บทที่ 238 ได้โปรดแสดงออกมา

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 238 ได้โปรดแสดงออกมา
บทที่ 238 ได้โปรดแสดงออกมา

ไป๋ชิวหรานนำกลุ่มคนจำนวนมากจากเผ่าอสูรมายืนอยู่นอกเมืองหลวงของชายแดนทางใต้ ที่เป็นเขตอำนาจของราชาอสูรหยกวิเศษ เขามองขึ้นไปที่กำแพงเมือง

อสูรเหล่านี้มาจากกงล้อสังสารวัฏหกวิถี ทั้งหมดเป็นตัวตนระดับเดียวกับตัวตนแห่งสวรรค์ ล้วนมีพลังและปัญญาใหญ่ยิ่ง พวกมันจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้ได้

การสร้างอาคารพระราชวังอันงดงาม หรือสร้างป้อมปราการกำแพงเมืองสูงตระหง่านไว้ป้องกันตัวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเผ่าพันธุ์ของพวกมัน

โลกอสูรเต็มไปด้วยวัตถุมากมาย ซึ่งหลายสิ่งอาจจะถูกขัดเกลามาจากสิ่งหนึ่ง เป็นเพราะเผ่าอสูรนั้นแข็งแกร่ง ดังนั้นการปรับแต่งสิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก

ทว่า กำแพงเมืองเหล่านี้มักจะไร้ประโยชน์เมื่อเหล่าอสูรต้องต่อสู้ เพราะแทนที่พวกมันจะต่อสู้กับภายในกำแพง แต่ทุกการต่อสู้ล้วนเกิดขึ้นนอกกำแพงเสมอ ด้วยไร้ขอบแดนในการต่อสู้ จะทำให้รู้สึกเป็นอิสระมากกว่า

ดังนั้น หลังจากที่ไป๋ชิวหรานนำผู้คนมาที่นี่และประกาศท้าทายโหวแห่งทิศใต้ที่เป็นผู้ปกครองสถานที่แห่งนี้ และในสถานที่แห่งนี้มีเหล่าพรรคพวกของโหวแห่งทิศใต้มากกว่าหนึ่งโหลเป็นผู้ร่วมรบ!

แน่นอนว่าตอนนี้ทั้งหมดนอนอยู่บนพื้นรอบข้างไป๋ชิวหราน พวกมันทุกตนนอนหมดสติ

กลุ่มอสูรที่เขาพามาก็กระตือรือร้นที่จะต่อสู้เช่นกัน ไป๋ชิวหรานพาพวกเขามาที่กำแพงเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งหมดก่อกบฏ เช่นนี้จึงได้หยอกล้อต่อสู้กับเหล่าทหารปกป้องกำแพงเมืองเพื่อผ่อนคลายสักครู่หนึ่ง

แต่การต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้ย่อมนำพาการสูญเสียมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เหล่าอสูรกลับอิ่มเอมไปด้วยความสุข แม้แต่อสูรที่ตายตกในการต่อสู้ยังเผยรอยยิ้มพึงพอใจก่อนตาย ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับไป๋ชิวหรานที่จะหยุดยั้งพวกมัน

เมื่อทั้งอสูรเหล่านี้ตายตก ตามกฎการกลับชาติมาเกิดของกงล้อสังสารวัฏหกวิถี พวกมันจะได้กลับมาเกิดเป็นเดรัจฉาน แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าเหล่าอสูรทั้งหมดจะไม่คิดสนใจเรื่องนั้น

ไป๋ชิวหรานนำพวกมันมาตั้งค่ายที่นี่ ในระหว่างวัน เขาได้รับคำท้าสองสามครั้งจากเผ่าพันธุ์อสูร หลังจากทุบตีพวกมันล้มลงไปกองบนพื้น ในตอนเย็น เขาจึงปลดปล่อยเทพอสูรภายใต้คำสั่งเพื่อไปต่อสู้กับอสูรระดับสูงของฝ่ายตรงข้าม หลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว ในตอนเย็นชายหนุ่มพาอสูรที่ได้รับชัยชนะกลับมากินเนื้อ ดื่มสุรา และคลอเคลียกับเหล่าอสูรหญิงที่งดงาม อีกทั้งยังได้เต้นรำกับเจียงหลานด้วย

หลังจากผ่านไปสามหรือสี่วัน โหวแห่งทิศใต้ในเมืองตรงข้ามก็มาถึง และในเวลากลางคืนเขาเรียกไป๋ชิวหรานออกมาพูดคุยพร้อมด้วยอสูรรับใช้สองสามตน… ผลลัพธ์ทั้งสองตกลงที่จะประลองกันในเช้าวันรุ่งขึ้น

ไม่นานก็ถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋ชิวหรานตื่นแต่เช้าและนำอสูรกลุ่มใหญ่ตรงไปที่กำแพงเมือง ก่อนจะรอให้โหวแห่งทิศใต้ออกมาต่อสู้

เสียงแตรอันเร่าร้อนดังขึ้นที่ประตูเมืองฝั่งตรงข้าม และเหล่าอสูรนับไม่ถ้วนตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นบนกำแพงเมือง ประตูกำแพงเมืองเปิดกว้างออก ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ เดินออกมา ในขณะนั้นอสูรที่อยู่เคียงข้างกับไป๋ชิวหรานอ้าปากค้างพร้อมกัน

“มีอะไร?”

ชายหนุ่มเห็นว่าลูกสมุนตัวน้อยที่เขานำพากระทำตัวแปลกประหลาดจึงถามขึ้น

“อสูรก็เป็นโรคหอบได้ด้วยหรือ?”

“ไม่ใช่ขอรับพี่ใหญ่”

เหล่าอสูรมองดูอสูรอีกฟากหนึ่ง ร่างกายของเขาราวกับเนินเขา มีแปดแขนและทั้งสองฝั่งปกคลุมไปด้วยคลื่นพลังราวกับทองสัมฤทธิ์ จากนั้นมันจึงกล่าวออกมาว่า

“อสูรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่โหวแห่งทิศใต้ นั่นคือราชาอสูรหยกวิเศษ!”

“โอ้?”

ไป๋ชิวหรานหันศีรษะและมองไปอีกฟากฝั่งก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา

“ดูเหมือนว่าข้าจะพบปัญหายุ่งยากแล้ว”

ท้ายที่สุด เขาไม่สนใจท่าทางของอสูรเหล่านี้ และหันไปจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง

แม้ว่าจะทำให้ตนเองสูงใหญ่ขึ้นเพื่อให้พอดีกับขนาดของเกราะต่อสู้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับราชาอสูรหยกวิเศษ เขายังตัวเล็กมาก…

ไป๋ชิวหรานมองราชาอสูรหยกวิเศษ และราชาอสูรหยกวิเศษก็มองมาที่เขาเช่นกัน อีกฝ่ายหัวเราะคิกคักแล้วกล่าวว่า

“ราชาองค์นี้ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า เจ้าเพิ่งปกครองพื้นที่ที่วุ่นวายที่สุดนอกอาณาเขตของราชาองค์นี้ในหลายร้อยลี้ที่ห่างไกล ซ้ำความแข็งแกร่งยังน่าชื่นชมนัก ดังนั้นราชาองค์นี้จึงออกจากบ้านมาเป็นกรณีพิเศษเพื่อต่อสู้กับเจ้า ไม่ต้องกังวลไป… หากตราบใดที่ยอดเยี่ยมกว่าโหวแห่งทิศใต้ ข้าจะให้เจ้าเข้าแทนที่ตำแหน่งโหวแห่งทิศใต้คนใหม่ทันที!”

“ช่างเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง ฝ่าบาท”

ไป๋ชิวหรานประสานหมัด

“แต่อยากถามว่า หากข้าสามารถปราบปรามองค์ราชาของที่นี่ได้ ในอนาคตอาณาเขตทั้งหมดของราชาอสูรหยกวิเศษจะอยู่ใต้คำสั่งของข้าหรือไม่?”

ราชาอสูรหยกวิเศษและเหล่าอสูรที่อยู่บนกำแพงถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นอสูรที่เฝ้าดูการต่อสู้บนกำแพงเมืองก็ปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ใจเย็น ๆ หน่อย ข้าชักชอบเจ้าเสียแล้ว!”

ราชาอสูรหยกวิเศษหัวเราะลั่น จากนั้นหันไปหาอสูรที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองก่อนจะตะโกนเสียงดัง

“หุบปาก! พวกเจ้าหัวเราะเรื่องอะไร! จงรับชมบทเรียนซะ!”

เขาหยุดก่อนจะกล่าวเสริม

“ทุกคนฟังข้าให้ดี! หากพ่ายแพ้บุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าในวันนี้ ต่อจากนี้ไป เขาจะเป็นราชาแห่งอาณาจักรอสูรหยกวิเศษแห่งนี้!”

อสูรบนกำแพงเมืองหัวเราะและมองไป๋ชิวหรานด้วยความหวาดหวั่น

“ขอบคุณสำหรับความใจกว้างของท่าน”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้าและพูดว่า

“มันทำให้ข้าประหยัดเรี่ยวแรงไปมาก”

“ไม่เป็นไร ขอแค่เราได้มีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันก็เพียงพอ”

รอยยิ้มที่กระหายสงครามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของราชาอสูรหยกวิเศษ เขายกนิ้วส่งสัญญาณให้กับไป๋ชิวหรานและกล่าวว่า

“เข้ามาเลย!”

“เช่นนั้น ข้าจะไม่ออมมือ!”

ชายหนุ่มโค้งคำนับต่อราชาอสูรหยกวิเศษ

“เช่นนั้นข้าขอให้ราชาอสูรหยกวิเศษเป็นฝ่ายบุกเข้ามา”

“โอ้?”

ราชาอสูรหยกวิเศษยิ้มก่อนจะกล่าวว่า

“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีงั้นหรือ?”

“ได้โปรดแสดงพลังของราชาอสูรหยกวิเศษให้ข้าเห็น”

ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างจริงใจ

“ข้าไม่อยากเชื่อถือถ้อยคำของผู้อื่น ทว่าอยากเห็นมันด้วยตาตนเอง”

“ยอดเยี่ยมนัก”

ราชาอสูรหยกวิเศษเป็นคนจริงใจเช่นกัน ขณะนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า!”

เขาคำรามออกมาเสียงดัง แสงสว่างแห่งวิญญาณปรากฏบนร่างกายเปล่งประกายเจิดจ้า และความแข็งแกร่งสูงสุดถูกเปิดเผยออกมา ทั้งภูเขาและแม่น้ำต่างสั่นคลอนกับคลื่นพลังนี้!

ภายใต้แสงสีเงิน แขนทั้งแปดของราชาอสูรหยกวิเศษเหยียดยาวออกทั้งสองข้าง มองดูคล้ายกับนกยูงรำแพน แต่ละแขนมีการสร้างตราประทับขึ้นมา เป็นคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านหลัง

จากนั้นแขนทั้งแปดและเศียรทั้งสองก็หลอมรวมกันภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์นั้น และในที่สุดก็กลายร่างเป็นเทพอสูรสี่ตา หนึ่งเศียร และสองแขน ทว่าตอนนี้แขนของเขาหนากว่าตอนที่มีแปดแขนมากขึ้นถึงสี่เท่า เพียงแค่หมัดเดียวน่าจะใหญ่กว่าร่างกายท่อนบนของไป๋ชิวหรานในขณะนี้

พลังที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของราชาอสูรหยกวิเศษถูกปลดปล่อยด้วยเสียงคำราม เขาทุบลงไปที่พื้นก่อนจะเหวี่ยงแขนไปรอบ ๆ แล้วเริ่มชกต่อยไป๋ชิวหรานด้วยหมัด

ตู้ม!

พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นพร้อมกับคลื่นอากาศที่แหวกออก ไป๋ชิวหรานมองเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างได้ชัดเจน มันคือเส้นเขตแดนเป็นร่องลึกบนผืนแผ่นดิน!

อสูรที่โชคร้ายที่ยืนอยู่ใกล้เคียงบริเวณ ถูกคลื่นพลังกระแทกจนกระเด็นขึ้นท้องฟ้าลอยลิ่วไปไกล

รอยยิ้มเบิกบานและความพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของราชาอสูรหยกวิเศษ ดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจอย่างยิ่งในยามนี้ ทว่าทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน”

รอยยิ้มที่มั่นใจก่อนหน้ากลายเป็นแข็งทื่อ และทันใดนั้นพลังที่เขาถาโถมใส่ไป๋ชิวหรานถูกผลักกระเด็นออกด้วยนิ้วเดียว ชายหนุ่มผลักกำปั้นนั้นออกไปอย่างง่ายดาย…

ใบหน้าของเขายังคงสงบและไร้ซึ่งอันตรายใด

“ถึงคราวข้าบ้างล่ะ”

ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นพร้อมกล่าวคำเบา

ลางสังหรณ์ที่เลวร้ายฉายชัดในจิตใจของราชาอสูรหยกวิเศษ เขาช้าเกินไป ตอนนี้ฝ่ามือของไป๋ชิวหรานมาถึงด้านหน้าแล้ว!

ตู้ม!

คลื่นพลังขนาดใหญ่ปะทะกับวงแหวนด้านหลังจนระเบิดออก ราชาอสูรหยกวิเศษพุ่งถอยออกไปราวกับกระสุนระเบิด

กำแพงเมืองของเขาถูกร่างกายนั้นพุ่งชนจนแหลกละเอียด ร่างกระเด็นเข้าไปด้านในจนสุดเขตเมือง และสุดท้ายก็หยุดลงอีกฟากหนึ่งของกำแพงเมือง หากมองเข้าไปจะเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่

ฝุ่นควันหายไปหมดสิ้น และราชาอสูรหยกวิเศษผู้เป็นอมตะนอนอยู่บนพื้นด้วยสภาพที่หมดสติ

“ข้าชนะ”

ไป๋ชิวหรานถอยฝ่ามือกลับมาก่อนจะกล่าวคำเบา ๆ กับอสูรบนกำแพงเมือง

“จากนี้ไป พวกเจ้าต้องเชื่อฟังข้า”