บทที่ 280 พี่ไป๋ช่วยผมด้วย

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 280 พี่ไป๋ช่วยผมด้วย

บทที่ 280 พี่ไป๋ช่วยผมด้วย

สุนัขจิ้งจอกถูกพวกพี่สาวที่แต่งตัวเปิดหน้าโชว์หลังล้อมเอาไว้อย่างรวดเร็ว

อกขาวเนียนกำลังจะปลิ้นออกมาจากสายที่รัดหน้าอกเอาไว้ กระโปรงก็สั้นเท่าต้นขา

นอกจากส่วนที่สำคัญ เนื้อสีขาวของร่างกายในส่วนอื่น ๆ ก็ถูกเปิดออกมาจนหมด…

สุนัขจิ้งจอกไม่รู้ว่าควรจะเอาตาไปไว้ตรงไหน

อ่า

พระเจ้า

เขาจะไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว

สายตาของเขาเปื้อนมลทินแล้ว

“น้องชาย ทำไมหน้าตาดูอยากตายขนาดนั้นล่ะ?”

“นั่นสิ พวกผู้หญิงอายุน้อย ๆ ไม่ดีเท่าพี่สาวหรอกนะ คิดว่าพวกผู้หญิงรุ่นน้องเป็นเหมือนสมบัติ ถ้าอยากจะรู้ถึงความงามที่แท้จริง ก็ต้องลองพี่สาวนี่ จริงไหม?”

หลังจากนั้น พวกเธอก็ส่งเสียงหัวเราะกันอย่างไร้ยางอาย

ใบหน้าของสุนัขจิ้งจอกบูดบึ้ง “คนอย่างพวกคุณน่ะ ถ้าใส่เสื้อผ้าเยอะ ๆ ชิ้นแล้วจะอกแตกตายหรือไง?”

ผู้หญิงที่อยู่ใกล้มากที่สุดยกมือขึ้นลูบไปที่หน้าอกของตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “น้องชาย… ไม่ชอบเหรอ?”

สุนัขจิ้งจอกแทบจะหายใจไม่ออก นี่มันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว

เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป

เขาไม่สนใจความเป็นสุภาพบุรุษอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม การเป็นสุนัขจิ้งจอกก็ไม่ได้มีการแบ่งเพศอะไร

เขากำลังจะเอื้อมมือไปผลักผู้หญิงตรงหน้า แต่ดันมองเห็นเทพธิดาที่เขาโหยหาทั้งกลางวันและกลางคืนที่กำลังเดินมาไม่ไกลมากนักเสียก่อน

สุนัขจิ้งจอกรีบยกมือขึ้นโบกไปมาราวกับได้พบกับผู้ที่ช่วยชีวิต “พี่ไป๋ ช่วยผมด้วย”

อ่า

ไป๋เสิ่นเฉียวมองดูคร่าว ๆ และเห็นว่าเธอไม่รู้จัก

ก็ยังหลงคิดไปว่าตัวเองหูฟาดไป มือทั้งสองข้างของเธอใส่ไว้ในกระเป๋าและเดินตรงไปยังห้องน้ำหญิง

“พี่ไป๋ พี่อย่าพึ่งไปสิ”

ดวงตาของสุนัขจิ้งจอกจับจ้องไปยังไป๋เสิ่นเฉียวที่ค่อย ๆ เดินไกลออกไปอย่างไม่สนใจใยดี เขาจึงรีบตะโกนเรียก “พี่… ไป๋เสิ่นเฉียว คนพวกนี้ลวนลามผม!”

ชื่อของเธอดังก้องไปทั่วทั้งทางเดิน

บางทีอาจเป็นเพราะดวงตาของสุนัขจิ้งจอกนั้นร้อนแรงมากเกินไป ในที่สุดไป๋เสิ่นเฉียวก็สังเกตเห็นน้องชายสุดหล่อคนนี้

“นายเรียกฉันเหรอ?”

“ใช่”

สุนัขจิ้งจอกมองไปรอบ ๆ อย่างลำบากใจ รู้สึกทำอะไรไม่ถูก “ช่วยผมด้วย”

ไป๋เสิ่นเฉียวเข้าใจในทันที เธอรู้ดีว่าผู้ชายน่ารัก ๆ แบบนี้มักเป็นที่รักของผู้หญิงร่ำรวยมากแค่ไหน

เธอเดินเข้าไปยกแขนขึ้นโอบรอบคอของสุนัขจิ้งจอก “ขอโทษพี่สาวทุกคนด้วยนะคะ นี่น้องชายของฉัน เขาอายุยังน้อย ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ฉันจะกลับไปสั่งสอนเขาให้ดีเองค่ะ”

พูดจบ เธอก็รีบพาเขาออกไปในทันที ไม่ได้สนใจว่าคนที่เหลืออยู่จะคิดอย่างไร

สุนัขจิ้งจอกรับรู้ถึงความร้อนที่ต้นคอ พอก้มหัวลงก็ได้กลิ่นหอมออกมาจากร่างกายของไป๋เสิ่นเฉียว ทำให้เขาหายใจเร็วขึ้นมาอย่างกระทันหัน ใบหน้าแดงก่ำ

จนกระทั่งพวกพี่สาวหายไปจากสายตา ไป๋เสิ่นเฉียวก็ปล่อยมือออก

เธอจ้องไปยังใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของสุนัขจิ้งจอก “เด็กน้อยโตพอแล้วหรือไง? ทำไมไม่ตั้งใจเรียน มาเที่ยวเล่นอะไรในที่แบบนี้?”

สุนัขจิ้งจอกรู้สึกผิด “ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”

ไม่ว่าจะเป็นในระบบหรือโลกของความเป็นจริง เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว

“พี่ไป๋ พี่ไม่ชอบผมที่เป็นแบบนี้เหรอ?”

ไป๋เสิ่นเฉียวหรี่ตาลง “ทำไมนายถึงรู้จักชื่อฉันได้?”

“ผมเคยเจอพี่มาก่อน”

สุนัขจิ้งจอกพูดจบก็พูดอธิบายเพิ่ม “ในนิตยสาร”

ไป๋เสิ่นเฉียวนึกขึ้นมาได้ในทันที “คิดไม่ถึงว่าเด็กอายุน้อยอย่างนายจะชอบดูนิตยสารอาหาร ไม่เลวนี่ รสนิยมดี”

“ผมชอบพี่มาก ๆ เลยครับ พี่ไป๋”

ไป๋เสิ่นเฉียวตระหนักขึ้นมาได้ว่าตัวเองเสียเวลาไปมากแล้ว “กลับไปได้แล้ว”

หลังจากนั้นก็เดินกลับไปยังทางที่เธอเดินมา

แต่เดินไปได้สองก้าวก็พบว่าตัวเองเดินต่อไปไม่ได้ เพราะมีมือขาวสะอาดดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้

ไป๋เสิ่นเฉียวขมวดคิ้ว เธอกำลังจะหันหน้ากลับมาดุเขา แต่กลับเห็นน้ำตาหยดใหญ่บนดวงตา

“พี่ไป๋ ผมไม่มีที่ไป พี่พาผมกลับไปบ้านด้วยได้ไหม?”

ห๊า?

ไป๋เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำอาจจะทำให้เด็กนี่เข้าใจอะไรผิดไป

นี่มันละครอะไรกัน?

สวรรค์ส่งน้องชายผู้ซื่อสัตย์มาให้งั้นเหรอ?

ไป๋เสิ่นเฉียวเอามือของเขาออกและพูดอย่างมีไหวพริบ “เด็กน้อย พี่ไม่สนใจเรื่องแบบนี้”

สุนัขจิ้งจอกทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา

“พี่ไป๋… ผมเป็นแบบนี้… ไม่น่ามองจริง ๆ เหรอ? ผมเลือกตั้งนานกว่าจะตัดสินใจเลือก… รูปร่างหน้าตาแบบนี้มา”

ภาพที่เห็นสร้างความเห็นอกเห็นใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก

“ทำไมถึงได้รังแกเด็กแบบนี้ล่ะ?”

สุนัขจิ้งจอกมุ่ยปากขึ้น ยิ่งเจ็บใจเข้าไปใหญ่ “ผมไม่ใช่เด็กนะ”

เขาอยากเป็นแฟนหนุ่มของพี่ไป๋!

ไป๋เสิ่นเฉียวปิดปากของเขาเอาไว้ “อย่าร้อง ไม่งั้นคนอื่นจะคิดว่าฉันทำไม่ดีกับนาย”

“งั้นพี่จะพาผมกลับบ้านไหม?”

สุนัขจิ้งจอกมุ่งมั่นที่จะอยู่กับเธออยู่แล้ว

ไป๋เสิ่นเฉียวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตามนิสัยของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกสงสารเด็กน้อยอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่เธอมองไปยังดวงตาอันใสซื่อของสุนัขจิ้งจอก กลับไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย

นั่นคือสายตาคู่ที่ไม่มีสิ่งอื่นใดเจือปน ดวงตาสีฟ้าสวยงามราวกับงานศิลปะ

“นายตามฉันมาก่อน”

สุนัขจิ้งจอกมีความสุขมาก มันรีบตามเธอไปติด ๆ

ไป๋เสิ่นเฉียวดันประตูห้องส่วนตัวออก ฮันเจ๋อหยางพูดขึ้น “เธอตกส้วมไปแล้วเหรอ?”

ไป๋เสิ่นเฉียวยิ้มเซ็ง ๆ และขยับออกให้เห็นถึงคนที่ตามมาด้านหลัง

ทุกคนต่างพากันมองมา

เสี่ยวเหล่าซานเรียกขึ้นมา “เฉียว เธอไปลักพาตัวเด็กน้อยที่ไหนกลับมา?”

สุนัขจิ้งจอกคิดในใจ นายน่ะสิเด็กน้อย

บ้านของนายเป็นเด็กน้อยกันหมด

ฉันเป็นคุณปู่ของนายได้แล้วเฟ้ย

ซูโย่วอี๋มองไปเห็นดวงตาสีฟ้าอันคุ้นเคยของสุนัขจิ้งจอก เธอจึงมั่นใจว่าเป็นเขาได้ในทันที

ส่วนวินาทีต่อมาก็ได้แต่ตกใจ เจ้าสุนัขจิ้งจอกเลือกรูปร่างเด็กน้อยมางั้นเหรอ?

ไม่ใช่ว่าไม่หล่อ แต่แค่มองก็รู้เลยว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะ

กล้าดียังไงมาไล่ตามความรักอย่างนี้?

เธออยากกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหา แต่เสียงของสุนัขจิ้งจอกดังขึ้นมาจากภายในระบบ [ไม่ต้องพูดอะไร]

[ซู่จู่ ในโลกมนุษย์ ผมไม่รู้จักคุณ ผมเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ เข้าใจไหม?]

ซูโย่วอี๋นิ่งค้างไป ‘พึ่งได้รูปร่างมาก็คิดจะแบ่งเขตความสัมพันธ์กับฉันเลยเหรอ?’

สุนัขจิ้งจอกทำท่าทางว่าแน่นอน [คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งก็พอแล้ว]

ไป๋เสิ่นเฉียวนั่งลงบนโซฟา “เด็กน้อย เลือกที่นั่งเอาเองเลย”

แน่นอนว่าสุนัขจิ้งจอกไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไป จึงรีบเข้าไปนั่งข้าง ๆ เธอ

ฮันเจ๋อหยางอยู่ในอาการมึนงง “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ไป๋เสิ่นเฉียวยักไหล่ขึ้น “ฉันก็ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน”

เสี่ยวเหล่าซานยกแก้วเหล้าขึ้นและส่งให้กับสุนัขจิ้งจอก “นายชื่ออะไร?”

สุนัขจิ้งจอกมองไปยังไป๋เสิ่นเฉียวที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย “มู่ป๋าย”

ซูโย่วอี๋เกือบจะพ่นไวน์แดงออกมา

มู่ป๋าย?

มีความหมายว่าหลงรักไป๋เสิ่นเฉียว?

ซูโย่วอี๋แทบอยากจะปรบมือให้เขา ความชอบนั้นไม่คิดจะหักเลี้ยวเลยแม้แต่น้อย

เสี่ยวเหล่าซานรู้สึกชอบใจขึ้นมา “น้องมู่ป๋าย มา พวกเรามาดื่มกันแก้วหนึ่ง”

สุนัขจิ้งจอกไม่ขยับ “พี่ไป๋ ผมดื่มเหล้าได้ไหม?”

สายตาของไป๋เสิ่นเฉียวราวกับกำลังมองดูคนปัญญาอ่อน “นายจะดื่มหรือไม่ดื่มมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”

“ผมกลัวว่าพี่จะไม่ชอบไง”

เสี่ยวเหล่าซานไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป “เฉียว นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

แอบคบกับเด็กรุ่นราวคราวน้องชายงั้นเหรอ?

ไป๋เสิ่นเฉียวต่อยเขาไปหนึ่งที “คิดไปถึงไหนกัน? ฉันรู้จักหมอนี่มาก่อนพวกนายแค่ไม่กี่นาทีนี้เอง”

สุนัขจิ้งจอกกลัวว่าความสัมพันธ์จะดูซับซ้อนไม่มากพอเลยพุดออกไป “คืนนี้ผมจะไปอยู่บ้านพี่ไป๋”

ไป๋เสิ่นเฉียว ‘นายจะมาอยู่บ้านฉัน ฉันอนุญาตแล้วเหรอ?’

ฮันเจ๋อหยางลุกขึ้นยืน เขาคว้าคอเสื้อของสุนัขจิ้งจอกและลากเขาออก “นั่งให้มันดี ๆ”

สุนัขจิ้งจอกพูดขึ้น “ฮันเจ๋อหยาง อย่าคิดว่าผมไม่รู้ความในใจของคุณนะ!”

เสี่ยวเหล่าซานที่มองอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กน้อยคนนี้ร้ายกาจ

ทันทีที่มาถึงก็รีบเปิดเผยความลับออกมา

ความรู้สึกที่ฮันเจ๋อหยางมีต่อเสิ่นเฉียวนั้นทุกคนต่างก็รู้กันดี

แต่เสิ่นเฉียวกลับไม่เคยคิดแบบนั้นเลย

ฮันเจ๋อหยางรีบหันไปมองไป๋เสิ่นเฉียนในทันที เธอไม่ได้มองมาทางเขาเลยจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขาหันไปพูดกับสุนัขจิ้งจอกด้วยท่าทางไม่พอใจ “ถ้ายังพูดอะไรมั่ว ๆ ฉันจะเอาตัวนายออกไป”

สุนัขจิ้งจอกไม่กลัว เขาต้องการกำจัดแมลงวันที่มาคอยตามพี่ไป๋มาตั้งนาน ตั้งแต่อยู่ในระบบแล้ว

“ฮันเจ๋อหยาง ยังไงเราก็เป็นผู้ชายด้วยกัน มาสู้กันตรง ๆ เลยดีกว่า คนที่แพ้ห้ามมาให้พี่ไป๋เห็นหน้าอีก”

ไป๋เสิ่นเฉียวขมวดคิ้ว “พวกนายจะตีกันก็ตีกันไป อย่าเอาฉันไปเกี่ยวด้วย”

ซูโย่วอี๋รีบลุกขึ้น “วันนี้คือวันงานหมั้นของหยินหยินและรองประธานกู่นะ อย่ามีเรื่องกันเลย”

เธอแอบขยิบตาให้สุนัขจิ้งจอก

‘ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป นายเข้าใจหรือเปล่า นายมาถึงก็เล่นมาทะเลาะกับคนอื่น เสิ่นเฉียวจะมองนายยังไง? หนุ่มน้อยผู้สร้างปัญหางั้นเหรอ?’

สุนัขจิ้งจอกเห็นว่าสีหน้าของไป๋เสิ่นเฉียวไม่ค่อยดีจริง ๆ จึงพูดด้วยเสียงอ่อนลง “พี่ไป๋ ผมไม่ตีกับใครหรอก พี่อย่าโกรธเลยนะ”

พร้อมทำท่าทางน่าสงสาร

ไป๋เสิ่นเฉียวเป็นคนที่ต่อให้โกรธก็ไม่แสดงออกมา

หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน

ซูโย่วอี๋เดินไปด้านหน้าสุด ไป๋เสิ่นเฉียวอยู่ด้านหลัง สุนัขจิ้งจอกก้าวตามเธอไปทีละก้าวจากด้านหลัง

เวลาตีหนึ่ง ข้างนอกอากาศหนาวจัดจนเกือบจะแข็ง

ลู่เฉินใช้เสื้อคลุมคลุมให้ซูโย่วอี๋และกอดเธอไว้ในอ้อมแขน รอให้คนขับรถเอารถมารับ

ส่วนไป๋เสิ่นเฉียวก็พบว่ามู่ป๋ายต้องการตามเธอกลับไปที่บ้านจริง ๆ “อย่ามาล้อเล่น”

ดวงตาของสุนัขจิ้งจอกจริงจัง “ไม่ได้ล้อเล่น ผมไม่มีที่ไปจริง ๆ นะพี่ไป๋”

“ฉันไม่มีทางพานายกลับบ้านไปด้วยหรอก”

น้ำเสียงของไป๋เสิ่นเฉียวฟังดูนิ่ง ๆ แต่หนักแน่นมาก

สุนัขจิ้งจอกท้อใจมาก “แต่ว่าผมชอบพี่ไป๋มากจริง ๆ เลยอยากกลับบ้านไปกับพี่”

ฮันเจ๋อหยางกัดฟันด้วยความโกรธ เขาผลักสุนัขจิ้งจอกให้เข้าไปยังที่นั่งข้างคนขับ แถมยังใส่ใจคาดเข็มขัดนิรภัยให้เขาด้วย “ไม่มีที่ไปใช่ไหม? บ้านฉันมีห้องว่างอยู่เยอะ ฉันไม่รังเกียจที่จะได้ทำบุญโดยการรับนายไปอยู่ด้วยหรอกนะ”

สุนัขจิ้งจอกดิ้นไปมา แต่ฮันเจ๋อหยางสตาร์ทเครื่องยนต์ออกรถไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นซูหยินกับกู่อวี๋เฉิงก็จากไป

เสี่ยวเหล่าซานขยับเข้าไปใกล้ ๆ ไป๋เสิ่นเฉียว “เฉียว ฮันเจ๋อหยางเขา…”

“อ่า หนาวจัง”

ไป๋เสิ่นเฉียวยกมือขึ้นกอดตัวเองและถู ๆ ไปมาสองครั้ง “ฉันไปก่อนนะ”

ไม่รอให้เสี่ยวเหล่าซานพูดจบ เธอก็เดินหายเข้าไปในความมืดแล้ว

ปานจ่างดูจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาเถอะ นายเองไม่ได้พึ่งรู้จักพวกเขาวันแรกสักหน่อย”

สองคนนี้โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ถ้าชอบกันจริง ๆ ก็คงจะคบกันไปตั้งนานแล้ว

ซูโย่วอี๋แอบอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของลู่เฉิน เหลือไว้เพียงดวงตาสองข้างที่ลอดออกมามองไปรอบ ๆ

เธอมองเห็นจินหลิงโดยบังเอิญ

เธอสวมเสื้อคลุมสีเทาตัวใหญ่ ผ้าพันคอสีแดง ในมือถือถุงกระดาษอยู่ใบหนึ่ง

น่าจะเลิกงานแล้ว

จินหลิงก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปยังรถแลนด์โรเวอร์สีดำ พอไปถึงด้านหน้าของรถ

ก็มีผู้ชายคนหนึ่งลงมา

เขาสวมหน้ากากอนามัย ทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัด

แต่ซูโย่วอี๋กลับรู้สึกว่าคุ้นตามาก ๆ

จินหลิงยิ้มอย่างมีความสุขและพูดคุยกันไม่หยุด

ทั้งสองคนขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว

ซูโย่วอี๋เลยหันกลับมาและไม่ได้มองไปอีก

แต่ในใจก็ยังสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มที่มารอรับผู้หญิงที่เลิกงานดึกดื่นขนาดนี้ ไม่น่าจะใช่ความสัมพันธ์ธรรมดา ๆ ถ้าเป็นคู่รักกันจริง ๆ ฝ่ายชายก็ดูไม่ได้ขาดเงินอะไร ทำไมถึงปล่อยให้แฟนสาวลำบากขนาดนี้?

ระหว่างที่เธอกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย เสียงของลู่เฉินก็ดังขึ้น “ไปเถอะ”

ซูโย่วอี๋พยักหน้า พอรู้ตัวอีกทีก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องจริง ๆ

ภายในรถแลนด์โรเวอร์

จินหลิงหยิบผ้าพันคอออกมาจากถุงกระดาษอย่างเบามือ “คุณป๋าย สุขสันต์วันเกิดค่ะ”