ตอนที่ 310 เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังจะนัดบอด

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 310 เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังจะนัดบอด

ตอนที่ 310 เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังจะนัดบอด

ถังจวิ้นเฟิงเผยสีหน้าโง่เขลา ขณะที่ไห่เซี่ยยังคงดุด่าเขาต่อไป “ก็หล่อนเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายไม่ใช่เหรอ? แล้วนายจะไม่รู้ได้ยังไง?”

ถังจวิ้นเฟิงรู้สึกแย่เมื่อได้ยินคำต่อว่าเหล่านั้น เขาจึงอธิบายกับเซี่ยไห่ว่า “หล่อนเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันก็จริง แต่ว่าครอบครัวของพวกเราสองฝ่ายไม่ได้ติดต่อกันมานานกว่าสิบปีแล้ว เรื่องนี้เจียเหอรู้ดี เมื่อสิบปีที่แล้วพ่อของหล่อนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงเงินและรับสินบน มันทำให้ครอบครัวของพวกเราตัดขาดความสัมพันธ์ต่อกันไป และครอบครัวของฉันยังต้องตามใช้หนี้ที่ครอบครัวของลุงทิ้งไว้ด้วย ก่อนหน้านี้ฉันเลยไม่เคยติดต่อกับหล่อนเลย แต่หลังจากที่หล่อนเข้าเมืองไห่เฉิงอีกครั้ง หล่อนก็เป็นฝ่ายติดต่อฉันมาก่อน และฉันก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องในอดีต หล่อนเองก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังด้วย”

เขาเองก็คิดเหมือนกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาช่างแข็งแกร่งที่ฉวยโอกาสเข้าสู่แวดวงธุรกิจได้เหมาะสม จึงสามารถสร้างรายได้อย่างล้นหลาม

เซี่ยไห่ยังคงมองเขาด้วยสายตารังเกียจ “คำพูดของนายไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว”

ถังจวิ้นเฟิงถูกเซี่ยไห่ดุด่าต่อหน้าคนจำนวนมาก เขาเองก็ทราบถึงความผิดของตัวเองแล้ว แต่ไม่คิดตอบโต้กลับ

ทว่าในใจกลับหงุดหงิดไม่น้อยเช่นกัน

ย้อนกลับไปถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ พ่อของเขาถูกลุงลากเข้าไปพัวพันในเรื่องต่าง ๆ และเวลานี้เขาก็ถูกถังหลิงลากเข้าไปพัวพันเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

ถังจวิ้นเฟิงมองเห็นผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลินเซี่ย

เขารีบวิ่งเข้าไปทักทายทันที

“สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่อถังจวิ้นเฟิง เป็นเพื่อนของเซี่ยไห่”

ถังจวิ้นเฟิงมองเซี่ยอวี่ด้วยแววตาประทับใจ “สวัสดีครับพี่สาวนักแสดงชื่อดัง”

เซี่ยอวี่ใส่แว่นกันแดด มันยิ่งทำให้หล่อนดูเย็นชามากขึ้น “สวัสดีค่ะ”

“หล่อขึ้นมากเลย” คุณแม่เซี่ยมองถังจวิ้นเฟิงก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวไห่บอกว่าเธอเป็นตำรวจงั้นเหรอ?”

ถังจวิ้นเฟิงพยักหน้ารับ “ใช่ครับคุณป้า ผมประจำอยู่ในสำนักสันติบาลทางรถไฟ”

“ไว้หาเวลาไปกินมื้อเย็นที่บ้านบ้างนะ”

“ครับ”

เซี่ยอวี่เหลือบมองหญิงชราที่เชิญชวนถังจวิ้นเฟิงอย่างกระตือรือร้นและพูดเตือนอีกครั้ง “แม่คะ กลับบ้านเถอะ วันนี้เราออกจากบ้านมานานเกินไปแล้ว”

หล่อนไม่รู้เลยว่าพี่ใหญ่กำลังทำอะไรอยู่ที่บ้าน

เซี่ยอวี่กลัวว่าเขาจะหลงทางเหมือนครั้งอยู่ในฮ่องกงอีกครั้ง

ทันทีที่เซี่ยอวี่กล่าวเตือน หญิงชราก็นึกขึ้นได้และรีบพูดตอบกลับ “ใช่ๆ เราต้องรีบกลับไปหาพี่ชายแกแล้ว”

และเมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็ไม่พบเซี่ยเหลย

หญิงชราตื่นตระหนกทันที ทั้งสามเริ่มวุ่นวายในการตามหาเขา

“เสี่ยวไห่ แกควรจะซื้อโทรศัพท์ให้พี่ใหญ่พกติดตัวไว้ได้แล้ว”

“ครับแม่ พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้”

เซี่ยไห่และเซี่ยอวี่ค้นหาทั่วบริเวณ และเวลานี้ทั้งสองเห็นเซี่ยเหลยกำลังเดินถือถุงบางอย่างกลับมาอย่างช้า ๆ

ทั้งสองคนรีบเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะร้องถาม “พี่ใหญ่ พี่ไปไหนมา?”

“ฉันแค่ออกไปเดินเล่น”

เซี่ยไห่หยิบถุงในมือของเขาขึ้นมา และเห็นว่าเป็นอาหารว่างที่อร่อยที่สุดในเมืองไห่เฉิง

หญิงชรามองออกไปนอกประตูและถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อเห็นลูกชายกลับมาแล้ว

หลังจากเข้ามาในบ้าน เซี่ยเหลยหยิบขนมที่เขาเพิ่งซื้อออกมา จากนั้นก็มอบให้แม่ และน้อง ๆ ทั้งสองคน

“นี่คือของว่างที่เปิดขายมานานหลายปีแล้ว และถือว่าเป็นอาหารพิเศษของเมืองนี้ ฉันซื้อมาลองชิมดูและเห็นว่ามันอร่อยมาก พวกคุณลองชิมดูสิ”

คุณแม่เซี่ยหยิบขึ้นมากัดหนึ่งคำก่อนจะพยักหน้ารับ “อร่อยมาก”

เซี่ยอวี่กัดหนึ่งคำ ก่อนจะบอกว่าหล่อนอยากกลับห้องไปพักผ่อน แต่เมื่อลับสายตาของทุกคน หยาดน้ำก็ไหลออกจากดวงตาของหล่อนอย่างช่วยไม่ได้

รสชาติที่คุ้นเคย

ในอดีต ป้าเพื่อนบ้านมอบสิ่งนี้ให้กับแม่ของหล่อน แต่แม่ไม่กล้าที่จะกินมัน จึงนำกลับมาให้พวกเขาทั้งสาม

แม่แบ่งมันออกเป็นสามชิ้นแล้วแจกจ่ายให้ทั้งสามพี่น้อง

พวกเขาเพียงรับมันและโยนเข้าปาก เคี้ยวอย่างเชื่องช้าและไม่ต้องการที่จะกลืนลงคอ

วันนี้พี่ชายใหญ่ถึงกับซื้อมันกลับมา ทำให้เซี่ยอวี่สัมผัสได้ว่าความทรงจำที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกของเขายังไม่หายไป

เพียงแต่เขายังนึกไม่ออกเท่านั้น

หล่อนจึงหวังว่าหลิวกุ้ยอิงจะเป็นผู้ที่ปลุกความทรงจำของพี่ชายหล่อนได้

ระหว่างกินมื้อเย็น คุณแม่เซี่ยหันกลับมาพูดคุยกับเซี่ยเหลยว่า “เสี่ยวเหลย วันนี้แม่ได้ไปตรอกที่เราเคยอาศัยมานานกว่าสามสิบปี พรุ่งนี้จะพาแกไปดูสภาพแวดล้อมที่นั่นสักหน่อย อยากไปไหม?”

เซี่ยเหลยตอบตกลงทันที “ครับ”

คุณแม่เซี่ยถึงกับประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกมีความสุขมาก

ขณะที่เซี่ยไห่กำลังจะออกไปทำงาน นางก็ฝากเขาให้บอกกล่าวกับหลินเซี่ยว่า พรุ่งนี้นางต้องการให้เซี่ยเหลยพบเจอกับหลิวกุ้ยอิง

เซี่ยไห่สวมใส่สูทก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เวลานี้เขาเห็นว่าพี่ใหญ่ของเขาอารมณ์ดีแล้วจึงถือโอกาสพูดขึ้นว่า “พี่ครับ ปู่ของเจียเหออยากพบพี่ หัวหน้าเก่าของพี่ก็ด้วย สหายที่เกษียณอายุก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวว่าพี่กลับมาแล้ว ใคร ๆ ก็อยากจะมาเยี่ยมพี่ทั้งนั้น พี่อยากให้พวกเขามาเมื่อไหร่ดีครับ?”

เซี่ยเหลยตอบกลับว่า “อีกสองวันแล้วกัน ฉันต้องการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแถวนี้ก่อน”

“ครับ”

……..

ในช่วงบ่าย เสิ่นเสี่ยวเหมยเดินออกจากร้านของถังหลิง เวลานี้หล่อนอดไม่ได้ที่จะสับสน

หล่อนไม่รู้เลยว่าอดีตของถังหลิงเป็นอย่างไร

อีกฝ่ายถึงกับแต่งงานและมีลูกแล้ว แต่ก็ยังแสร้งทำตัวเหมือนไม่เคยแต่งงานได้อย่างแนบเนียน

เสิ่นเสี่ยวเหมยสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายขณะนึกถึงเรื่องราวในอดีต

อดไม่ได้ที่จะนึกแค้นใจ

ถังหลิงเป็นผู้สนับสนุนให้หล่อนมายืนอยู่ในจุดนี้

เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกไม่ยินดีนักเมื่อคิดว่าตนจะต้องหย่าร้างโดยไร้เหตุผล

กล่าวตามตรงว่าหลังจากหย่าร้างแล้ว หล่อนไม่ได้พบเจอช่วงเวลาแห่งความสุขเลย

หล่อนยังคงคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเฉินเจียซิ่ง

อย่างน้อยหล่อนไม่ต้องกังวลใจในเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะต้องการอะไรก็เพียงแค่เอ่ยปากออกไป และเฉินเจียซิ่งก็จะตอบรับคำขอของหล่อนแทบทุกครั้ง

ตอนนี้เซี่ยหลานกำลังจะหย่ากับลูกพี่ลูกน้องของหล่อน ครอบครัวของหล่อนตกอยู่ในสภาวะไร้หนทาง อีกทั้งตอนนี้หล่อนยังไม่ได้งานทำด้วย

บุคคลที่ลุงแนะนำให้รู้จักก็มีงานยุ่งมาก เอาแต่เลื่อนวันเวลาออกไป หล่อนจึงยังไม่ได้พบเจอเขาสักที

เสิ่นเสี่ยวเหมยลังเลอยู่นาน สุดท้ายแล้วก็รวบรวมความกล้าก่อนจะส่งข้อความหาเฉินเจียซิ่ง

เสิ่นเสี่ยวเหมยส่งข้อความทางเพจเจอร์ไปเยอะมาก แต่เฉินเจียซิ่งไม่ยอมตอบกลับมาแม้แต่คำเดียว

เธอจึงทำได้เพียงฝากข้อความไว้เท่านั้น

โดยบอกว่าเธอกำลังจะไปนัดบอด

และเมื่อส่งออกไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย

ถ้าเฉินเจียซิ่งยอมง้อหล่อนสักหน่อย หล่อนก็จะไม่ไปไหนอีกแล้ว

…….

เฉินเจียซิ่งใช้วันลาสองวันเพื่อเดินทางไกล และเขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากผ่านพ้นการเดินทางอันยาวนาน

ในบ้านหลังนี้มีเพียงย่าและน้องสามเท่านั้น

หญิงชราดึงน้องสามของเขาให้นั่งลงบนโซฟา และเปิดโทรทัศน์ให้ดูรายการตลกขบขันเกี่ยวกับ “ความสุข”

เฉินเจียวั่งถูกล้างสมองด้วยประโยค “ฉันชื่อเว่ยซูเฟิน เพศหญิง อายุ 29 ปี ยังไม่แต่งงาน” ประโยคเหล่านี้ยังคงติดอยู่ในใจของเขา

เฉินเจียซิ่งเปิดประตูเข้ามา และเห็นน้องสามครึ่งนอนครึ่งนั่งอยู่บนโซฟา กำลังหลับตาราวกับกำลังทำสมาธิ ส่วนหญิงชรากำลังดูทีวีและหัวเราะอย่างสนุกสนาน

คุณย่าเฉินเห็นเฉินเจียซิ่งกลับมา นางก็หยุดหัวเราะทันที

ก่อนจะเอ่ยปากถามเฉินเจียซิ่งว่า “เจียซิ่ง สองวันมานี้เธอหายไปไหนมา? แม่ของเธอบอกว่าเธอไปจัดการธุระบางอย่าง ไปไหนมาเหรอ?”

“คุณย่าครับ ผมจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว”

“มานี่สิ มานั่งดูทีวีด้วยกัน ตลกมากเลยรายการนี้ เขากำลังเล่าเรื่องคนเกียจคร้านแต่ไปนัดบอด”

หญิงชราทักทายเขาอย่างอบอุ่น ขณะเฉินเจียซิ่งนั่งลงพร้อมกับรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว

เฉินเจียวั่งเห็นพี่รองกลับมาก็คล้ายกับพบผู้ช่วยชีวิต เขาถือโอกาสนี้ปิดเสียงทีวีทันทีก่อนจะพูดว่า “คุณย่าครับ คุยกับพี่รองสักหน่อยเถอะครับ”

พูดจบแล้ว เขาก็ต้องการจะออกจากตรงนี้

หญิงชราจึงตะโกนว่า “นั่งลง เธอต้องดูให้จบ อยู่ในห้องคนเดียวมันน่าเบื่อจะตาย เธอควรจะมีความสุขกว่านี้”

เฉินเจียวั่งไม่สามารถหลบหนีได้แล้ว เขาจึงต้องนั่งลงอีกครั้งเพื่อดูรายการตลกอย่างอดทน

ขณะที่เฉินเจียซิ่งกำลังดื่มน้ำ เพจเจอร์ของเขาดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน

เฉินเจียซิ่งหยิบออกมาดู

ดวงตาของเขาพลันมืดหม่นไป และเก็บเพจเจอร์ใส่กระเป๋าอีกครั้ง

คุณย่าเฉินเอ่ยปากถาม “เจียซิ่ง ใครส่งข้อความหาเธอ? ควรโทรกลับหาเขาสักหน่อยดีไหม”

เฉินเจียซิ่งไม่ได้ปิดบังอะไร ก่อนจะตอบกลับตามตรงด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสิ่นเสี่ยวเหมยบอกว่าหล่อนกำลังจะไปนัดบอดครับ”

“แล้วทำไมหล่อนต้องบอกเธอเรื่องนัดบอดด้วย?”

คุณย่าเฉินเผยสีหน้ากังวลขณะจ้องมองเฉินเจียซิ่ง

เป็นไปได้ไหมที่หล่อนต้องการให้หลานชายของตนยื้อ?

“เจียซิ่ง หลานอยากกลับไปหาหล่อนไหม?” คุณย่าเฉินเอ่ยปากถาม

เฉินเจียซิ่งกล่าวตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่ครับ”

“คุณย่าครับ ตอนนี้ผมโสดแล้ว และเป็นอิสระ ไม่ต้องคอยรับใช้และเอาใจหล่อนอีกต่อไป ทำไมผมจะต้องโง่กลับไปแต่งงานกับหล่อนอีกครั้งล่ะครับ?”

เขาหันมองน้องสามที่อยู่ใกล้ ๆ ผู้กำลังพยายามหลับตาทำสมาธิ และนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายถูกเสิ่นเสี่ยวเหมยดูถูกจนต้องล้มป่วย แววตาของเขายิ่งเผยความเย็นชา “ม้าดีไม่กลับไปกินหญ้าเก่า”

ทางฝั่งเสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกผิดหวังมาก เพราะปกติแล้วหล่อนไม่เคยต้องเฝ้ารอการตอบกลับจากเฉินเจียซิ่งเลย

หล่อนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งผ่านไรฟัน “เฉินเจียซิ่ง คุณใจร้ายเกินไปแล้ว”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนที่หล่อนจะได้เล่าเรื่องราวคาวๆ ของถังหลิงให้ผู้เฒ่าเสิ่นฟัง ชายชราก็พูดกับหล่อนอย่างมีความสุขว่า “เสี่ยวเหมย พรุ่งนี้ช่วยเตรียมตัวให้ดีด้วย หมอเสี่ยวเย่ที่ฉันจะแนะนำให้รู้จักจะมาพบเธอในบ่ายวันพรุ่งนี้แล้ว”

เสิ่นเสี่ยวเหมยกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ผ่านมาตั้งนานแล้ว นึกว่าเขาจะไม่อยากพบเจอฉันเสียอีก”

“เขาจะไม่อยากเจอได้ยังไง? สุดท้ายการนัดบอดกับเธอถือว่าเป็นเกียรติสำหรับเขานะ”

เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นพูดออกมาอย่างนั้น เสิ่นเสี่ยวเหมยก็สะบัดผมลอนของตนอย่างภาคภูมิ

หล่อนวางแผนในใจว่าต้องการจะซื้อเสื้อผ้าใหม่สองชุด ผู้ชายคนใหม่เป็นถึงหมอ และเหนือกว่าสามีเก่าทั้งในด้านอาชีพ และภูมิหลังของตระกูล สุดท้ายผู้ชายคนนี้น่าจะดีกว่าเฉินเจียซิ่งผู้ไร้ประโยชน์แน่นอน

หล่อนจะต้องเอาชนะเพื่อตบหน้าเฉินเจียซิงให้ได้

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจียซิ่งหมดกรรมกับนังเหมยแล้ว รอดูผู้ชายใหม่เลยค่ะว่าจะศีลเสมอกันหรือกลายเป็นเจียซิ่งสองให้นังเหมยจิกหัวใช้

ไหหม่า(海馬)