ตอนที่ 317 สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วพื้นปฐพี

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 317 สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วพื้นปฐพี

หลี่ปิ้งถิงเดินทางไปเยือนเยียนอวิ๋นฉีด้วยตนเอง

นางอยากขอให้เยียนอวิ๋นฉีช่วยไกล่เกลี่ย นำเล่มขอพระราชทานอภัยโทษเข้าวัง

เยียนอวิ๋นฉีลังเล “พี่สะใภ้ใหญ่สามารถนำเล่มเข้าวังเองได้”

หลี่ปิ้งถิงถอนหายใจ พูดด้วยเสียงขมขื่น “ไม่ปิดบังน้องสะใภ้สอง ข้ากลัวข้านำเล่มเข้าวังหลวงไป ฝ่าบาทจะไม่ดูแม้แต่น้อย หากมีคนสามารถเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย สถานการณ์อาจดีขึ้นมาก”

“ในเมื่อต้องการหาคนไกล่เกลี่ย พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่ควรหาข้า คำพูดของข้าไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด”

“น้องสะใภ้สองถ่อมตนเกินไป! พูดตามความจริง เนื่องจากน้องสะใภ้สองไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับวังหลวง ข้าจึงกล้าขอให้น้องสะใภ้สองช่วยเหลือ”

“เพราะเหตุใด” เยียนอวิ๋นฉีฉงนเล็กน้อย

หลี่ปิ้งถิงกัดฟัน “สถานะขององค์ชายใหญ่น่ากระอักกระอ่วน หากขอให้คนคุ้นเคยในวังช่วยเหลือ เกรงว่าในวังจะสงสัยว่าองค์ชายมีแผนการลับหลังอีก เฮ้อ ข้าหมดหนทางแล้ว จึงทำได้เพียงมาขอความช่วยเหลือจากน้องสะใภ้สอง หากน้องสะใภ้สองลำบากใจจริง ไม่ต้องช่วยไกล่เกลี่ยก็ได้ เพียงแค่ช่วยยื่นเล่มนี้เข้าไปในวังหลวง รับรองว่าจะส่งถึงมือของฝ่าบาทก็พอ”

หากเพียงแค่ช่วยยื่นเล่มขออภัยโทษก็ใช่ว่าจะไม่ได้

ภายในใจของเยียนอวิ๋นฉียังคงมีคำถาม นางพูด “การยื่นเล่มขออภัยโทษเข้าไปเป็นเพียงก้าวแรก หากต้องการได้รับการอภัยจากภายในวัง ยังต้องให้เขาเข้าไปขออภัยโทษเอง เขาทำได้หรือ”

ทุกคนต่างรู้จักนิสัยของเซียวเฉิงเย่ดี

บอกว่าเขาอารมณ์ร้ายก็ไม่เชิง

แต่ทั้งขี้ขลาดทั้งดื้อรั้น!

เวลาส่วนใหญ่ ผู้คนต่างอยากจะด่าความขี้ขลาดและความโง่เขลาของเขา

เซียวเฉิงเย่ขี้ขลาดอย่างมากต่อหน้าฮ่องเต้องค์ก่อน แต่เขาไม่เคยขี้ขลาดต่อหน้าพี่น้อง

เวลานี้พี่น้องของเขาได้เป็นฮ่องเต้ แบ่งแยกขุนนางกับจักรพรรดิอย่างชัดเจน จากนิสัยของเขา เขาจะยอมก้มหัวแต่โดยดีหรือ

อย่ารอจนเล่มขออภัยโทษส่งเข้าไปแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ยอมรับปากให้โอกาสเขา แต่เขากลับไม่รักษาเอาไว้ เข้าไปอาละวาดในวังหลวงอีกครั้ง

เมื่อถึงเวลานั้น คนที่ยื่นเล่มอย่างนางคงได้รับความเดือดร้อนด้วย

ดังนั้น เยียนอวิ๋นฉีจำเป็นต้องมั่นใจท่าทีของเซียวเฉิงเย่ก่อน

หลี่ปิ้งถิงพูดอย่างมั่นใจ “น้องสะใภ้สองวางใจ ข้าโน้มน้าวเขาแล้ว รับรองว่าเขาจะไม่อาละวาด นอกจากนี้เขายอมรับความจริงแล้ว อีกทั้งยังเตรียมพร้อมที่จะยอมรับทุกสิ่งในเวลานี้”

“จริงหรือ”

“แน่นอน! หากเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าจะมาขอโทษด้วยตนเอง ขอน้องสะใภ้สองโปรดช่วยข้าด้วย!”

หลี่ปิ้งถิงไม่วางมาด มีท่าทีขอร้องคนอย่างสิ้นเชิง

เยียนอวิ๋นฉีครุ่นคิดสักพัก “ข้าสามารถช่วยยื่นเล่มได้ แต่ไม่ช่วยไกล่เกลี่ย”

“ข้าเข้าใจ! ขอบคุณน้องสะใภ้สอง” หลี่ปิ้งถิงโล่งใจ

เมื่อส่งหลี่ปิ้งถิงจากไป เยียนอวิ๋นฉีให้คนไปรายงานเซียวเฉิงเหวิน

ตอนกลางวัน

สองสามีภรรยารับประทานอาหารร่วมกัน

ท่านอ๋องผิงชิงเซียวเฉิงเหวินถามอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เจ้าคิดจะช่วยครอบครัวพี่ใหญ่จริงหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีตอบ “เพียงแค่ช่วยยื่นเล่มให้ถึงมือของฝ่าบาท เรื่องนี้ช่วยได้”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “เอาเล่มมาให้ข้าดู ข้าอยากรู้ว่าพี่ใหญ่เขียนสิ่งใด”

เยียนอวิ๋นฉีรับสั่งให้บ่าวรับใช้ไปหยิบเล่มขอพระราชทานอภัยโทษมาจากห้องตำรา

ไม่นานนัก บ่าวรับใช้กลับมา

เซียวเฉิงเหวินพลิกดูเนื้อหาอย่างละเอียด ก่อนจะหัวเราะออกมา “แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ความในใจของพี่ใหญ่ ย่อมต้องมีผู้อื่นเขียนแทน บางทีอาจเป็นหลี่ปิ้งถิง”

เยียนอวิ๋นฉีสงสัย “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพี่สะใภ้ใหญ่เขียนแทน”

เซียวเฉิงเหวินพูด “ตระกูลหลี่ลงทุนอย่างมากเพื่อให้หลี่ปิ้งถิงแต่งเข้าราชวงศ์ พวกเขาเชิญอาจารย์ชื่อดังมาอบรมหลี่ปิ้งถิงแต่เด็ก ศิลปะทั้งสี่โดดเด่นอย่างมาก บอกว่านางเป็นสตรีผู้มากความสามารถก็ไม่เกินจริง

เล่มขออภัยโทษที่ใช้ถ้อยคำสละสลวยเช่นนี้ไม่ใช่ฝีมือของพี่ใหญ่ มีแต่จะเป็นฝีมือของหลี่ปิ้งถิงเท่านั้น ดูท่าการขออภัยโทษในคราวนี้ก็เป็นความคิดของหลี่ปิ้งถิง ไม่คิดว่านางจะมีวิธีโน้มน้าวคนดื้อรั้นอย่างพี่ใหญ่”

เขาประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้

เยียนอวิ๋นฉียิ้ม “พวกเขาเป็นสามีภรรยามาหลายปี พี่สะใภ้ใหญ่โน้มน้าวพี่ใหญ่ได้ก็ไม่แปลก”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “หากเจ้าเคยพูดคุยกับพี่ใหญ่ เคยเห็นเขาเสียสติ เจ้าจะไม่พูดเช่นนี้ คนอย่างเขาดื้อรั้นอย่างมาก ไม่มีผู้ใดเกลี้ยกล่อมเขาได้อย่างง่ายดาย มีเพียงเสด็จพ่อที่สามารถใช้อำนาจข่มเขาเอาไว้

หลี่ปิ้งถิงสามารถเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจได้ แสดงว่านางรู้วิธีการรับมือกับเขาแล้ว ต่อจากนี้ในจวนของพี่ใหญ่ เกรงว่าเรื่องเล็กใหญ่ล้วนต้องให้หลี่ปิ้งถิงตัดสินใจ”

เยียนอวิ๋นฉียิ้มอย่างเข้าใจ พลันหยอกเขา “ท่านไม่ชอบให้สตรีเป็นคนตัดสินใจ?”

เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วพลันปฏิเสธ “ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น เจ้าอย่าใส่ร้ายข้า”

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะร่า “ข้าแค่ถามดูเท่านั้น ดูท่าทางกังวลของท่าน สมัยนี้แต่ละครอบครัวล้วนมีผู้ชายเป็นคนตัดสินใจ ผู้ชายไม่ชอบให้ผู้หญิงตัดสินใจก็เข้าใจได้”

เซียวเฉิงเหวินไม่ตอบ เขาปฏิเสธที่จะถกเถียงประเด็นนี้

เล่มขออภัยโทษถูกส่งไปถึงโต๊ะของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้

บทความที่เต็มไปด้วยความจริงใจช่างทำให้คนเกิดอารมณ์ร่วม

แต่เซียวเฉิงอี้รู้จักนิสัยของเซียวเฉิงเย่ดีเช่นเดียวกัน

หลัวเสี่ยวเหนียนโน้มตัวทูลตอบ “ทูลฝ่าบาท ระยะนี้เซียวเฉิงเย่ไม่ได้ไปทำงานที่สำนักหยาเหมิน เอาแต่หมกตัวดื่มสุราอยู่ในจวน อีกทั้งยังโหวกเหวกโวยวายด้วยถ้อยคำดูหมิ่นจำนวนมาก”

“พูดดูหมิ่นอย่างไรบ้าง”

หืม?

หลัวเสี่ยวเหนียนย่อมไม่สามารถทูลตอบตามถ้อยคำเดิมของอีกฝ่าย คำพูดเหล่านั้นจะพูดให้ฝ่าบาทฟังไม่ได้ เพราะมันจะแปดเปื้อนหูของฝ่าบาท

เขาพูดอย่างกระชับ “เอาแต่โทษความไม่เป็นธรรมของสวรรค์ โทษฮ่องเต้องค์ก่อนปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นธรรม โทษฝ่าบาท บอกว่าฝ่าบาทไม่คู่ควร”

ปัง!

ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้เตะเก้าอี้ล้ม “ข้าไม่คู่ควร เขาคู่ควรอย่างนั้นหรือ เจ้าคนโง่เขลากล้าพูดจาอวดดี ทำลายชื่อเสียงของข้า ไป เจ้าไปจวนของเขา สั่งสอนเขาให้ดี ให้เขาปิดประตูสำนึกผิด หากกล้าพูดจาเหลวไหลอีก อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง

นอกจากนี้ตักเตือนหลี่ปิ้งถิง อย่ามัวแต่คิดจะขออภัยโทษ หาทางควบคุมปากของพี่ใหญ่เอาไว้ไม่ให้เขาพูดจาเหลวไหลให้ได้เสียก่อน วันใดที่เขาเลิกพูดจาเหลวไหลแล้ว ข้าย่อมจะให้เกียรติเขา”

“พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาททรงมีเมตตาเกินไป”

หลัวเสี่ยวเหนียนยิ้มรับเอาไว้ จากนั้นนำลูกศิษย์ทั้งหลายมุ่งหน้าไปยังจวนของเซียวเฉิงเย่เพื่อแสดงบารมี

เซียวเฉิงเย่ “…”

เขาอยากจะระเบิดตัวทันที!

เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าสามจะไม่ให้เขาอยู่ดี

เขารู้อยู่แล้วว่าการยื่นเล่มขออภัยโทษเป็นการเหยียดหยามตนเอง

เขาจ้องหลี่ปิ้งถิงตาถลึง โทษเจ้า! เพราะความคิดของเจ้าจึงมีหายนะในวันนี้

หลี่ปิ้งถิงไม่สะทกสะท้าน

เมื่อทราบว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องการให้นางควบคุมปากของเซียวเฉิงเย่ มุมปากของนางก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ในไม่ช้า นางก็หุบยิ้มลง ยอมรับคำตำหนิด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมทั้งส่งคนออกจากจวนไปด้วยตนเอง

นางกลับมาที่ห้องโถง เซียวเฉิงเย่ก็พาลใส่นาง ทำท่าจะต่อว่านาง

แต่นางชิงพูดขึ้นมาก่อน “ฝ่าบาททรงให้ข้าควบคุมท่าน ข้าจะปฏิบัติตามอย่างไม่ลดไม่ขาด ขอให้ท่านระวังคำพูดนับแต่นี้ไป ระวังหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ดื่มสุราทุกวันก็ต้องรู้จักพอบ้าง อย่าได้ดื่มมากเกินไป”

“เจ้าจะควบคุมข้า? เจ้าจะใช้ขนไก่เป็นธนูหรือ?”

เซียวเฉิงเย่สับสนอย่างมาก ผู้ใดให้ความกล้านางกัน

หลี่ปิ้งถิงทำหน้าจริงจัง “นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท ไม่ใช่ขนไก่ ท่านยังไม่รับรู้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วหรือ”

เซียวเฉิงเย่ทำหน้าสับสน

หลี่ปิ้งถิงไม่รอเขาตอบสนอง นางออกคำสั่งให้เก็บสุรา ควบคุมปริมาณการดื่มสุราในแต่ละวัน

บ่าวรับใช้รับคำสั่ง

“ผู้ใดกล้าเก็บสุราของข้า”

เซียวเฉิงเย่ตะโกนด้วยความโกรธ

แต่แล้ว…

เรื่องที่น่าอายเกิดขึ้นแล้ว

บ่าวรับใช้ไม่ฟังเขา ฟังแต่คำสั่งของหลี่ปิ้งถิง

เซียวเฉิงเย่ยืนอยู่ที่เดิม เหม่อลอยไปไกล

ไม่เพียงฟ้าของเมืองหลวงที่เปลี่ยนไปแล้ว

ในขณะที่เขายังไม่รู้ตัว ฟ้าในจวนก็เปลี่ยนไปแล้ว

บ่าวรับใช้ล้วนทรยศ!

รังแกกันเกินไปแล้ว!

เขาชี้ไปที่หลี่ปิ้งถิงด้วยความอาฆาต

หลี่ปิ้งถิงไม่ถือสา นางพูดอย่างสุขุม “ท่านเหนื่อยแล้ว พยุงองค์ชายกลับไปพักในห้อง ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ผู้ใดจะรบกวนการพักผ่อนขององค์ชายไม่ได้”

บ่าวรับใช้รับคำสั่ง กำลังจะลงมือ

เซียวเฉิงเย่ร้อนใจ “หลี่ปิ้งถิง เจ้ากล้าได้อย่างไร”

“เหตุใดข้าจึงไม่กล้า” หลี่ปิ้งถิงยิ้ม “ข้าปฏิบัติตามพระราชโองการ ผู้ใดกล้าบอกว่าข้าผิด ท่านพี่ ท่านพักผ่อนให้ดี สงบสติอารมณ์ ทั้งภายในและภายนอกจวนมีข้าดูแลอยู่ ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดอย่างแน่นอน หลายปีนี้ล้วนผ่านมาเช่นนี้ อย่างไรท่านก็ไม่เคยสนใจเรื่องเล็กใหญ่ในจวนอยู่แล้ว”

การยึดอำนาจนี้ หลี่ปิ้งถิงได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์

ในจวนของเซียวเฉิงเย่ถูกถ่ายโอนอำนาจสำเร็จแล้ว

หลี่ปิ้งถิงผูกขาดอำนาจ

สตรีในเรือนหลังต่างตัวสั่นเทาเพราะกลัวถูกจัดการ

นี่เป็นเพียงหนึ่งเรื่องแทรกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันในเมืองหลวง ไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใดแม้แต่น้อย

ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นด้วยซ้ำว่าสองสามีภรรยาได้เปลี่ยนลำดับความสำคัญกันแล้ว

จวนขนาดใหญ่ ผู้กุมอำนาจจากเซียวเฉิงเย่เปลี่ยนเป็นหลี่ปิ้งถิง

การปะทะระหว่างสามีภรรยาเกิดขึ้นอย่างไร้เสียง

แต่การปะทะในราชสำนักนั้น สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วพื้นปฐพี!

สำนักเซ่าฝู่และสำนักอาวุธเกิดเหตุระเบิด

เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้น ราชสำนักกำลังประชุมในท้องพระโรง ทันใดนั้นแผ่นดินสั่นสะเทือน มุมหนึ่งของตำหนักใหญ่พังทลายลง

“คุ้มกันฮ่องเต้! คุ้มกันฮ่องเต้! ราชองครักษ์คุ้มกันฮ่องเต้!”

ขันทีใหญ่หลัวเสี่ยวเหนียนตกใจอย่างมาก เขาไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

ฮ่องเต้องค์ใหม่เซียวเฉิงอี้ก็มีสีหน้าซีดเผือด เขาเพิ่งขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ ยังไม่ถึงครบปีไท่หนิงก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นแล้ว?

สวรรค์ต้องการกำจัดต้าเว่ย ต้องการกำจัดเขาหรือ

เขาสับสนอย่างมาก!

เขาไม่คู่ควรที่จะนั่งบนบัลลังก์มังกรจริงหรือ

เวลานี้ เขาเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมา

หลัวเสี่ยวเหนียนและขันทีอีกหลายคนคุ้มกันฮ่องเต้องค์ใหม่เซียวเฉิงอี้ออกไปรวมตัวกับราชองครักษ์

บรรดาขุนนางหนีกระเจิดกระเจิง คนส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าแผ่นดินไหว

มีคนตะโกนออกมา “สวรรค์ลงโทษ!”

ทั้งตำหนักใหญ่วุ่นวาย ไม่เป็นระเบียบ

เหตุการณ์นี้ทำให้ฮ่องเต้องค์ใหม่เซียวเฉิงอี้ดวงตาแดงก่ำ

เขาออกแรงผลักขุนนางฝ่ายในที่พยุงเขาออก พลันตะโกนด้วยความโกรธ “ยืนนิ่งให้หมด ผู้ใดกล้าตะโกน ราชองครักษ์ประหารทันที!”

ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่ง ราชองครักษ์ชักดาบออกมา เตรียมพร้อมที่จะประหารคนทันที

ภายในตำหนักใหญ่เงียบลง บรรดาขุนนางต่างขมวดคิ้ว

แต่ว่า พื้นดินราวกับไม่สั่นแล้ว

แต่ยังได้ยินเสียงระเบิดจากระยะไกล

เกิดเรื่องแล้ว?

ฮ่องเต้องค์ใหม่เซียวเฉิงอี้รับสั่งทันที “ผู้ใดก็ได้ ไปสืบสถานการณ์มาโดยด่วน จากนั้นรีบมารายงาน”

พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ เดินกลับไปนั่งที่บัลลังก์มังกรอีกครั้ง

ตำแหน่งนี้…