บทที่ 66 ข้าจะเผามันเทศให้เจ้าด้วยตัวเอง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 66 ข้าจะเผามันเทศให้เจ้าด้วยตัวเอง

“เอาล่ะ จะเป็นผู้พิทักษ์หรือผู้จัดการร้านจะไม่ให้พวกเจ้าต้องยุ่งกับงานจนเสียเปล่า แต่ละเดือนจะให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง หากการค้าขายในร้านดี ก็จะมีเงินปันผลปลายปีด้วย” หยุนถิงกล่าว

“ห้าตำลึงทุกๆ เดือนหรือ?” หยุนหลีตาลุกวาว

ปัจจุบันนี้นางได้เงินอยู่เดือนละสองตำลึง ตอนนี้สามารถหารายได้ห้าตำลึงจากการเป็นลูกสมุน ซึ่งคุ้มกับเวลาสองเดือนครึ่งของนาง ช่างดีเหลือเกิน

หยุนซูก็ตกตะลึงเช่นกัน เงินเดือนของนางกับแม่รวมกันคือสองตำลึง ในขณะนี้หยุนซูรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง นางรู้ว่านี่คือท่านพี่กำลังช่วยนางกับแม่อยู่ เวลานี้หยุนซูปฏิญาณในใจว่า จะต้องจัดการร้านค้าให้ดี เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของท่านพี่

คุณชายหกที่อยู่ตรงข้ามมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม : “เงินห้าตำลึงก็สามารถซื้อพวกเจ้าสองคนได้แล้ว ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”

“เจ้าเด็กบ้าเจ้าได้เรื่องนัก แล้วเจ้ามีเงินห้าตำลึงอย่างนั้นหรือ?” หยุนหลีมองค้อนเขา

คุณชายหกมีสีหน้ารังเกียจ แต่ไม่ได้ตอบกลับ แน่นอนว่าเขาไม่มี

คุณชายห้าเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ตลอด ไม่ได้เอ่ยปาก แล้วก็ไม่ได้ถามไถ่ ก้มหน้ากินข้าวอย่างเงียบๆ

จวินหย่วนโยวที่ช่วยคีบอาหารให้หยุนถิงตลอด ไม่ได้พูดอะไร เห็นหยุนถิงพูดสองประโยคก็ซื้อใจคนได้แล้ว จวินหย่วนโยวจึงอดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสศรัทธา

เด็กคนนี้ เชี่ยวชาญด้านชนะใจคนจริงๆ

เวลามื้ออาหาร หยุนถิงกินอย่างสบายใจ ถึงเวลาที่จะไปก็ตั้งใจเรียกหยุนเฉิงเซี่ยงมาโดยเฉพาะ กล่าวเป็นห่วงเป็นใยก่อนที่จะจากไป

เห็นรถม้าของจวนซื่อจื่อออกไป หยุนเฉิงเซี่ยงจึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

ลูกสาวของครอบครัวกลับมาบ้านล้วนเป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่ลูกสาวของเขากลับมาบ้านก็ราวกับตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย อกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะเด็กที่ตาไม่มีแววเหล่านั้น ทำให้เขาขายหน้าจริงๆ

“ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าน้องสาวอยู่ที่จวนซื่อจื่อจะสุขสบายดี เมื่อครู่นี้ตอนกินข้าวซื่อจื่อก็ช่วยคีบอาหารให้นางตลอด แสดงให้เห็นว่าซื่อจื่อเอาใจใส่จ่อนางจริงๆ” หยุนไห่เทียนกล่าวอย่างทอดถอนใจ

ด้วยฐานะของจวินหย่วนโยวนั้น นอกเสียจากความสมัครใจ ก็ไม่มีใครมาชี้นิ้วบงการเขาได้ และไม่จำเป็นจะต้องแสดงละครให้จวนเฉิงเซี่ยงดู อย่างไรเสียจวนเฉิงเซี่ยงก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาอยู่แล้ว หากเขาไม่เต็มใจก็ไม่มีผู้ใดมาบังคับได้

“ข้าก็มองออกเช่นกัน คาดไม่ถึงว่าจวินหย่วนโหวที่ไร้ความรู้สึกเช่นนั้นจะตกอยู่ในกำมือของถิงเอ๋อร์คนนี้ได้ ลูกสาวของข้าช่างมีความสามารถจริงๆ” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวอย่างภูมิใจ

“ท่านพ่อ ไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวกลับกองทัพก่อนนะ” หยุนไห่เทียนต้องการจะไป

“เดี๋ยว น้องสาวของเจ้าให้ของมีค่าแก่ข้าไว้สองสามอย่าง” หยุนเฉิงเซี่ยงรีบนำเข้ามา นี่คือสิ่งที่หยุนถิงมอบให้เขาก่อนที่จะไป

เมื่อเห็นขวดแก้วนั้น หยุนไห่เทียนก็คิ้วขมวด : “ท่านพ่อ นี่คืออะไรหรือ?”

“นี่เป็นของมีค่า เป็นของที่บำรุงร่างกายทำให้อายุยืน ช่วยดูแลกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงชี่บำรุงเลือด ช่วยในการนอนหลับ—–” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวโอ้อวด

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นยาบำรุง อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพดีมาก บุตรสาวของเขาสามารถรักษาให้ฮ่องเต้ได้ แสดงให้เห็นว่าทักษะทางการแพทย์นั้นยอดเยี่ยม หยุนเฉิงเซี่ยงต้องเห็นคุณค่าเป็นธรรมดา

“ดูท่านพ่อจะมีความสุขมากเลยนะ ยาเหล่านี้ ร้านยาสมุนไพรก็ล้วนมีทั้งสิ้นไม่ใช่หรอกหรือ?”

“นี่เจ้าพูดอะไรนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ถิงเอ๋อร์ให้ของแก่ข้า อีกทั้งยังเป็นของที่นางทำด้วยตัวเองอีกด้วย สรรพคุณดีกว่าร้านยาสมุนไพรมากนัก เจ้าเข้าใจหรือไม่” หยุนเฉิงเซี่ยงเป่าหนวดเคราแล้วถลึงตาใส่

“ฉะนั้นท่านพ่อ ท่านกำลังโอ้อวดกับข้าอยู่ใช่หรือไม่?”

“แน่นอน เพียงแต่ว่าน้องสาวของเจ้าก็ให้เจ้าหนึ่งขวดด้วย ก็คืออันนี้ บอกว่าเป็นยาห้ามเลือด ประสิทธิภาพดีกว่ายาจินชวงมากนัก สามารถห้ามเลือดได้ทันที เอาไปเถอะ” หยุนเฉิงเซี่ยงยื่นขวดแก้วสีขาวให้

หยุนไห่เทียนรับมา : “เช่นนั้นท่านชาวยขอบคุณน้องสาวแทนข้าด้วย ข้าขอตัวก่อน”

ลูกชายคนโตออกไป หยุนเฉิงเซี่ยงเดินไปที่ห้องหนังสือ พร้อมกับของมีค่าที่สำคัญยิ่ง

ทางด้านนี้ ขึ้นรถม้าแล้ว

หยุนถิงหาอิริยาบถในการพิงอย่างสบายๆ และเล่นกับป้ายขนหงส์ในมือ : “ซื่อจื่อ เจ้าว่าป้ายนี้ทำจากทองบริสุทธิ์หรือไม่ หากขายจะมีราคาสูงไหม?”

“เจ้าขาดเงินอย่างมากเลยหรือ?” จวินหย่วนโยวเลิกคิ้วมอง

“ใครจะไม่ชอบที่มีเงินเยอะๆ ล่ะ ก็ข้าเห็นมันหนักไง”

หลังจากนั้นจวินหย่วนโยวก็หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาและมอบให้ : “ข้าสะเพร่าเอง เดิมทีสิ่งนี้เตรียมไว้ให้เจ้ากลับบ้าน ตอนนี่จะให้เจ้า และต่อไปจะให้เจ้าหนึ่งแสนทุกๆ เดือน เพื่อเป็นเงินค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดของเจ้า”

“ซื่อจื่อเจ้าดีจริงๆ เลย แต่ไม่ต้องหรอก ข้าบอกแล้วไงว่าข้ามีหน้าที่หาเงินมาจุนเจือครอบครัว ข้าจะเอาเงินของเจ้าได้อย่างไรล่ะ”

“เจ้าเป็นฮูหยินของข้า แน่นอนว่าจะต้องใช้จ่ายเงินของข้า เงินที่เจ้าทำได้เจ้าเก็บเอง เอาไว้ใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น ไม่ต้องเอามาช่วยข้าหรอก จวนซื่อจื่อไม่ได้ขาดเงิน” จวินหย่วนโยวยัดตั๋วเงินใส่มือของหยุนถิง

“ไอ๋หยา ซื่อจื่อในเมื่อเจ้ามีเงินขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว” หยุนถิงยิ้มตาหยีและนำตั๋วเงินใส่ในกระเป๋าของตนเอง

“ไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก”

“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทำให้เจ้ายากจนหรอกหรือ?” หยุนถิงกล่าวหยอกล้อ

“ไม่กลัวหรอก เจ้าใช้จ่ายตามปรารถนาเถอะ”

“ฮ่าๆ ซื่อจื่อเจ้าน่ารักจริงๆ เลย ข้าชอบมากเลย” หยุนถิงมีความสุขอย่างมาก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีคนรวยเป็นสามี มันรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง

จวินหย่วนโยวถูกนางพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกเขินอาย และหูก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย

“มันเผาจ้า มันเผา!” ด้านนอกมีเสียงร้องขายมันเทศดังเข้ามา

จู่ๆ หยุนหว่านถิงก็สนใจขึ้นมา : “หยุดรถ ซื่อจื่อให้เงินข้ามากมายขนาดนี้ ข้าจะต้องแสดงออกสักเล็กน้อย ข้าจะเผามันเทศให้เจ้ากินก็แล้วกัน”

“ตกลง”

ทั้งสองคนลงจากรถม้า ก็เห็นลุงคนหนึ่งเข็นรถเข็นอยู่ข้างถนน กำลังขายมันเผาอยู่

สมัยโบราณไม่มีเตาอบ ยังคงเป็นถังใหญ่ๆ ใช้ดินโคลนมาทำเตาไฟ

“คุณชาย คุณผู้หญิง มันเผาของข้าเหนียวนุ่มหอมหวานเป็นพิเศษ ต้องการสักชิ้นไหม?” ลุงถามด้วยความกระตือรือร้น

“ลุงที่นี่มีมันเทศสดหรือไม่?” หยุนถิงเอ่ยถาม

“มีสิ ทางด้านนี้ยังมีอีกมากเลยนะ ข้าเอามาเยอะๆ ทุกวัน ไม่แน่บางทีคนชอบทานก็จะซื้อไป” ลุงตอบกลับ

“เอาล่ะ ลุงข้าต้องการมันเทศสดทั้งหมดเหล่านี้ และแบบสุกด้วย ท่านไปพักผ่อนข้างๆ เถอะ นี่คือเงิน ข้าจะเผาให้คุณชายของข้าทานด้วยตัวเอง เช่นนี้จึงจะเรียกว่าบริสุทธิ์ใจจริง” หยุนถิงกล่าว

ลุงได้ยินเช่นนั้น ก็ดีใจอย่างมาก : “คุณผู้หญิงมีน้ำใจจริงๆ สมัยนี้คนมีน้ำใจเช่นนี้น้อยมาก คุณชายช่างมีวาสนาจริงๆ เช่นนั้นคุณผู้หญิงข้าจะคอยเติมไฟให้ท่านเอง และช่วยดูไฟอยู่ข้างๆ”

“ดีเลย ขอบคุณนะลุง”

“คุณชาย เจ้าเลือกมันเทศเถอะ” หยุนถิงกล่าว

จวินหย่วนโยวก็ไม่เกรงใจนาง เลือกชิ้นเล็กๆ มาหลายชิ้น : “เอาชิ้นเหล่านี้”

“คุณชาย เจ้าแน่ใจนะว่าจะทานทั้งหมดนี่ เราเพิ่งจะทาอาหารเย็นมาไม่ใช่หรือ?” หยุนถิงแปลกใจ

“หาได้ยากนะที่เจ้าจะเผาให้ ข้าจึงเลือกมาหลายอัน วันนี้ทานไม่หมด พรุ่งนี้ก็ทานได้” จวินหย่วนโยวตอบกลับ

ได้ยินเช่นนั้นหยุนถิงก็มีความสุข : “ซื่อจื่อ ถ้าเจ้าอยากทาน ก็บอกข้า ข้าจะเผาให้เจ้าเดี๋ยวนี้ มันเทศเหล่านี้เผาใหม่จะอร่อยมาก”

“แล้วแต่เจ้าเลย”

สุดท้ายหยุนถิงก็นำมันเทศเหล่านั้นที่จวินหย่วนโยวเลือกวางลงในเตา จากนั้นตนเองจึงเลือกเพิ่ม อย่างไรเสียด้านในเตาสามารถเผาได้หนึ่งรอบ เผาหนึ่งครั้ง จะต้องใช้ไฟเหล่านั้นเผาจนหมด แน่นอนว่าไม่สามารถสิ้นเปลืองเวลาได้

หยุนถิงมองไฟอย่างตั้งใจ การกระทำคล่องแคล่วชำนาญ พองแก้มและเป่าไฟอยู่บ่อยๆ ท่าทางดูน่าตลกขบขันอย่างมาก