิ้ม“ทุกคน อย่าแย่งกัน ฉันจะให้พี่มู่แบ่งให้นะ นอกจากของเล่นแล้ว ทุกคนยังมีขนม แต่ว่า อย่าลืมล้างมือหลังกินเสร็จนะ มิฉะนั้น จะทำให้ของเล่นจะสกปรก”

ตอนนี้ ฉู่อีอีไม่มีความเกร็งเหมือนในบาร์ก่อนหน้านี้ และเธอกลายเป็นพี่สาวที่เป็นห่วงเป็นใย กำลังช่วยมู่เซิ่งแจกจ่ายของเล่นในมือ

“ฉู่อีอี สถานะของคุณในใจของพวกเขาเกือบจะมากกว่าฉันแล้ว ตอนนี้ เมื่อได้พบคุณ เด็กๆมีความสุขมากกว่าได้พบฉันเสียอีก”ในเวลานี้หญิงวัยกลางคนในวัยสามสิบกว่าปีเดินออกมา เธอชื่อเหอเหยียนนีเป็นผู้ก่อตั้งบ้านเอื้อเฟื้อแห่งนี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยริ้วรอยและผมส่วนใหญ่บนหัวของเธอก็เป็นสีขาว

เห็นได้ชัดว่า การบริหารดูแลบ้านเอื้อเฟื้อเป็นเรื่องที่เหนื่อยและลำบากมาก

บางครั้ง เพื่อเงินบริจาคไม่กี่หมื่น เธอต้องไปร่วมสังสรรค์ คบค้าสมาคม เงินที่ถึงมือของเธอจริงๆก็เพียงไม่กี่พันเท่านั้น

“คุณน้าเหอฉันจะเปรียบเทียบกับคุณได้อย่างไร ฉันเพิ่งมาที่นี่ได้หนึ่งเดือน ส่วนคุณทำงานหนักเพื่อบ้านเอื้อเฟื้อมาหลายสิบปีแล้ว”ฉู่อีอีพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันแค่ทนเห็นเด็กๆเหล่านั้นลำบากไม่ได้ ฉันจึงมาที่นี่” เหอเหยียนนีโบกมือ แสดงท่าทางว่าไม่ได้อะไรมาก

แต่ในใจของมู่เซิ่ง เขารู้สึกเคารพนับถือมาก

สามารถทำงานได้นานขนาดนี้ในบ้านพักคนชราและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่กำลังจะปิดตัวลง โดยไม่แสวงหาชื่อเสียงและเงินทอง จิตวิญญาณแบบนี้ มู่เซิ่งคิดว่าตนเองยังทำไม่ได้แบบนี้เลย

ดังนั้น ในใจของเขาจึงนับถือในตัวเหอเหยียนนีมาก

“ใช่แล้ว หลู่เยว่เยว่ก็บอกว่าวันนี้เธอจะมาด้วย พวกคุณไม่ได้เจอกันนานเลยใช่ไหม”เหอเหยียนนีกล่าว

“ใช่เหรอ บังเอิญจริงๆ วันนี้เธอจะมาเหรอ?ก็จริงนะ เราไม่ได้เจอกันนานเลย”ฉู่อีอีรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

หลู่เยว่เยว่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มักจะมาที่บ้านเอื้อเฟื้อเพื่อแสดงน้ำใจ เธอเป็นคนที่ทำงานในบริษัท มีเวลาไม่มากนัก ดังนั้นเธอจึงมักมาไม่ตรงกับฉู่อีอี เพื่อที่เธอจะได้ใช้เวลามากขึ้นกับเด็กๆ คิดไม่ถึงว่าวันนี้หลู่เยว่เยว่ก็มาด้วย

“ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว และเธอบอกว่าจะพาแฟนมาที่นี่ด้วย” เหอเหยียนนีกล่าว

ทั้งสองกำลังเล่นกับเด็กๆ และมู่เซิ่งก็เริ่มมีส่วนร่วมกับเด็กๆ หลังจากที่เล่นจนเหนื่อยแล้ว เด็กๆก็มารวมตัวกันรอบๆมู่เซิ่ง และฟังมู่เซิ่งเล่านิทาน

มู่เซิ่งเติบโตมาในกองทัพตั้งแต่เขายังเด็ก และเขาได้เห็นสิ่งแปลกประหลาดมากมายในสังคม สิ่งที่เขาพูดถึงส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเขาในป่าอเมซอน แต่เพียงเปลี่ยนวิธีการเล่าเล็กน้อย เปลี่ยนเป็นบุคคลที่สาม แต่ก็นั่นแหละ เด็กๆก็ยังคงตั้งใจฟังอย่างสนุกสนาน

ฉู่อีอีเบิกตากว้างและฟังอย่างอยากรู้อยากเห็น เธอไม่เคยคิดว่ามู่เซิ่งสามารถเล่าเรื่องราวการผจญภัยที่เธอไม่รู้ได้มากขนาดนี้

“ฉู่อีอี วันนี้คุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอ?ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ใช่แล้ว คนที่อยู่ข้างๆคุณคือ…”ในเวลานี้ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง มันคือหลู่เยว่เยว่ที่เดินเข้ามาจากประตูด้วยสีหน้าสงสัย มองไปที่มู่เซิ่งและถาม

เมื่อกี้ เธอก็ถูกดึงดูดด้วยเรื่องราวที่มู่เซิ่งเล่า

“เขาเหรอ พี่ชายของฉันเอง”ฉู่อีอีพูดด้วยรอยยิ้ม“ชื่อมู่เซิ่ง ขอบอกนะว่าเขาน่าทึ่งมาก”

มีแววตกตะลึงในดวงตาของหลู่เยว่เยว่ เธอไม่เคยเห็นฉู่อีอีชื่นชมใครมากขนาดนี้มาก่อน เธอยื่นมืออันเรียวยาวของเธอออกทันทีและพูดกับมู่เซิ่ง”สวัสดี ฉันชื่อหลู่เยว่เยว่ ฉันขอแนะนำนะ นี่คือแฟนของฉัน จางเจ๋อ”

“สวัสดีครับ ผมชื่อมู่เซิ่ง”มู่เซิ่งแนะนำตัวเอง

ทุกคนในเจียงหนานเคยได้ยินชื่อมู่เซิ่ง และเขาคือไอ้กระจอกที่โด่งดังที่สุดในตระกูลเจียง อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ เพราะเรื่องแยกบ้านกัน ตระกูลเจียงได้ทะเลาะกันอย่างหนัก จางเจ๋อผงะ เขาคิดว่าเป็นคนที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันเท่านั้น พยักหน้าให้มู่เซิ่งโดยไม่พูดอะไร

มือที่ยื่นออกไปของมู่เซิ่งลอยอยู่ในอากาศ

เขาก็ไม่รู้สึกเสียหน้า ยิ้ม และยื่นมือกลับมา

เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนแอของมู่เซิ่ง ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ก็ทวีขึ้น ผู้ชายคนนี้ ถึงไม่ใช่ไอ้กระจอกนั่น แต่ก็เป็นคนขี้ขลาดแน่นอน ยังจะมาทำหน้าประจบสอพลอแบบนี้ ช่างขายหน้าลูกผู้ชายจริงๆ

เขาไม่รู้เลยว่า มู่เซิ่งเพียงไม่ต้องการทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีให้เด็กๆ