บทที่ 270 ผมเป็นพ่อของเด็กทารกที่น่ารักในท้องของคุณ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

เนื่องจากสือมูเฉินกำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ เฉียวโยวโยวจึงช่วยซูสือจิ่นจัดกระโปรงให้เรียบร้อย จากนั้นทั้งสองก็ไปยืนที่ระเบียง เฝ้าดูการเคลื่อนไหวด้านล่าง

ไม่นานก็เห็นรถโรลส์รอยซ์สีแดงประดับตกแต่งด้วยลูกโป่งและดอกไม้กำลังขับเข้ามาอยู่ไม่ไกล ด้านหลังเป็นโรลส์รอยซ์สีดำ

“อ๊ะ มาแล้ว มาแล้ว!” เฉียวโยวโยวกระโดดด้วยความตื่นเต้น “สือจิ่น เร็วเข้า พวกเราต้องเตรียมพร้อมแล้ว!”

ซูสือจิ่นพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ฉันขอถ่ายรูปให้พี่เฉินก่อน”

ในที่สุดรถสปอร์ตหรูก็หยุดลง สือมูเฉินเดินลงมาจากรถ แล้วมองไปในทิศทางที่หลานเสี่ยวถางอยู่

ซูสือจิ่นหยิบกล้องขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์หลายครั้ง

“พี่สือหล่อมาก!” เฉียวโยวโยวร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าในวันนี้เป็นงานแต่งงานของตัวเธอเอง

จากนั้นรถสีดำด้านหลังก็คนสองคนเดินลงมา

มือของซูสือจิ่นที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย แต่เธอก็ยังกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วสองสามครั้ง

เมื่อฟู่สีเกอลงจากรถก็มองตรงไปทางระเบียง เพราะเขาเพิ่งมาที่นี่ในตอนเช้า เขาจึงรู้ว่าต้องมีคนอยู่ตรงนั้น อย่างที่คาดไว้มีเพื่อนเจ้าสาวสองคนยื่นอยู่ตรงนั้นจริงๆ

ดังนั้นเขาจึงส่งมินิฮาร์ทและโบกมือให้ทั้งสองคน

เมื่อเห็นท่าทางของเขา หยานชิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆ เขาก็มองไปที่ระเบียง

ซูสือจิ่นเพิ่งวางโทรศัพท์ลง ดังนั้นดวงตาของทั้งสองจึงประสานกัน

ซูสือจิ่นหลบในทันที เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอมองไปที่เขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หยานชิงเจ๋อดูเหมือนจะมองผ่านๆ เท่านั้น ดังนั้นเมื่อเธอมองอีกครั้งเขาได้ละสายตาออกไปแล้ว

ซูสือจิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เฉียวโยวโยวที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “สือจิ่น พวกเราเตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวพวกเขาจะขึ้นมาแล้ว!”

ซูสือจิ่นพยักหน้า ปล่อยวางความคิด แล้วกลับไปที่ประตูหน้าห้องนอนพร้อมกับเฉียวโยวโยว

เมื่อหลานเสี่ยวถางเห็นทั้งสองเดินกลับเข้ามา เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น “พวกเขากำลังขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”

เฉียวโยวโยวพยักหน้า “ใช่ เสี่ยวถาง พี่สือหล่อมาก อย่าเป็นลมไปละ!”

หลานเสี่ยวถางจัดชุดแต่งงานให้เข้าที่มากขึ้นกว่าเดิม “แล้วเธอเตรียมเกมอะไรมาแกล้งพวกเขาเล่น?”

“ฉันจะกล้าทำได้ยังไง!” เฉียวโยวโยวไม่ทันพูดจบ ในขณะนี้ก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาแล้ว

ทำให้ในห้องไม่มีใครกล้าพูดอะไร

เสียงฝีเท้าดังเข้ามาเรื่อยๆ และในที่สุดก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู

หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าใจเต้นแรงขึ้นทันที

เมื่อเธอกลั้นหายใจก็ได้ยินเสียงเคาะประตู จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “เสี่ยวถาง ผมมาที่นี่เพื่อรับคุณ!”

“ตอนนี้ฉันควรทำอย่างไร?” หลานเสี่ยวถางถามเฉียวโยวโยวด้วยความกังวล

เฉียวโยวโยวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่ซูสือจิ่น

ซูสือจิ่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณเป็นใคร แนะนำตัวเองก่อน! เราจะไม่เปิดประตูให้ใครมั่วๆ !”

ด้านนอก สือมูเฉินพูดอย่างจริงจังว่า “ผมชื่อสือมูเฉิน ปีนี้อายุ 30 ปี เป็นเจ้าบ่าวของเจ้าสาวแสนสวยที่อยู่ในห้อง และเป็นพ่อของทารกที่น่ารักในท้องของเธอ”

มันไม่ง่ายเกินนะสิ! ซูสือจิ่นยิ้มมุมปาก การแนะนำตัวนี้ยังไม่ผ่าน

“งั้นให้ผมเข้าไปได้หรือยัง?” สือมูเฉินถาม

“ไม่ได้!” เฉียวโยวโยวกัดริมฝีปากของเธอ “คุณต้องบอกพวกเราว่าคุณมีความรู้สึกอย่างไรต่อเสี่ยวถาง!”

ข้างนอกเงียบไปสองวินาที จากนั้นสือมูเฉินก็พูดว่า “สำหรับคำถามนี้ผมอยากจะบอกเธอด้วยตัวเอง”

เฉียวโยวโยวพูดคุยกับซูสือจิ่นสักพัก แล้วทั้งสองก็พยักหน้า ดังนั้นพวกเธอจึงเปิดประตูแล้วปล่อยให้สือมูเฉินเข้ามา

หลานเสี่ยวถางนั่งบนเตียงมองดูสือมูเฉินค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอ

ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ ดวงตาของเขายังคงไม่ละทิ้งจากเธอ

ดวงตาของเขาลึกซึ้งและเป็นประกาย ราวกับว่าดวงดาวนับพันร่วงหล่นลงมาในนี้ เขาเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขายืนนิ่งอยู่หน้าเตียงของเธอ

ฟู่สีเกอและหยานชิงเจ๋อเดินตามหลังเข้ามา หลังจากนั้นไม่นานภายในห้องก็เงียบมาก แทบจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ

หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น คอของเธอก็แห้งเนื่องจากความตื่นเต้น และเธอก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปากแน่น

ในเวลานี้สือมูเฉินเริ่มเอ่ยปากพูด

การแสดงออกของเขาค่อนข้างชวนให้นึกถึงความทรงจำ และเสียงของเขานุ่มนวลราวกับเสียงเปียโน “อันที่จริงในตอนแรกผมแค่รู้สึกสงสารเสี่ยวถาง เพราะผมเฝ้าดูเธอเติบโตจึงเห็นเธอถูกรังแกมาตลอด ผมแค่ต้องการช่วยเธอแก้แค้น เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีความมั่นใจ ผมก็อยากช่วยเธอสร้างความมั่นใจเท่านั้น”

เขาพูดต่อว่า “แต่หลังจากนั้นผมพบว่าเมื่อเห็นเธอมีความสุข ผมก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขเช่นกัน เมื่อเห็นเธอเศร้าผมก็จะรู้สึกเศร้ามากกว่า……”

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ฟังสือมูเฉินค่อย ๆ พูดถึงความรู้สึกเหล่านี้กับเธอ เธอรู้สึกว่ามีกระแสน้ำก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ แล้วค่อยๆ ไหลลงสู่มหาสมุทรอันงดงาม

เธอรู้สึกร้อนแผ่วที่ดวงตาเล็กน้อย แต่หัวใจของเธอกลับอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด น้ำตาก็ไหลล้นออกมาจริงๆ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอแล้วตกลงมาที่หลังมือของเธอ เปล่งประกายระยิบระยับ

“ผมเคยคิดว่าการแต่งงานเป็นกระบวนการที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอเพื่อเห็นแก่การสืบพันธุ์ทางเชื้อชาติ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าการแต่งงานกับใครก็เหมือนกันหมด ถึงอย่างไรสิ่งที่ผมทุ่มเทมากกว่าคือการทำงาน”

สือมูเฉินต่อ “แต่หลังจากที่ผมอยู่กับหลานเสี่ยวถาง เมื่อผมกลับมาจากที่ทำงาน ผมได้กลิ่นอาหารอันน่าดึงดูดใจ ผมอยู่ในห้องสมุดเมื่อมองขึ้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจผมจะเห็น ต้นกระบองเพชรที่หลานเสี่ยวถางนำมาบนโต๊ะทำงานของผม และเมื่อผมป่วยเธอเฝ้าดูแลอยู่ข้างเตียงของผมไม่ห่างไปไหน…”

เขามองดูเธอ “ผมเพิ่งรู้ว่านี่คือความหมายของการแต่งงานที่แท้จริง”

เขาพูดทีละประโยคอย่างชัดเจน “เพราะมีคุณ มีผม และมีความรัก จึงทำให้มีบ้านที่สมบูรณ์อย่างทุกวันนี้”

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของเขา ร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย เธอรู้ว่าเธอควรจะยิ้ม แต่ก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

เธอถึงกับคิดว่าตอนนี้เธอคงดูขี้เหร่มากแน่ๆ เครื่องสำอางไหลออกหมดแล้ว ยังไม่เข้าห้องประชุมเลย อีกสักพักจะไปเจอหน้าผู้คนได้ยังไง……

ภายในห้องเดิมทีทุกคนต่างก็รอดูความตื่นเต้น เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของสือมูเฉินก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งไปด้วย ส่งผลให้ภายในห้องเงียบสงบลง มีเพียงแสงแดดยามเช้าในฤดูหนาวเท่านั้นที่ส่องผ่านเข้ามา

“เสี่ยวถาง ผมรักคุณ” สือมูเฉินนั่งยองๆ ลงแล้วมองตรงเข้าไปในดวงตาของหลานเสี่ยวถาง “ประโยคนี้ผมไม่เคยพูดกับคุณมาก่อน ผมแค่อยากจะเก็บความทรงจำวันแต่งงานของเราไว้”

ริมฝีปากของหลานเสี่ยวถางสั่นอย่างรุนแรง เธอไม่รู้ว่าเธอควรพยักหน้าหรือพูดอะไร เธอจึงพยักหน้าแล้วพยายามพูด “มูเฉิน ฉันก็เหมือนกัน”

เมื่อสือมูเฉินได้ยินคำพูดของเธอเขาก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ หล่อคมเข้ม ไม่มีตำหนิใดๆ เขาหยิบรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่หนึ่งมาสวมใส่ให้หลานเสี่ยวถาง

ในเวลานี้ทุกคนในห้องถึงกลับมามีปฏิกิริยา เฉียวโยวโยวน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง เธอพยายามสูดจมูกเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล

เธอมองไปที่หลานเสี่ยวถางที่เครื่องสำอางเลอะหน้า แล้วรีบบอกฟู่สีเกอที่อยู่ข้างๆ ว่า “รีบเติมเครื่องสำอางให้เสี่ยวถางเร็ว!”

ฟู่สีเกอพยักหน้าแล้วรีบไปเติมเครื่องสำอางให้หลานเสี่ยวถางอย่างรวดเร็ว

จากนั้นสือมูเฉินก็อุ้มหลานเสี่ยวถางเดินออกไปด้านนอก

เดินไปครึ่งทางเพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสองคนก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาลืมให้อั่งเปาที่พวกเขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเริ่มแจกซองอั่งเปา

เฉียวโยวโยวรีบทวงกับฟู่สีเกอโดยตรงในทันที และเมื่อซูสือจิ่นหันหลังกลับเธอก็เผชิญหน้าโดยตรงกับหยานชิงเจ๋อ

เธอมองไปที่เขา เขากลับไม่ได้มองเธอ แต่เขายื่นซองอั่งเปาให้เท่านั้น

ซูสือจิ่นรับเอาซองอั่งเปา และรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เหลืออยู่หยานชิงเจ๋อ ดังนั้นเธอจึงยิ้มให้เขา “ขอบคุณนะ พี่ชิงเจ๋อ!”

เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินเธอพูดถึงชื่อเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เธอ

แม้ว่าการแสดงออกของเขาจะเย็นชามาก แต่ซูสือจิ่นก็ยิ้มกว้างให้กับเขา

หยานชิงเจ๋อถอนสายตาของเขาอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับมาเพื่อยื่นซองอั่งเปาให้ยังแขกฝั่งพ่อของหลานเสี่ยวถางต่อไป

สือมูเฉินอุ้มหลานเสี่ยวถางไปที่รถสปอร์ตสีแดง เขาวางเธอไว้ที่เบาะหลังแล้วเดินไปอีกด้านหนึ่งแล้วนั่งข้างหลานเสี่ยวถาง

เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปหลานเสี่ยวถางมองดูทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างครู่หนึ่งราวกับว่าอยู่ในความฝัน

ในขณะนี้หลานเสี่ยวถางพบว่ามีคาราวานรถโรลส์รอยซ์สีดำอยู่ข้างหลังพวกเขา แต่รถเหล่านี้จอดอยู่นอกเขตทหาร และมีเพียงสามคันเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา

ข้างหลังพวกเขาคือยานพาหนะทางทหารของหลานเซี่ยวเฉิง แม้ว่ากองทัพจีนจะไม่สนับสนุนงานแต่งงานสำหรับบุคลากรทางทหาร แต่เนื่องจากลูกเขยคือสือมูเฉินและลูกสาวของเขาที่จากกันเป็นเวลาหลายปี ทางการทหารจึงอนุมัติเป็นพิเศษให้รถทหารสิบสองคันให้หลานเซี่ยวเฉิงเป็นยานพาหนะสำหรับงานแต่งงาน

หลานเสี่ยวถางอยู่ในความงุนงง สือมูเฉินกุมมือเธอไว้ เมื่อหันหน้ามาก็เห็นสือมูเฉินยิ้มให้เธอ

หลานเสี่ยวถางยิ้มตอบกลับให้เขาในทันที

“ผมรู้ว่าคุณจะต้องร้องไห้” สือมูเฉินอธิบาย “แต่คำพูดพวกนั้นผมอยากจะบอกคุณอยู่เสมอ”

ฝ่ามือของหลานเสี่ยวถางมีเหงื่อออกเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากรอคำพูดของสือมูเฉิน

สือมูเฉินพูดว่า “ผมจะบอกคุณล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ถึงตอนพิธีคุณร้องไห้อย่างหนัก เครื่องสำอางเลอะหน้าเดี๋ยวจะไม่สวยเอา ”

หลานเสี่ยวถางรู้สึกเขินเล็กน้อย”ใครให้คุณพูดพวกนั้นละ ฉันอดไม่ได้ที่จะร้องไห้”

“เอาล่ะ อีกสักพักพิธีงานแต่งงานของเราจะเริ่มแล้ว คุณต้องยิ้มเยอะๆ อย่าลืมแม่และน้องชายของคุณที่อเมริกากำลังดูคุณอยู่ ถ้าคุณร้องไห้อีกครั้งคุณอาจจะถูกน้องชายเอามาพูดล้อเลียนตลอดไปนะ”

หลานเสี่ยวถางยื่นมือไปผลักหน้าอกของสือมูเฉิน “ฉันไม่ใช่คนขี้แยซะหน่อย”

“ตอนถึงงาน แม่ของผมอาจจะอยู่ที่นั่น” สือมูเฉินพูดว่า “ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ส่งคำเชิญไปให้เธอ แต่ถ้าเธอต้องการมา เธอสามารถคิดหาทางมาจนได้ ดังนั้นคุณไม่ต้องประหม่าเมื่อเจอเธอ ไม่ว่ายังไงผมจะปกป้องคุณทุกอย่าง”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ตกลง” ตราบใดที่มีคุณ ฉันจะไม่กลัวอะไรเลย