ตอนที่ 1626 : งานเข้าตระกูลซือถู!
แน่นอนว่า 3 เดือนที่กล่าวถึงกันอยู่ตอนนี้ก็คือเวลาในโลกภายนอก
ส่วนภายในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั่นหมายถึง 15 เดือนเต็ม หรือ 1 ปีกับอีก 3 เดือน!
“ผู้นำตระกูลซือถู ท่านให้คนออกไปแถลงการณ์เถอะ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้า ต้วนหลิงเทียน จะออกจากตระกูลซือถูอย่างเป็นทางการ และไม่ใช่แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับซือถูฮ่าว
“ท่านปรมาจารย์ต้วน ท่านมิจำเป็นต้องกระทำสิ่งนี้!!”
หน้าซือถูหังเปลี่ยนสีไปอย่างเห็นได้ชัด คล้ายไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกหนทางนี้
“ท่านปรมาจารย์ต้วน บางครั้งข้าก็ตัดสินใจในมุมมองของผู้นำตระกูลซือถู…แต่ในฐานะบิดาแล้วข้ามิอาจปล่อยให้ท่านต้องออกจากตระกูลซือถูเช่นนี้! สาบานให้ข้าตาย!!”
ซือถูฮ่าวกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ซือถูหังเป็นลูกชายคนเดียวของมัน!
“ท่านปรมาจารย์ต้วน ขอท่านทบทวนให้ดีเถอะอย่าได้ด่วนตัดสินใจไปเลย…บางทีอาจมีหนทางแก้ปัญหาที่ดีกว่าการออกจากตระกูลซือถู”
วาจาประโยคหลัง ซือถูฮ่าวยังพยายามกล่าวรั้งต้วนหลิงเทียนเต็มที่
พอได้ยินคำนี้จากซือถูฮ่าว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ปรมาจารย์ต้วน ท่าน…”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหัวเราะทั้งยิ้มร่า ไม่ว่าจะซือถูฮ่าวหรือลูกชายของมันก็สับสนเล็กน้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์แบบนี้
“ผู้นำตระกูลซือถู…ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ยากนักที่ท่านจะกล่าวออกมาแบบนั้นได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ”สำหรับเรื่องที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง…แน่นอนว่าที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านเลยผู้นำตระกูล อันที่จริงแต่แรกแล้วข้าไม่คิดจะอยู่ที่ประเทศฝูเฟิงนี้นานนัก จะช้าจะเร็วสักวันข้าก็ต้องไป…”
“แน่นอนว่าถึงแม้ข้าจะประกาศแยกตัวจากตระกูลซือถูและไม่ได้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป แต่ข้ายังคงจะรั้งอยู่ในตระกูลซือถูอีกสักระยะ แล้วข้าถึงจะค่อยออกจากตระกูลซือถูและประเทศฝูเฟิงอย่างเป็นทางการหลังจากนี้อีกพักหนึ่ง…”
ต้วนหลิงเทียนพูดต่อ
ตอนนี้ป๋ายลี่หง ฟงหวู่เต้าและสหายคนอื่นๆของเขามีที่อยู่เรียบร้อยดีแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวลอีกต่อไป
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงตามหาขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังของหานเฉวี่ยไน่ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้เจอกับ ลี่เฟย อีกครั้ง
เขาได้อยู่ในประเทศฝูเฟิงแห่งนี้มาพักหนึ่ง เขาย่อมได้ข้อมูลมาไม่น้อย และในที่สุดเขาก็คาดเดาได้กว่า 9 ส่วน ว่าขุมพลังเบื้องหลังของหานเฉวี่ยไน่ สมควรเป็นคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน อันเป็นขุมพลังชั้น 5!
เขาได้วางแผนเดินทางไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเรียบร้อยแล้ว
พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ซือถูฮ่าวและซือถูหังก็นิ่งไปไร้คำจะพูด เพราะทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าสักวันต้วนหลิงเทียนก็ต้องจากไป…
“ท่านปรมาจารย์ต้วน ถึงท่านจำต้องไปจริงๆ แต่ก็มิเห็นต้องถอนตัวจากตระกูลซือถูของพวกเราเลย…”
ซือถูฮ่าวกล่าวออกมาเสียงอ่อน
“ผู้นำตระกูลซือถู เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว ท่านไม่ต้องโน้มน้าวข้าอีก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ ในวาจาคล้ายจะกระจ่างในทุกสิ่งแล้ว
“อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ท่านออกแถลงการณ์เรื่องออกจากตระกูลซือถูของข้าแล้ว ข้ารบกวนให้ท่านช่วยประกาศอีกเรื่องหนึ่งให้ข้าด้วย แน่นอนครั้งนี้ท่านเพียงประกาศในนามของข้า ว่าข้าต้วนหลิงเทียนจะยอมรับคำท้าจากยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนด้วยตัวข้าเอง สำหรับวันประลองก็เอาที่มันสะดวกได้เลย…”
ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับซือถูฮ่าว และวาจานี้ทำให้ทั้งพ่อทั้งลูกมึนตึ๊บทันที
อะไรนะ…ปรมาจารย์ต้วนคิดรับคำท้าประลองจากยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภา?
เรื่องนี้ทำให้ทั้งคู่ตกใจจนอื้ออึงแล้ว!
เพราะทันทีที่พวกมันได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนให้ออกไปแถลงการณ์เรื่องออกจากตระกูลซือถู ไม่เป็นแขกกิตติมศักดิ์อีกต่อไป พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะกระทำเพื่อหลบเลี่ยงการประลอง!
แต่มาตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นเสียแล้ว!
“ปรมาจารย์ต้วน…เรื่องนี้ท่านมั่นใจหรือ?”
ซือถูฮ่าวกล่าวถาม
“ถ้าไม่มั่นใจ ข้าจะยังรับคำท้ามันรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ กระทั่งก่อนจะปิดด่านบ่มเพาะเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เขายังไม่แยแสเรื่องจะประลองกับยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับตอนนี้!
“ท่านปรมาจารย์ต้วน…ในเมื่อท่านมั่นใจ เช่นนั้นใยท่านต้องออกจากตระกูลซือถูด้วยเล่า?”
ซือถูฮ่าวกล่าวถามออกมาอีกรอบ
“ผู้นำตระกูลซือถู รบกวนท่านเร่งแถลงการณ์ให้ข้าด้วย”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าเบาๆ และหลบเลี่ยงที่จะคุยถึงเรื่องนี้สืบต่อ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดเปลี่ยนใจ
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจไปอย่างแน่วแน่แล้ว ซือถูฮ่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งและไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมอะไรอีก เพราะมันรู้ดีว่ากล่าวไปก็ไร้ประโยชน์
เห็นชัดว่าปรมาจารย์ต้วนของมัน ไม่ใช่คนใจโลเลเช้าอย่างค่ำอย่าง
ประเด็นร้อนที่พึ่งดังขึ้นมาเมื่อไม่นาน นับว่าทำให้ทั้งประเทศฝูเฟิงฮือฮากันใหญ่ ทว่าหลังจากนั้นไม่ทันไรก็มีอีกเรื่องมาทำให้ทุกคนถึงกับตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง
ตระกูลซือถูได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ!
ปรมาจารย์ต้วน หรือต้วนหลิงเทียน ประกาศว่าจะออกจากตระกูลซือถู และไม่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป!
“อะไรกัน!? ปรมาจารย์ต้วนถึงขั้นให้ตระกูลซือถูออกมาแถลงการณ์เรื่องออกจากตระกูลเลยหรือ?”
“ดูเหมือนว่าที่แท้ก็จะมิได้ปิดด่านบ่มเพาะอยู่จริงๆ”
“ฮึ่ม ที่แท้ปรมาจารย์ต้วน ก็หวาดกลัวยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภางั้นเหรอ?”
“เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนหรือไร หากไม่กลัวไหนเลยจะตัดสินใจเช่นนี้…ไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้คนก็เอาแต่พากันพูดเรื่องจวนอ๋องหรงด้อยกว่าจวนอ๋องเฉียนกันไม่หยุด”
“แต่พอปรมาจารย์ต้วนออกจากตระกูลซือถูและไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับตระกูลซือถูอีกเช่นนี้…แน่นอนว่าคงไม่มีใครกล้ากล่าวอีกต่อไปว่าจวนอ๋องหรงด้อยกว่า”
“ดูเหมือนว่าที่แท้ตลอดเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียน เพียงแค่หวาดกลัวยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาแล้วจริงๆ…เฮ่อ! ข้าอุตส่าห์ยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง มิคิดเลยว่าสุดท้ายก็จะหลบหนีเช่นนี้! น่าอดสูนัก!!”
“เจ้ามันอ่อนต่อโลกเกินไป!”
……
วาจาทำนองนี้ดังขึ้นไปทั่วประเทศฝูเฟิง
ทั้งหมดเพราะทุกคนล้วนคิดว่าการที่ต้วนหลิงเทียออกจากตระกูลซือถู เพราะหวาดกลัวไม่กล้าสู้กับยอดฝีมืออันดับ 1ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน
แม้แต่คนในจวนอ๋องเฉียนก็คิดเช่นเดียวกัน
“มันประกาศถอนตัวออกจากตระกูลซือถูจริงๆ?”
หลังจากได้รับทราบข่าวนี้ อ๋องเฉียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง ไม่นานมันก็หันไปมองชายวัยกลางคนที่ยืนเหงื่อตกอยู่ข้างล่างทันที”ซือถูหมิง…นี่น่ะเหรอวิธีอันประเสริฐของเจ้า?”
ชายวัยกลางคนที่ยืนเหงื่อแตกพลั่กด้านล่างไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นซือถูหมิงเอง
เมื่อไม่กี่วันก่อน อ๋องเฉียนตัดสินใจให้อี้เฟิงเลิกเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ และลองถามซือถูหมิงดูว่ามีวิธีอะไรหรือไม่ สุดท้ายเป็นซือถูหมิงกล่าวบอกว่ามีวิธีการอันประเสริฐที่สามารถบีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนออกมารับคำท้าได้!
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข่าวลือซุบซิบนินทาทั้งหลายในประเทศฝูเฟิง ก็เป็นมันจัดการให้คนไปพยายามกระจายข่าวลือออกไป
มันกระทำเช่นนี้ด้วยเหตุผลเดียวคือ…กดดันจวนอ๋องหรง!
แน่นอนว่าเมื่อจวนอ๋องหรงเริ่มนั่งไม่ติดที่ พวกมันก็ได้แต่ไปไล่บี้ตระกูลซือถูอีกที…ในสายตาของมันต้วนหลิงเทียน ก็แค่เบี้ยตัวเล็กๆสำหรับอ๋องหรง คงยากที่จะรอดพ้นไปได้…!
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลังจากปล่อยข่าวลือไปไม่กี่วัน ต้วนหลิงเทียนก็ให้คนออกมาประกาศในนามตัวเองว่าจะถอนตัวออกจากตระกูลซือถูเสียอย่างนั้น!
เรื่องนี้แตกต่างจากที่มันจินตนาการเอาไว้โดยสิ้นเชิง!
ในสายตาของมัน ด้วยทิฐิของต้วนหลิงเทียน อีกฝ่ายต้องโผล่หัวออกมารับคำท้าแน่!
แต่ตอนนี้ดูท่ามันจะคิดผิดไปเสียแล้ว!
อี้เฟิงที่นั่งอยู่ฝั้งตรงข่ามซือถูหมิง กำลังมองซือถูหมิงด้วยสายตาเย้ยหยัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สถานการณ์ในเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงเริ่มเปลี่ยนไป มันเองก็ย่อมล่วงรู้ถึงเจตนาของซือถูหมิงดี นั่นทำให้ไม่พอใจเล็กน้อย
เหตุผลที่มันไม่พอใจก็เพราะวิธีของซือถูหมิงน่าจะได้ผล…แต่ตอนนี้พอมันพบว่าวิธีของซือถูหมิงก็คล้ายจะล้มเหลว มันก็อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มแสยะในใจ ‘ผู้ใดให้เจ้าคิดอยากเอาหน้าเรื่องนี้เล่า!’
“ซือถูหมิง เจ้ามิมีอะไรจะแก้ตัวแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นซือถูหมิงยืนนิ่งเป็นไก่เสียบไม้ สายตาของอ๋องเฉียนก็ทวีความดุร้ายขึ้นมาไม่น้อย
“ท่านอ๋องเฉียน ข้ามิคิดเลยว่าเรื่องจะออกมาเป็นเช่นนี้ได้…”
ซือถูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวออกด้วยรอยิ้มฝืนๆท่าทางขื่นขมนัก อย่างไรก็ตามไม่ทันที่มันจะทันได้กล่าวจบคำ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นซะก่อน”ท่านองค์ชาย 4 ข่าวดี! มีข่าวดีขอรับ!!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในห้องโถงโดยไม่ได้รับอนุญาต
“บังอาจ! เจ้ามิรู้กฏหรือไร!?”
สีหน้าอ๋องเฉียนมืดดำลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!
“องค์ชาย 4 โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย! แต่ข่าวนี้นับเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ…เรียนองค์ชาย 4 เมื่อครู่ตระกูลซือถูได้กล่าวแถลงเพิ่มหลังจากที่กล่าวถึงเรื่องต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลซือถู ว่าต้วนหลิงเทียนยินดีรับคำท้าประลองในนามขอองตัวเองขอรับ!!”
ชายวัยกลางคนเร่งกล่าวออกมารวดเดียวจบ!
“ว่าอะไร!?”
พอได้ยินร่างอ๋องเฉียนถึงกับสะท้านขึ้นมาทันใด สีหน้ามืดมนมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ลูกตายังเรืองแสงสว่างออกมาวูบวาบ
“รับคำท้าประลองในนามของตัวเอง?”
ซือถูหมิงที่ยืนเหงื่อตกเมื่อครู่ พอได้ฟังวาจาประโยคนี้ของชายวัยกลางคนก็มีสีหน้าดีขึ้นทันตาเห็น!
ข่าวนี้นับว่ามาได้พอเหมาะนัก!
ไม่ว่าจะอ๋องเฉียนหรือซือถูหมิงล้วนยินดีกับข่าวนี้ทั้งสิ้น
หากจะถามว่ามีใครไม่พอใจ ก็เห็นทีจะมีแต่อี้เฟิงเท่านั้น
‘บัดซบ! ต้วนหลิงเทียนนั่นมันเสียสติไปแล้วหรือไร ไฉนถึงได้หาญกล้ารับคำท้าเช่นนี้!?’
หน้าอี้เฟิงกลายเป็นอักลักษณ์ปั้นยากนัก หากแต่จังหวะนี้ไม่มีใครคิดจะสนใจสีหน้าของมัน
“เร็วเข้า! รีบไปเชิญคุณชายหลินมาเดี๋ยวนี้!!”
อ๋องเฉียนกล่าวสั่งชายวัยกลางคนอย่างกระตือรือร้น
“รับด้วยเกล้า!”
ชายวัยกลางคนรับคำเสร็จก็เร่งจากไปทันที
ขณะเดียวกันข่าวเรื่องนี้ก็ได้แพร่ไปทั่วเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงในเวลาอันสั้น
เรียกว่ายังเป็นข่าวอันน่าตื่นเต้น สามารถกลบข่าวเด่นประเด็นร้อนก่อนหน้าได้อย่างหมดสิ้น
“ปรมาจารย์ต้วนกลับประกาศยอมรับคำท้าประลอง หลังจากถอนตัวออกจากตระกูลซือถูงั้นเหรอ!?”
สายตาของใครหลายๆคนถึงกับส่องแสงสว่างจ้าเมื่อได้ยิน
“ข้าว่าแล้วเชียว แบบอย่างอันดีของข้า มีหรือจะหวาดกลัวมิกล้าสู้คน!”
“เพ้ย! ข้าได้ยินว่าเมื่อครู่เจ้ายังดูถูกปรมาจารย์ต้วนอยู่เลยมิใช่หรือไร อะไรนะ? น่าอดสู? ไฉนเปลี่ยนท่าทีไวนักเล่า?”
“เหอะ! อย่าได้ใส่ร้ายข้านะ ข้าไปพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อใด ข้าจำมิเห็นได้!”
“ข้าได้ยินชัดสองหู…หากเจ้าแน่จริงสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าให้ฟ้าผ่าหัวเจ้าสิ กล้าหรือไม่?”
……
วาจาทำนองนี้ดังขึ้นไปทั่วเมืองหลวง
เพียงเวลาอันสั้นชื่อเสียงที่ดำดิ่งลงของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งสูงขึ้นปานตกนรกแล้วทะยานขึ้นสวรรค์ในพริบตา!
ขณะเดียวกัน ทางตระกูลซือถูก็ตกเป็นจำเลยสังคม จำต้องแบกรับคำครหาต่างๆนาๆ
“เหอะ! ข้าว่ามิพ้นตระกูลซือถูต้องบีบคั้นกดดันท่านปรมาจารย์ต้วนให้ออกจากตระกูลแน่ๆ…ข้าล่ะอยากจะเห็นสีหน้าของพวกมันยามท่านปรมาจารย์ต้วนมีชัยนัก!!”
“ตระกูลซือถู! เสียแรงที่ข้าหลงชื่นชม ที่แท้ก็พวกเนรคุณคน! พวกมันลืมเลือนไปสิ้นแล้วหรือไร ว่าท่านปรมาจารย์ต้วนช่วยชีวิตคุณชายใหญ่ที่กำลังจะตายของพวกมันเอาไว้!?”