บทที่ 274 เชิญกู่ชิงเสวียนไปกินข้าว

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 274 เชิญกู่ชิงเสวียนไปกินข้าว

“คุณ?”

เหอเหยียนนีผงะและมองไปที่มู่เซิ่ง

ทันใดนั้น เธอส่ายหัวและถอนหายใจและพูดว่า”คุณมู่ หยุดล้อเล่นได้แล้ว ฉันรู้ว่าคุณมีใจที่จะช่วยบ้านเอื้อเฟื้อ แต่คุณไม่มีงานและไม่มีรายได้ คุณจะช่วยบ้านเอื้อเฟื้อได้อย่างไร?”

ในสายตาของเหอเหยียนนีคำพูดของมู่เซิ่งเป็นเพียงเจตนาที่ดีเท่านั้น

“ผมรู้จักคนใหญ่คนโตสองสามคนในเจียงหนาน ผมสามารถเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้ช่วยบ้านเอื้อเฟื้อได้”มู่เซิ่งกล่าว

“นี่ เป็นเรื่องจริงหรือ?” เหอเหยียนนีตกตะลึง

หากคนใหญ่คนโตในเจียงหนานยอมยื่นมือมาช่วย ไม่ ขอเพียงตระกูลชั้นสองยอมให้ความช่วยเหลือ ความลำบากในบ้านเอื้อเฟื้อก็จะผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน

“เป็นความจริงแน่นอน”

มู่เซิ่งพยักหน้าและกล่าว

“คุณน้าเหอคุณไม่ต้องห่วง มู่เซิ่งเก่งมากๆ เขารู้จักคนใหญ่คนโตมากมาย”ฉู่อีอีพูดอยู่ข้างๆ เมื่อวานเธอเห็นฉากที่มู่เซิ่งทำให้สองพ่อลูกของตระกูลจูกลัวจนฉี่เกือบราด ถ้าตอนนี้ยื่นมือออกมาช่วย ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน

เมื่อเห็นฉู่อีอีพูดเช่นนั้น เหอเหยียนนีก็แสดงสีหน้าที่มีความสุข เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า”ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆคุณมู่”

“มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย”มู่เซิ่งยิ้มและโบกมือ

หลังจากที่เขาและฉู่อีอีจากไป เขาก็ส่งฉู่อีอีไปโรงเรียนก่อนแล้วจึงนั่งรถกลับ เขาเติบโตมาโดยลำพังในกองทัพตั้งแต่ยังเด็ก และเขารู้ความรู้สึกของเด็กกำพร้าดีที่สุด

ถ้าไม่ใช่เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ แม้ว่าเขาจะบริจาคเงินด้วยตัวเองเพื่อแก้ปัญหาของบ้านเอื้อเฟื้อ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา

มู่เซิ่งกลับไป และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับเจียงหว่านภรรยาของเขา

เจียงหว่านเป็นคนที่มีจิตใจเมตตามาก เธอเต็มใจช่วยอย่างแน่นอน แต่ความช่วยเหลือแค่นี้ยังไม่พอ ตระกูลเจียงเป็นเพียงบริษัทตกแต่ง และตอนนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อหาสถานที่ใหม่ให้บ้านเอื้อเฟื้อพักอาศัย

ดังนั้น มู่เซิ่งจึงนึกถึงตระกูลกู่

นอกจากมู่ซื่อ กรุ๊ปแล้ว ยังเป็นตระกูลอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเจียงหนาน

“ฮาโหล มู่เซิ่ง ในที่สุดคุณก็ยอมโทรหาฉันสักทีนะ?”

หลังจากที่กู่ชิงเสวียนรับสาย มือของเธอก็สั่น

ช่วงนี้คุณปู่ออกจากเจียงหนาน โดยบอกว่าเขามีธุระด่วนต้องไปที่เยียนจิงและตอนนี้ ในตระกูลกู่เหลือเธอตัวคนเดียว แต่คุณปู่ไม่อนุญาตให้เธอไปหามู่เซิ่ง ดังนั้นเธอจึงอยู่แต่บ้านทุกวัน แทบจะขึ้นราแล้ว

“ใช่ ไม่เจอกันนานเลย ผมมีเรื่องอยากรบกวนคุณหน่อย วันนี้คุณว่างไหม?” มู่เซิ่งถามตรงๆ

“ฉันว่าง ว่างแน่นอน”หลังจากกู่ชิงเสวียนพูดอย่างนั้น เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย โดยคิดว่าสาวๆควรรักนวลสงวนตัวมากกว่านี้ เธอจึงพูดอีกครั้ง”ฉันยังไม่ได้ทานอาหารเย็นเลย ถ้าคุณมีธุระอยากรบกวนฉัน เลี้ยงอาหารเย็นฉัน มันไม่มากเกินไปใช่ไหม?”

“ไม่มากเกินไปเลย”มู่เซิ่งส่ายหัวของเขา

“ถ้างั้นก็ตามนี้นะ มีร้านอาหารใหม่ในใจกลางเมืองเพิ่งเปิดวันนี้ ฉันจะไปกิน!”กู่ชิงเสวียนกล่าว

“ได้ ผมจะไปหาคุณที่ตระกูลกู่เดี๋ยวนี้”หลังจากที่มู่เซิ่งพูดจบ เขาก็วางสายไป

“เย้!”

กู่ชิงเสวียนกระโดดขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นเต้น เต้นไปเรื่อย และในที่สุดก็กลิ้งลงมาอย่างรวดเร็ว นั่งบนโต๊ะเครื่องแป้งและเริ่มแต่งหน้าแต่งตา

มู่เซิ่งคนนี้ จะมาแล้ว

รถของมู่เซิ่งได้รับคำสั่งจากกู่มู่สวีนแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาเข้าไปในบ้านของตระกูลกู่ เขาจึงไม่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นห้ามไว้ มู่เซิ่งจอดรถตรงชั้นล่างของตระกูลกู่ และเรียกชื่อกู่ชิงเสวียนอยู่ที่หน้าประตู

“รอสักครู่ จะเสร็จแล้ว”กู่ชิงเสวียนตอบกลับที่ชั้นบน

เธอตื่นเต้นเกินไป

ตื่นเต้นจนทาลิปสติกเบี้ยวไปนิดหน่อย ดังนั้นจึงรีบเช็ดออกก่อนที่จะแต่งหน้าต่อไป

“เสร็จหรือยัง”มู่เซิ่งถาม

“มาแล้ว มาแล้ว”กู่ชิงเสวียนสวมรองเท้าส้นสูง และเดินลงบันไดช้าๆ เธอเป็นผู้ฝึกฝนบูโด และมักจะสวมรองเท้าส้นแบน วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอสวมรองเท้าส้นสูง เธอจึงเดินแบบจะล้มไม่ล้ม

นอกจากนี้ กู่ชิงเสวียนยังสวมชุดยาวสีขาวที่เผยส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปร่าง มีออร่าที่สูงสง่า

มู่เซิ่งเหลือบมอง แล้วเก็บสายตากลับมา และพูดว่า”กู่ชิงเสวียน คุณช้าเกินไปแล้ว?เกือบจะพลาดเวลาอาหารเย็นแล้วนะ”

“ฉันก็ลงมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”กู่ชิงเสวียนเบะปาก แสร้งทำเป็นไม่พอใจและพูดว่า“นอกจากนี้ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันจะลงมาภายในห้านาที ทำไมคุณถึงเร่งฉันทุกครึ่งชั่วโมงล่ะ?”

มู่เซิ่ง”…”

กู่ชิงเสวียนนั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับ รปภ.ทั้งสองด้านเห็นสิ่งนี้ก็ปล่อยให้พวกเขาไปทันที

ในรถ ดวงตาของกู่ชิงเสวียนมองไปที่มู่เซิ่งเป็นครั้งคราว แต่มู่เซิ่งทำได้เพียงแค่แกล้งทำเป็นไม่เห็น จับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง และมองไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ

“ใช่แล้ว ช่วงนี้คุณไปไหนเหรอ?ในเจียงหนานไม่ได้ยินข่าวของคุณเลย”ในรถ กู่ชิงเสวียนได้ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ

“ผมไปเยียนจิง เพราะมีธุระต้องไปจัดการ”มู่เซิ่งพูด

เมื่อได้ยินคำว่าเยียนจิง กู่ชิงเสวียนก็หยุดถามทันที เธอพอเดาออกในความไม่ธรรมดาของมู่เซิ่ง และปู่ของเธอก็เคยเตือนเธอเช่นกันว่า อย่าถามมู่เซิ่งเกี่ยวกับเยียนจิง ถ้าเธอรู้เรื่องนี้ เธอจะไม่ถามแล้ว

“ใช่แล้ว ตอนนี้ร้านอาหารนั้นเป็นที่นิยมมาก คุณไม่ได้กลับมานานขนาดนั้น คุณรู้ที่ตั้งไหม?”กู่ชิงเสวียนถาม

“ไม่รู้ แต่ผมได้เสิร์ชหาตำแหน่งในกูเกิ้ลแมพแล้ว และตำแหน่งในนั้นน่าจะถูกอยู่นะ”มู่เซิ่งพูด”คุณเคยไปทานอาหารที่นั่นไหม?”

“ไม่เคย”กู่ชิงเสวียนส่ายหัวของเธอ

“อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่ารสชาติน่าจะดีมาก”

“เมื่อเร็วๆนี้ สถานีโทรทัศน์ในเจียงหนาน รวมถึงบริษัทโฆษณาได้โฆษณาร้านอาหารนี้ตามท้องถนนและตรอกซอกซอย เกือบทุกคนในเจียงหนานรู้จักร้านนี้และเป็นที่นิยมมาก ดังนั้นฉันจึงอยากไปกินที่นั่นดูสักครั้ง”

ขณะที่กู่ชิงเสวียนพูด เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

หน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นรูปของมู่เซิ่ง เธอแตะนิ้วเบาๆ และเข้าไปในหน้านั้น แต่เธอเชื่อว่ามู่เซิ่งต้องเห็นมันแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เริ่มแนะนำอาหารต่างๆในร้านอาหารยอดนิยมแห่งนี้ให้มู่เซิ่งรู้จัก

มู่เซิ่งมองขณะขับรถ

แน่นอนเขาเห็นภาพนี้ ซึ่งกู่ชิงเสวียนเป็นคนแอบถ่าย ข้างๆยังมีกู่ชิงเสวียนที่ทำหน้าผีที่ยื่นลิ้นออกมา ซึ่งทำให้มู่เซิ่งทำอะไรไม่ถูก เพราะระหว่างที่อยู่กับกู่ชิงเสวียน เขาสามารถรู้สึกถึงความรู้สึกดีที่กู่ชิงเสวียนมีต่อเขา แต่ในใจของเขา กู่ชิงเสวียนเป็นเหมือนน้องสาวมาโดยตลอดและไม่มีความรู้สึกรักของชายหญิงเลย

ยิ่งไปกว่านั้น มู่เซิ่งแต่งงานแล้ว และตอนนี้ ความสัมพันธ์ของเขากับเจียงหว่านก็ดีมาก

ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู่ชิงเสวียน จึงไม่มีทางเป็นไปได้เลย

“บางที ผมคงต้องหาโอกาสชี้แจงเรื่องนี้กับกู่ชิงเสวียนแล้ว”มู่เซิ่งถอนหายใจและแอบคิดในใจ

มิฉะนั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่เป็นผลดีต่อตนเอง และจะทำให้กู่ชิงเสวียนเสียเวลา

เมื่อกำลังคิดเช่นนี้ มู่เซิ่งได้ขับรถไปถึงหน้าประตูร้านอาหารแล้ว

ที่ทางเข้าร้านอาหาร กระเช้าดอกไม้ถูกวางไว้ทั่วพื้น และมีหลายคนที่ต่อแถวที่ทางเข้า ทำให้ดูคึกคักมาก

“คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงสองท่านนี้ พวกคุณเข้าไปไม่ได้”

เมื่อมู่เซิ่งกำลังจะเข้าไปในร้านอาหาร จู่ๆผู้จัดการก็หยุดมู่เซิ่งไว้…