ตอนที่ 275 ความเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าสือ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 275 ความเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าสือ

เคอจื่อฉิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามว่า “เมื่อกี้คุณให้อะไรหัวหน้าเหรอ”

“เงินนิดหน่อย” หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “เพราะหล่อนช่วยฉันไว้หลายครั้ง เลยอยากจะขอบคุณน่ะ”

“อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องให้เลย” เคอจื่อฉิงเสนอความเห็น “แต่จะให้ก็ไม่เป็นไรหรอก ให้ไปเยอะหรือเปล่า”

“ไม่ได้เยอะมาก แค่สามพัน”

เสียงเคอจื่อฉิงอุทานขึ้น “นั่นถือว่าเยอะนะ! คนอื่นเขาให้แค่สามถึงห้าร้อยหยวนเท่านั้นแหละ”

หลินม่ายเสียดายในใจ ก็เพราะหล่อนบอกว่าไม่ต้องจ่าย ทำให้ไม่รู้มาก่อนว่าปกติต้องให้เท่าไร คราวนี้ก็เลยเสียเงินเยอะกว่าปกติจนได้

“เยอะก็ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากผูกมิตรกับหล่อน”

เคอจื่อฉิงโบกมือ “ไม่ต้องเอาเงินให้แล้วนะ”

หลินม่ายคิดในใจ อย่างไรหล่อนก็บอกว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จะไปมีโอกาสให้เงินอีกได้อย่างไรกัน

แต่จะว่าไปแล้ว เงินนั้นอาจจะทำให้หล่อนเปลี่ยนใจก็ได้

เมื่อทั้งคู่มาถึงโกดังเก็บอาหาร หลินม่ายก็เลือกอยู่นาน แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้ออะไรดี

แม้ลูกกวาดหลากสีสันจะดูน่าสนใจ มีอายุการเก็บรักษานาน แต่อากาศที่ร้อนเกินไปก็ทำให้ละลายไปบางส่วน

ไวน์ต่างประเทศก็น่าสนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาขายได้หรือเปล่า

หลังจากเลือกอยู่นาน ก็มีเพียงบิสกิตจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ถูกเลือกซื้อ

ออกจากโกดังอาหารก็ไปที่โกดังเสื้อผ้า ซึ่งมีเสื้อผ้ามากมายกองพะเนินอยู่

ครั้งนี้มีเสื้อผ้าจำนวนมากในโกดัง ทั้งผ้าขนแกะ และเดนิม

ผ้าเหล่านี้คุณภาพดีและราคาไม่แพง

อีกทั้งยังราคาถูกกว่าราคาตลาดถึงสิบเท่า ปกติราคาผ้าขนแกะจะอยู่ที่ 40-70 หยวนต่อเมตร แต่นี่ราคาเพียง 4-7 หยวนต่อเมตรเท่านั้น

ผ้าเดนิมราคาเพียงเมตรละ 3 หยวน ซึ่งถูกกว่าของจากโรงงานสิ่งทอของรัฐ และยังมีคุณภาพดีกว่ามาก ๆ

ถ้าให้เฉินเฟิงเอาไปขายในราคาเดียวกันกับผ้าของโรงงานรัฐ อย่างไรก็ขายดีจนของไม่พอแน่

แต่ผ้าขนแกะกับผ้าเดนิมพวกนี้รวมกันแล้วมีราคามากกว่าห้าแสนหยวน

ต่อให้เฉินเฟิงส่งเงินมาเพิ่มรวมกับเงินของเธอก็ยังไม่พอ

แต่จะพลาดไปก็น่าเสียดายมาก

หลินม่ายตัดสินใจถามเคอจื่อฉิงอย่างไม่แน่ใจ “ฉันมัดจำผ้าพวกนี้ไปก่อนแล้วจ่ายเงินทีหลังได้ไหม”

ผ้าพวกนี้ต่างจากอาหารและเครื่องสำอาง ไม่ต้องห่วงเรื่องเน่าเสียหลังจากเวลาผ่านไป

เคอจื่อฉิงพยักหน้า “ได้สิ แต่ว่าเงินมัดจำต้องเป็นหนึ่งในสิบของราคาทั้งหมด ถ้าไม่จ่ายเงินทั้งหมดภายในหนึ่งเดือน เงินมัดจำจะถูกยึด และศุลกากรจะมาจัดการสินค้า มันเสี่ยงอยู่เหมือนกันนะ”

“ไม่เป็นไร” หลินม่ายไม่ได้กังวลเรื่องหาเงินมาจ่าย เธอยังมีค่าน้ำตาลทรายแดงและนมผงที่เฉินเฟิงยังไม่ได้เอามาให้อีก

ถ้าได้เงินก้อนนั้นมา ก็จ่ายค่าผ้าได้ทั้งหมด

เคอจื่อฉิงถาม “เห็นคุณเลือกแค่บิสกิต ไม่อยากได้อย่างอื่นอีกเหรอ

หลินม่ายตอบตามตรง “ฉันต้องถามหุ้นส่วนของฉันก่อน”

เจ้าหน้าที่สาวจึงพาเธอไปใช้โทรศัพท์ของสำนักงาน

ในตอนที่กำลังจะออกจากโกดัง หลินม่ายเห็นกล่องกระดาษลังขนาดใหญ่สี่ใบปิดสนิทอยู่ที่มุมห้อง จึงมองมันด้วยความอยากรู้ “อันนี้คืออะไรคะ”

“ผ้าเช็ดหน้า อยากได้หรือเปล่า รวมกันก็หนึ่งแสนผืน ขายหมดนี่แค่พันเดียวเอง”

เคอจื่อฉิงมีท่าทางกระตือรือร้นราวกับได้มีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ผ้าเช็ดหน้าแสนผืนราคาหนึ่งพันหยวน ก็ตกผืนละ 1 เฟิน เอาไปขายในราคาตลาด 1 เหมาก็ยังขายได้ง่าย

ร้านเบเกอรี่ที่กำลังจะเปิดน่าจะมีผ้าเช็ดหน้าสักหลายพันผืน เอาไปแจกเป็นของขวัญก็จะเรียกลูกค้าได้ดี

หลินม่ายตบที่กล่องลังนั้นพลางยิ้มกริ่ม “ฉันเอาอันนี้ค่ะ”

หลังออกจากโกดัง ขณะที่หลินม่ายกำลังจะโทรหาเฉินเฟิง หัวหน้าสือก็เดินมาถามเคอจื่อฉิงที่ยืนอยู่ด้วยกัน “เพื่อนเธอซื้อของเสร็จหรือยัง”

เคอจื่อฉิงยิ้มแล้วตอบว่า “ยังค่ะ”

หัวหน้าสือลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มีโค้กหมื่นกล่องอยู่บนสุดของโกดังอาหารนี่ ถามเพื่อนเธอหรือยังว่าอยากได้ไปไหม”

เคอจื่อฉิงประหลาดใจ “หัวหน้าไม่ได้จองโค้กพวกนั้นไว้ให้เพื่อนแล้วเหรอคะ ทำไมถึงจะขายให้เพื่อนฉันล่ะ”

หัวหน้าสือมุมปากกระตุก

จะมาถามแบบนี้ทำไมกัน !

อยากให้หล่อนบอกว่าซองแดงที่คนรู้จักให้มามันน้อยกว่าที่ได้จากหลินม่ายเยอะมาก ทำให้อยากขายให้หลินม่ายมากกว่าอย่างนั้นหรือไง

หัวหน้าสือเพียงยิ้มแล้วพูดต่อ “ฉันเป็นเพื่อนกับแม่เธอ ฉันก็ต้องดูแลเพื่อนของเธอด้วย อุตส่าห์มาตั้งไกล ไม่อยากให้กลับไปมือเปล่า”

เคอจื่อฉิงขอบคุณอยู่หลายครั้งอย่างตื่นเต้น

เฉินเฟิงถามหลินม่ายผ่านโทรศัพท์ [เหล้านอกที่ว่ามันคืออะไรนะ ไวน์หรือวิสกี้]

“ไวน์แดงกับไวน์ขาว มีสองอันนี้”

เฉินเฟิงถามต่อ [ราคาเท่าไร]

“ห้าหมื่น”

เฉินเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง [ซื้อเลย เอาบิสกิตกับไวน์นอก แล้วก็มัดจำค่าผ้าเอาไว้ จะให้ฉันส่งเงินไปเท่าไหร่]

“คราวนี้ไม่ต้องส่งมา เดี๋ยวฉันจะกลับไปคิดเงินให้อีกที”

เธอสามารถจ่ายค่าสินค้าในครั้งนี้ได้ จึงจะจ่ายล่วงหน้าให้เขาก่อน

ตอนนั้นเองที่เคอจื่อฉิงตรงเข้ามาหาเธออย่างมีความสุข “มีข่าวดีล่ะ หัวหน้าสือจะยกโค้กที่จองไว้ให้คนอื่นกับคุณ ถ้าคุณอยากได้ จะเอาด้วยไหม”

ไม่ทันที่หลินม่ายจะตอบ เฉินเฟิงที่อยู่ปลายสายก็รีบบอกเสียงดัง [ม่ายจื่อ ตกลงเลย!]

ทุกวันนี้โคคาโคล่าเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว แต่หาซื้อไม่ได้ง่าย ๆ

แม้แต่เมืองใหญ่อย่างเจียงเฉิงก็ไม่มีขาย

ถ้าได้โค้กมา ต้องทำเงินได้มหาศาล

หลินม่ายรีบตอบตกลง “เอาค่ะ เอา”

หลังจากวางสายหลินม่ายก็ถามอย่างสงสัย “ทำไมอยู่ ๆ หัวหน้าสือถึงให้โค้กกับฉันล่ะ”

เคอจื่อฉิงตอบอย่างภูมิใจ “เพราะเธอกับแม่ฉันสนิทกัน”

หลินม่ายมั่นใจว่าน่าจะเป็นเพราะซองแดงที่เธอให้ไปถึงสามพัน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรอีกฝ่าย

เมื่อทั้งคู่นำรายการสั่งซื้อไปให้หัวหน้าสือเพื่อขอใบอนุมัติ ท่าทางของหล่อนก็ไม่ได้ดูเย็นชาอีกต่อไป

หัวหน้าสือมอบใบอนุมัติให้หลินม่ายด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปถ้าอยากได้ของอะไรอีกก็มาที่นี่ได้เลยนะ”

หลินม่ายรีบตอบรับอย่างยินดี ไม่เสียทีที่จ่ายเงินไปสามพัน

ห้าวันต่อมาธนาณัติของฟางจั๋วหรานก็มาถึง และหลินม่ายก็เอาเงินหนึ่งหมื่นนั้นให้เคอจื่อฉิง

เคอจื่อฉิงไม่ค่อยเต็มใจนัก “เราเป็นเพื่อนกัน แถมคุณยังเคยช่วยฉันไว้ด้วยซ้ำ”

หลินม่ายยิ้มแล้วพูดว่า “เพื่อนหรือพี่น้องก็ต้องจัดการเรื่องเงินให้ดีเหมือนกัน เอาไปเถอะ ไม่งั้นฉันจะไม่กล้าขอให้คุณช่วยอีกแล้ว มันจะกลายเป็นการรบกวน”

หลังจากโต้เถียงกันอยู่ซักพักอีกฝ่ายก็ยอมรับเงินไปแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “ฉันรับไว้แค่คราวนี้นะ คราวหน้าไม่ต้องแล้ว”

หลินม่ายยิ้มกริ่ม คิดว่าในอนาคตน่าจะให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ

จากนั้นหลินม่ายก็ไปที่ตลาดค้าส่งเพื่อซื้อของ

เมื่อเดินผ่านบ้านเชี่ยว เจ้าของร้านก็ทักทายเธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สาวน้อย เข้ามาดูในร้านก่อนสิ มีสินค้าใหม่นะ”

หลินม่ายไม่แม้แต่จะสบตา ตรงไปดูสินค้าร้านอื่น

หลังจากจัดการแพ็คของทั้งหมดแล้ว เธอก็กลับไปที่ศุลกากรเพื่อทำตามขั้นตอนการซื้อและติดต่อข่งลิ่งเสียงทันที เพื่อให้เขามาช่วยดูแลการส่งสินค้ากลับโดยด่วน

ครั้งนี้เธอให้ซองแดงกับเขาไป 30 หยวน

ในอนาคตจะได้ร่วมงานกันบ่อย ๆ แม้เธอจะชอบซื้อบุหรี่ให้เขาเสมอ แต่ผ่านไปสักพักแล้วก็น่าจะมีอย่างอื่นให้บ้าง

เมื่อข่งลิ่งเสียงได้รับเงินก็มีความสุขจนตาแทบปิด เขาหัวเราะออกมาและวิ่งไปมาอย่างกระตือรือร้นเพื่อช่วยหลินม่าย

หญิงสาวอยู่ที่กว่างโจวถึงแปดวัน

โต้วโต้วไม่ได้เจอแม่มาเกินอาทิตย์แล้ว เมื่อเห็นว่าหลินม่ายกลับมาก็มีความสุขมาก หล่อนตรงเข้ามากอดแม่ และขอกอดแน่น ๆ ให้หายคิดถึง

โจวฉายอวิ๋นเห็นแบบนั้นจึงบ่นพึมพำออกมาว่า “แม่เหนื่อยนั่งรถไฟมาทั้งคืน ให้หล่อนได้พักผ่อนหาอะไรกินก่อนค่อยชวนเล่นสิจ๊ะ”

โต้วโต้วจึงรีบปล่อยแม่ เพื่อเอาอาหารมาเสิร์ฟให้แม่กิน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เป็นแผนการที่ร้ายกาจมาก จ่ายหนักเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าเดิม

ไหหม่า(海馬)