ตอนที่ 141.2 นักพรตเต๋าฉางเกิง (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หลังจากแม่ทัพตงมู่จากไป หลี่ฉางโซ่วก็มองดูของขวัญที่องค์เง็กเซียนมอบให้ ซึ่งเป็นเพียงศิลาวิญญาณและของล้ำค่าเท่านั้น

แม้ในตอนนี้ ศาลสวรรค์จะมีบุญมากมาย แต่ก็มีทรัพย์สมบัติไม่มากนัก และหลังจากได้รับของขวัญจากเผ่ามังกรและองค์เง็กเซียนแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อแอบขนส่งสมบัติที่เขาสามารถใช้ได้กลับไปที่สำนักตู้เซียน

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองหาหลิงเอ๋อร์เพื่อเตือนไม่ให้นางละเลยการฝึกฝน

และในเวลาต่อมา เขาก็ไปรายงานท่านอาจารย์ของเขาว่าเขากำลังจะเข้าปิดด่านเป็นเวลาห้าถึงสิบปีและขอให้ท่านอาจารย์ของเขาช่วยกระตุ้นให้ศิษย์น้องหญิงของเขาพากเพียรฝึกฝน

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เปิดใช้งานค่ายกลในบริเวณใกล้ๆ กับหอโอสถ

เขาต้องศึกษาแผ่นหยกทั้งสองซึ่งได้รับมาจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูให้ถ่องแท้และปรับแต่งวัสดุล้ำค่าให้เป็นรากฐานค่ายกล เขาต้องคิดว่าจะปล่อยให้เผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์ได้อย่างไร

ส่วนนามที่เขาได้มอบให้องค์เง็กเซียนนั้น…

ย่อมเป็นเรื่องยากมากที่ทุกคนที่จะเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างนักพรตเต๋าฉางเกิงและชื่อจริงของหลี่ฉางโซ่วได้

มีบุรุษมากมายเท่าใดในโลกนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ภายนอกสำนักตู้เซียนมีกี่คนที่รู้เรื่องของหลี่ฉางโซ่ว

‘เกิง’ หมายถึง ‘อายุ’ ดังนั้นการถามหา ‘เกิง’ ของใครสักคนก็เหมือนกับการถามว่า ท่านอายุเท่าใด

‘ฉางเกิง’ หมายถึง ความสูงวัย มันคล้ายกับอายุขัยยืนยาว

แซ่ของข้าคือ หลี่และชื่อของข้าคือ หลี่ฉางโซ่ว ย่อมไม่มีอะไรผิดปกติกับนักพรตเต๋าฉางเกิง หากข้าไร้ยางอายมากกว่านี้อีกสักหน่อย บอกได้เลยว่า นักพรตเต๋าฉางเกิงจะเป็นแค่ชื่อในฐานะของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวหนึ่งของข้า แล้วจะอย่างไรเล่า

“อืม? นักพรตเต๋าฉางเกิงคนนี้…”

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ในห้องลับใต้ดินพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด และเกิดความสงสัยขึ้นในใจของเขาเล็กน้อย

หากเขาเพิ่มแซ่ของเขาในนามนักพรตเต๋านั้น…

หลี่…ฉางเกิง?

ดูเหมือนว่าชื่อนี้จะฟังดูคุ้นเคยเล็กน้อย แต่เมื่อค้นหาความทรงจำของเขาเองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าเคยได้ยินมาจากที่ใด

บางทีเขาอาจจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง

หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบอยู่สองสามวัน เขารู้สึกว่านามเต๋าของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงไปหาอ๋าวอี่ในความฝัน

เขาให้อ๋าวอี่เตือนเผ่าพันธุ์มังกรว่าสำนักบำเพ็ญประจิมจะไม่ล้มเลิกที่จะพยายามควบคุมเผ่าพันธุ์มังกรจนกว่าพวกเขาจะตาย

ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วยังเตือนอ๋าวอี่ไม่ให้ออกจากเกาะเต่าทองหากไม่มีปรมาจารย์เผ่าพันธุ์มังกรคอยคุ้มครอง

บนเกาะเต่าทองนี้ มีเส้นทางเล็กๆ ที่นำไปสู่วังปี้โหยวของจอมปราชญ์เทพ

สำหรับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ ทงเทียนเจี้ยวจู่ เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานในยุคบรรพกาลที่ใช้กระบี่จู่เซียนสี่เล่ม เขาฝึกฝนอยู่บนเกาะเต่าทอง และในวังอวี่ซวีแห่งคุนหลุนซึ่งโดยทั่วไปจะปลอดภัย

หลังจากคุยเรื่องงานกับอ๋าวอี่ไปสองสามรอบแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้ทำอะไรอื่นอีก…

เขาต้องรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจัดการเรื่องเผ่ามังกร

เขาย่อมไม่อาจปราบเผ่ามังกรได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงลำพัง

บัดนี้ ความคิดของหลี่ฉางโซ่วกระจ่างชัดเจนยิ่ง

เขาต้องพายเรือไปตามน้ำ มิใช่ทวนกระแสน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะราบรื่นและไม่ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง

เขาไม่เพียงต้องทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อให้เผ่ามังกรเข้าสู่สวรรค์ แต่ยังต้องทำให้สำเร็จอย่างสวยงามด้วย เพื่อไม่ให้มีกรรมใดๆ !

ขณะนี้ ในห้องลับใต้ดินของหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วหยิบแผ่นหยกทั้งสองออกมาวางไว้ที่ด้านข้างก่อนโดยที่ยังไม่ดูพวกมัน

เขากางผ้าใบออกอีกครั้งและเหยียบเท้าเปล่าลงบนผืนผ้าใบด้วยสีหน้าครุ่นคิด และในไม่ช้าก็เริ่มวาด…ไม้ตีกลอง กล้วยไม้ และหน้าไม้เล็กๆ

เวลานี้ ข้าต้องวางแผนก่อนและหามาตรการรับมือทุกอย่างก่อน ข้าต้องหาความสงบเพื่อให้อุ่นใจก่อนสิ่งอื่นใด

โอกาสจะมีให้เฉพาะผู้ที่เตรียมพร้อมและสามารถคว้ามันเอาไว้ได้เท่านั้น

เวลาเลื่อนไหลดั่งสายน้ำ ภูเขาและป่าไม้ล้วนเงียบสงบสุข

และในปีที่สองของการปิดด่านของหลี่ฉางโซ่ว ‘กล่องมาตรการรับมือ’ ของยอดเขาหยกน้อยก็ได้เปิดออกอีกครั้ง แต่คราวนี้มีกฎอยู่ว่าจะให้ไม้ไผ่เพียงสามชุดต่อวันเท่านั้น

ซึ่งนั่นหมายความว่า หลี่ฉางโซ่วได้กำหนดแผนเพื่อจัดการกับเผ่าพันธุ์มังกรแล้ว เขาเขียนข้อความลงบนผ้าหุ้มล้ำค่าของสามกล่องเหล่านั้น

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วกำลังปรับแต่งรากฐานค่ายกลและพยายามทำความเข้าใจวิธีการจำแลงกายนอกร่างที่เขาได้รับมาจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู

พระสูตรที่บรรพชนไท่ชิงเขียนเอาไว้นั้นมีนามว่า ‘ไท่ชิงเต๋าหาน’

ภายในนั้น หลี่ฉางโซ่วได้เห็นแนวคิดของพระสูตรเต๋าเต๋อจิ่ง[1]ในอนาคต แต่ก็มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพระสูตรทั้งสอง

ไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไม่กล้าอ่านต่อหลังจากอ่านบทแรกแล้ว…

แต่หลังจากอ่านบทแรกแล้ว เขาก็เข้าใจและเกิดข้อคิดมากมายจนไม่อาจหยุดยั้งได้ จากนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้าวหน้าไปอีกเล็กน้อย

มันไม่ใช่ขอบเขตเล็กๆ ก่อนการบรรลุเซียน ในระดับของหลี่ฉางโซ่วนั้น แม้แต่ผู้อาวุโสในสำนักก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยร้อยปีจึงจะเข้าใจขอบเขตเล็กๆ นี้ได้อย่างเต็มที่

พระสูตรของบรรพชนไท่ชิงนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ!

หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่าเขาจะอยู่ไม่ไกลจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนจินแล้ว หลังจากที่เขานั่งสมาธิและได้บรรลุ ‘ไท่ชิงเต๋าหาน’

แต่ในเวลานี้ โอกาสของเขาที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้นั้นไม่สูงนัก ต้องบอกว่าเขาไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำ ในขณะนี้ เขายังไม่อาจหาข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนจินจากผู้ใดได้

หลี่ฉางโซ่วไม่รีบร้อน เขาต้องการสะสมพลังให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์

วิธีการจำแลงกายนอกร่างที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูมอบให้หลี่ฉางโซ่วนั้นไม่เหมือนกับของบรรพชนไท่ชิง

นี่คือพลังและทักษะเวทที่เรียกว่า ‘เต๋าเหออวี้’

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูสอนบางอย่างให้กับหลี่ฉางโซ่วซึ่งเขาสามารถใช้ได้ เมื่อเห็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว เขาก็ได้ให้วิธีการฝึกฝนแก่หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งจะทำให้หลี่ฉางโซ่วสามารถพัฒนาพลังและทักษะเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบและชดเชยข้อบกพร่องทั้งหมดของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

นั่นคือโอกาสที่เขาได้รับมาด้วยการแลกเปลี่ยนกับความจริงใจที่มอบให้ไปของเขา!

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฉางโซ่วยังคงครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเนื้อหาในบทแรกของ ‘ไท่ชิงเต๋าหาน’ และทันใดนั้นเขาก็เข้าใจบางอย่าง

สองสามบรรทัดแรกเต็มไปด้วยคำว่า ‘มั่นคง’ อย่างชัดเจน!

ล้อเล่น ล้อเล่นน่า

วิถีแห่งเต๋านิรกรรมของบรรพชนไท่ชิงแตกต่างจากวิถีแห่งเต๋าของเขาในการแสวงหาความมั่นคงอย่างมาก

ในวันนี้…หลี่ฉางโซ่วพลันตระหนักว่ามีศิษย์ลาดตระเวนภูเขาคนหนึ่งมาเยี่ยมเยือนที่ภูเขา

เขาแผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกตรวจจับบ่อนพนัน[2]ราชวงศ์ของยอดเขาหยกน้อย และเมื่อเขาเห็นร่างสามร่างเล่นกันอยู่ข้างใน เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป

โหย่วฉินเสวียนหย่ามาเมื่อสองสามวันก่อน บัดนี้ ขอบเขตพลังของนางทะลวงด่านก้าวหน้าขึ้นไปอีกครั้ง และอยู่ห่างจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปอีกเพียงหนึ่งขั้น

นางไม่ได้พบหลี่ฉางโซ่วเลย ดังนั้น…จึงแค่มาเล่นกับอาจารย์อาจิ่วจิ่ว และศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์

ชั่วขณะนั้น มีศิษย์ชายผู้หนึ่งเหยียบกระเรียนเซียนและบินอยู่เหนือยอดเขาหยกน้อย เขาแผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกตรวจจับ แต่ไม่พบผู้ใดเลย

ดังนั้นเขาจึงตามเสียงหัวเราะที่มาจากทิศทางของกรงสัตว์วิญญาณและบินไปที่นั่น

และทันทีที่ศิษย์ผู้นั้นบินไป เขาก็ได้ยิน…

“ศิษย์พี่โหย่วฉิน ท่านไม่เคยเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน! ท่านจะกลับคำของท่านอย่างไร้ยางอายได้อย่างไรกัน หากแพ้ ท่านก็ต้องยอมรับและรับการลงโทษ!”

“ข้าจะต้องชนะในภายหลังแน่ อย่าทาสีพวกนี้ลงบนหน้าของข้านะ มันน่าอายมากจริงๆ นะหากผู้อื่นเห็นมัน”

ศิษย์ผู้นั้นอดมองลงมาอย่างสงสัยไม่ได้ เขามองผ่านหน้าต่าง และเห็นร่างสองสวยงามทั้งสองร่างกำลังต่อสู้กันอยู่ข้างใน และยังเห็นใบหน้าที่ถูกวาดรูปเต่าด้วยหมึกสีดำ…

หัวหน้าศิษย์?

และในขณะนั้น จิ่วจิ่วก็ยิ้มและพูดว่า “มีคนเฝ้าดูอยู่ข้างนอกจริงๆ” “หือ?”

แล้วทันใดนั้น พร้อมด้วยเสียงดังกึกก้อง กระบี่เกล็ดอัคคีก็ถูกชักออกจากฝักทันที!

[1] พระสูตรเต๋าเต๋อจิ่ง พระสูตรใหญ่แห่งเต๋า มีเนื้อหากล่าวถึงธรรมชาติและปรัชญา ว่ากันว่าเป็นราชาแห่งหมื่นคัมภีร์ เมื่อผู้ใดได้อ่าน เข้าใจ และปฏิบัติตาม ย่อมจะเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม พรั่งพร้อมด้วยสุขภาพและประสบความสำเร็จ

[2] บ่อนพนัน ห้องสำหรับเดินหมากและเล่นไพ่