ตอนที่ 275 ยังต้องเตรียมบ้าอะไรอีก!

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 275 ยังต้องเตรียมบ้าอะไรอีก!

“ถึงอยากอำพรางก็คงอำพรางไม่อยู่หรอกขอรับ” กงซุนปู้ส่ายหน้า

หนิวโหย่วเต้าถาม “เพราะอะไร”

กงซุนปู้กล่าวว่า “จากที่ไปสืบมาตามคำสั่งท่าน เราไม่เคยพบเบาะแสเลย อีกทั้งท่านยืนยันว่าอีกฝ่ายจะต้องใช้เรือขนส่งผ่านทางทะเลแน่นอน ศิษย์ในสำนักไปสอบถามชาวประมงที่มีประสบการณ์ออกทะเลหาปลามาอย่างละเอียดแล้ว สอบถามชาวประมงตามชายฝั่งทะเลมาไม่น้อย เนื่องจากแคว้นฉีห้ามส่งออกม้าศึกโดยพลการ ดังนั้นจึงไม่เคยได้ยินว่ามีเรือสำหรับขนส่งม้าโดยเฉพาะเลย”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ไม่มีเรือสำหรับขนม้าโดยเฉพาะ แล้วเรือขนส่งสินค้าใช้ไม่ได้หรือ?”

กงซุนปู้ส่ายหน้า “ทางเราก็ถามแบบนี้เช่นกัน จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าที่มีประสบการณ์ เรือขนส่งสินค้าทั่วไปไม่สามารถขนส่งม้าได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบรรทุกไม่ได้ เพียงแต่ม้าส่วนใหญ่เคยชินกับการอยู่บนบก ไม่คุ้นเคยกับการอยู่บนเรือแล้วลอยไปลอยมาอยู่ในทะเล แบบนั้นจะทำให้ม้าไม่สบายเอาได้ และถ้าอยู่กันเป็นฝูงก็จะเกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นต้องแยกให้ม้าอยู่เดี่ยวๆ ได้รับการดูแลจากคนเลี้ยงม้าที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญ หากจะขนส่งเป็นจำนวนมากล่ะก็ จำเป็นต้องดัดแปลงสภาพภายในเรือสินค้าก่อนถึงจะนำมาใช้ได้”

“อีกทั้งคนของพวกเราก็ตรวจสอบเรือต้องสงสัยบางส่วนตามชายฝั่งแล้ว ไม่ปรากฏเรือที่ทำการดัดแปลงสภาพภายในเลย หากเป็นไปตามที่เต้าเหยี่ยบอก เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่ได้ใช้เรือจำนวนน้อยๆ หากแต่ต้องใช้เรือจำนวนมาก คงไม่สามารถต่อเรือขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมากเพื่อม้าเหล่านี้โดยเฉพาะได้กระมัง? หากจะต่อเรือใหญ่สักลำที่สามารถออกทะเลได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้ช่างต่อเรือที่เชี่ยวชาญ การจะต่อเรือสักลำก็ใช่ว่าจะทำขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ได้ ดังนั้นการจะสร้างเรือขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมากยิ่งเป็นไปได้ยากเข้าไปใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่พบเห็นเรือใหม่ประเภทนี้เลยขอรับ”

“หลังจากคนของทางเราออกตรวจตราตามแนวชายฝั่งไปรอบหนึ่ง ตัดตำแหน่งที่เรือเหล่านั้นไม่สามารถเทียบท่าได้ออกไป ตรงพื้นที่ทั้งหมดที่เรือจะเข้าเทียบท่าได้ พวกเราได้ส่งคนไปลาดตระเวนตามพื้นที่ทุกวัน ในกรณีที่มีคนไม่เพียงพอ หากเรือมีจำนวนน้อยก็อาจจะมีตรวจสอบตกหล่นไปบ้าง แต่ในกรณีที่มีเรือเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยก็ต้องสังเกตเห็นกันบ้างถึงจะถูก ดังนั้นสำหรับตอนนี้ ยังไม่พบเรือตามที่เต้าเหยี่ยบอกไว้เลยขอรับ”

“เต้าเหยี่ย หรือข่าวของท่านจะผิดพลาดขอรับ?”

หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญเงียบๆ ถึงแม้ซางเฉาจงจะต้องการก่อตั้งกองทหารม้าพิเศษขึ้น แต่พื้นที่ของมณฑลเป่ยโจวกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น จำนวนม้าศึกที่ต้องการอย่างไรก็ต้องมากกว่าที่ซางเฉาจงต้องการหรือเปล่า ในเมื่อเซ่าผิงปอมีช่องทางหาม้ามาได้ เขาก็ไม่มีทางมักน้อยอยู่แล้ว ด้วยความทะเยอทะยานของคนผู้นั้น คาดว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นหลักหมื่นตัวขึ้นไปถึงจะถูก

หลังใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยถาม “กงซุน ข้าไม่เคยเห็นเรือเดินสมุทรของแคว้นต่างๆ เลย เจ้าช่วยประเมินให้ข้าหน่อยว่าม้าศึกหนึ่งหมื่นตัวต้องใช้เรือมากเท่าไรถึงจะบรรทุกได้หมด”

ขณะที่กงซุนปู้กำลังครุ่นคิดอยู่ กลับเป็นเฮยหมู่ตานที่เอ่ยแทรกขึ้นมา “เต้าเหยี่ย แต่ก่อนผู้บำเพ็ญไร้สำนักอย่างพวกเรามักจะเดินทางออกทะเลไปหาสมุนไพรวิญญาณอยู่บ่อยครั้ง เดินทางในทะเลอยู่หลายครั้ง พอจะเข้าใจเรื่องเรือพอสมควรเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ หันไปมองนาง “อย่างนั้นเจ้าลองว่ามาซิ”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “หากว่าหนึ่งหมื่นตัวล่ะก็…เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเป็นเรือใหญ่หรือเรือเล็ก หากเป็นเรือเล็ก เดินทางไกลในท้องทะเลจะอันตรายอย่างมาก สภาพอากาศในท้องทะเลเปลี่ยนแปลงบ่อย หากพบคลื่นมรสุมเข้า เรือเล็กจะพลิกคว่ำได้ง่าย อีกทั้งม้าก็ไม่ใช่สินค้า ไม่สามารถวางเรียงซ้อนกันได้ จำเป็นต้องมีพื้นที่ว่างเพียงพอ เรือเล็กเองก็บรรทุกได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เรือเล็กขนส่งม้าศึกเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า “มีเหตุผล! แล้วเรือใหญ่บรรทุกได้มากแค่ไหน?”

เฮยหมู่ตานตอบว่า “ข้าเคยเห็นเรือเดินสมุทรแบบที่ใหญ่ที่สุดแบบนั้นมาแล้วเจ้าค่ะ คาดว่าน่าจะบรรทุกม้าสองร้อยตัวในครั้งเดียวได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่ในแต่ละแคว้นน่าจะมีเรือประเภทนี้อยู่ไม่มาก ดังนั้นหากต้องการขนส่งม้าศึกเป็นหมื่นตัวล่ะก็ ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็น่าจะเป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกม้าได้หลักร้อยตัวขึ้นไป จะบอกว่าในแต่ละแคว้นมีเรือประเภทนี้อยู่เยอะมันก็ไม่เยอะ แต่มันก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้ามองไปที่กงซุนปู้เพื่อขอคำยืนยัน กงซุนปู้พยักหน้า เอ่ย “น้องหมู่ตานกล่าวถูกต้องแล้ว เป็นอย่างที่นางว่ามาจริงๆ ขอรับ แต่ก่อนข้าออกทะเลไม่บ่อย ประสบการณ์ในด้านนี้ของข้าสู้น้องหมู่ตานไม่ได้เลย”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยความลังเล “พูดอีกอย่างก็คือต้องเป็นเรือใหญ่แบบนั้นอย่างน้อยร้อยลำถึงจะใช้การได้”

“ใช่เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานพยักหน้าพลางเอ่ย “อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีหนึ่งร้อยลำเจ้าค่ะ ขนส่งสิ่งมีชีวิตจำนวนมากขนาดนี้เดินทางไกลผ่านทางทะเลนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดต่างๆ ขึ้นได้ จำเป็นต้องเตรียมการให้รอบคอบ มิเช่นนั้นเกรงว่าหลังจากไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วคงเหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น หากว่ารวมเสบียงเลี้ยงม้าระหว่างทางด้วย เช่นนั้นจะต้องมีมากกว่าร้อยลำแน่นอน ข้าคิดว่าหากต้องขนส่งม้าศึกจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาคงไม่มีทางแวะเทียบฝั่งเป็นระยะๆ กระมังเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เรือใหญ่ประเภทนี้จำนวนร้อยลำขึ้นไป สร้างยากลำบากมากหรือ? พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแอบสร้างขึ้นอย่างลับๆ ในสถานที่ไหนสักแห่ง?”

“เป็นไปไม่ได้!” เฮยหมู่ตานและกงซุนปู้ปฏิเสธขึ้นมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

หนิวโหย่วเต้ากวาดตามองทั้งสองคน เอ่ยถาม “เพราะอะไร?”

เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “อย่างที่พี่กงซุนกล่าวไปก่อนหน้านี้ การจะต่อเรือใหญ่สำหรับออกทะเลนั้นไม่ใช่สิ่งที่ช่างต่อเรือธรรมดาจะสร้างได้ นั่นมิใช่สิ่งที่เรือประมงที่ต่อโดยช่างฝีมือธรรมดาที่พบเห็นตามทะเลสาบทั่วไปจะเทียบได้เลย คนที่สามารถต่อเรือประเภทนี้ขึ้นได้ ต้องเป็นช่างต่อเรือเดินสมุทรที่มีประสบการณ์ในแถบพื้นที่ชายฝั่งทะเลเจ้าค่ะ”

“อีกทั้งสำหรับชาวบ้านธรรมดาแล้ว มหาสมุทรที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตายังคงน่าหวาดกลัวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย นอกจากพ่อค้าที่พร้อมเสี่ยงอันตรายเพื่อเงินเหล่านั้นแล้ว คนส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเน้นไปที่การขนส่งทางบกมากกว่า ชาวบ้านตามแนวชายฝั่งที่เลี้ยงชีพด้วยการหาปลาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เรือใหญ่ขนาดนี้เลย อีกทั้งซื้อไม่ไหวด้วย หรือต่อให้ซื้อไหว การจะบังคับเรือใหญ่ประเภทนี้ก็ต้องใช้ลูกเรืออย่างน้อยๆ เป็นจำนวนสิบยี่สิบคนแล้ว นี่จะต้องออกไปหาปลาไกลแค่ไหนกัน? หากเดินเรือไปไกล พอจับปลาได้กว่าจะขนกลับมาก็คงเน่าแล้ว ในเมื่อทำการประมงในน่านน้ำใกล้ๆ จำเป็นต้องใช้เรือใหญ่ขนาดนี้ด้วยหรือ?”

“ในยุคสมัยอันวุ่นวาย คนที่ต้องการเรือประเภทนี้มีอยู่ไม่มากนัก ช่างฝีมือที่ต่อเรือใหญ่ประเภทนี้ได้ก็ย่อมมีอยู่ไม่มากเช่นกัน ต่อให้เป็นเรือร้อยลำก็ตาม เต้าเหยี่ย ไม่ว่าจะเป็นแคว้นใดก็ตาม การต่อเรือใหญ่ขนาดนี้ขึ้นใหม่ร้อยลำ เกรงว่าถึงจะให้เวลาหนึ่งปีและเรียกระดมกำลังทั้งแคว้นมาก็ยากจะทำสำเร็จได้ งานช่างประเภทนี้มีจุดที่ต้องใช้ความพิถีพิถันบรรจง ต่อให้ท่านลากผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มใหญ่มาช่วยงานก็ไม่มีประโยชน์ นี่มิใช่เรื่องที่คนมีพลังสูงส่งลึกล้ำแล้วจะทำออกมาได้ดี”

“เต้าเหยี่ย ข้าคิดว่าเมื่อครู่นี้พี่กงซุนกล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้วิธีดัดแปลงสภาพภายในเรือ งานประเภทนี้ ช่างไม้ก็ทำได้เช่นกัน ประหยัดกำลัง ประหยัดเวลา แล้วก็ไม่ยุ่งยากมากด้วย เพราะการจะสร้างเรือใหญ่ขนาดนี้ หากสร้างเป็นจำนวนมากขนาดนี้ ขอเพียงมีข่าวเล็ดรอดออกไปเพียงเล็กน้อยก็จะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ตามมาได้ง่ายๆ ไม่มีทางปิดเป็นความลับใดๆ ได้ อีกฝ่ายน่าจะไม่ใช้วิธีนี้เจ้าค่ะ”

กงซุนปู้ก็พยักหน้าเช่นกัน “เหตุผลก็เป็นเช่นนี้ขอรับ”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับเงียบๆ เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องที่พูดมามีเหตุผล หลักเหตุผลบางอย่างเขาก็เข้าใจเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีประสบการณ์ด้านเรือเดินสมุทรเลย ไม่มีความมั่นใจ จึงต้องสอบถามอย่างละเอียดเช่นนี้

จากรูปการณ์ในตอนนี้ เหมือนตนจะคิดเรื่องการขนส่งม้าศึกผ่านเส้นทางทะเลง่ายไปหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะมีรายละเอียดที่ยุ่งยากซับซ้อนขนาดนี้อยู่ด้วย เขาหลงนึกว่าจะหาเรือได้ไม่ยากเย็นอะไร

หลังใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นมาอีก “พวกเจ้าคิดว่าแคว้นต่างๆ มีเรือใหญ่ประเภทนี้อยู่มากน้อยแค่ไหน?”

กงซุนปู้ตอบว่า “เรื่องนี้พูดยากขอรับ คาดว่าปกติแล้วผู้บำเพ็ญเพียรทั่วๆ ไปก็คงไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ เพียงแต่จากการคาดการณ์ของข้า แคว้นเว่ยน่าจะมีเรือประเภทนี้อยู่ค่อนข้างมากขอรับ”

เฮยหมู่ตานแสดงท่าทีเห็นด้วย “หากว่ากันในแง่ของภูมิประเทศแล้ว ทั้งเจ็ดแคว้นได้ถูกทะเลทรายผืนหนึ่งและที่ราบสูงที่ยากจะข้ามผ่านไปได้แบ่งออกเป็นสองส่วน ซ่ง หาน จ้าวและเยี่ยนสี่แคว้นนี้รวมเป็นหนึ่งกลุ่ม ส่วนจิ้น ฉี เว่ยสามแคว้นนี้แบ่งออกเป็นอีกหนึ่งกลุ่ม ในบรรดาเจ็ดแคว้นนี้ สี่แคว้นแรกค่อนข้างอัตคัด สามแคว้นหลังค่อนข้างมั่งคั่ง แต่ในกลุ่มสามแคว้นหลังแคว้นจิ้นนับว่าค่อนข้างอัตคัด เพียงแต่แคว้นจิ้นเชี่ยวชาญด้านการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ กำลังรบก็แข็งแกร่งที่สุด นิยมฝึกศิลปะการต่อสู้ แล้วก็นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในเจ็ดแคว้นด้วย จนปัญญาที่ด้านกำลังของแคว้นสู้แคว้นฉีกับแคว้นเว่ยไม่ได้ ถูกสองแคว้นนี้ร่วมมือกันกดหัวเอาไว้ตลอด หากเปรียบเทียบกับแบบแคว้นต่อแคว้นแล้ว ไม่มีแคว้นใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของแคว้นจิ้นได้เลยเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าอดขำขึ้นมาไม่ได้ เรื่องนี้เขาทราบดี ไม่จำเป็นต้องให้นางมาบอกเลย เพียงแต่เขาสังเกตเห็นว่าหลังจากสตรีนางนี้ไปอยู่ที่จังหวัดชิงซานและได้เห็นอะไรบางอย่างเข้า นางก็เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากจริงๆ เขายิ้มพลางเอ่ยขัดว่า ”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่แคว้นเว่ยมีเรืออยู่เยอะหรือ?

เฮยหมู่ตานตอบว่า “ย่อมเกี่ยวแน่นอนเจ้าค่ะ แคว้นฉีค่อนข้างมั่งคั่ง เป็นเพราะแคว้นต่างๆ ต้องการม้าศึกจากแคว้นฉี ทุกปีจึงจะส่งเงินและทรัพยากรจำนวนมาแลกเปลี่ยนกับม้าศึก ทว่าแคว้นฉีก็ไม่กล้าปล่อยให้มีการค้าขายม้าศึกอย่างเสรี แคว้นจิ้นเองก็เช่นเดียวกัน ไม่มีทางส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ในปริมาณมากให้แคว้นอื่นนำมาใช้คุกคามตนได้ เช่นนี้ก็มีเพียงแคว้นเว่ย สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของแคว้นเว่ยอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ พืชผลที่ปลูกไปก็แทบไม่ต้องจัดการอะไรเลย สามารถเก็บเกี่ยวได้สามครั้งต่อปี”

“ทุกปีจะมีการจัดจำหน่ายเสบียงธัญพืชจำนวนมากให้แคว้นต่างๆ แลกกับเงินตรา แคว้นซ่ง หาน จ้าวและเยี่ยนสี่แคว้นนี้หากมิใช่เพราะได้รับธัญพืชจากแคว้นเว่ย อาศัยเพียงสภาพแวดล้อมภายในของสี่แคว้น เกรงว่าคงล่มสลายไปนานแล้ว ขอเพียงแคว้นเว่ยตัดการส่งออกธัญพืชให้แก่สี่แคว้น สี่แคว้นก็จะล่มสลายลงทันที แต่แน่นอน แคว้นเว่ยเองก็ไม่กล้าทำแบบนั้นเช่นกัน มิเช่นนั้นหากสี่แคว้นล่มสลายไปจริง เกรงว่าแคว้นที่จะซวยเป็นอันดับแรกก็คือแคว้นเว่ย”

“แต่แน่นอนเจ้าค่ะ ถึงแม้แคว้นเว่ยจะร่ำรวย ทว่าความเป็นอยู่ของประชาชนกลับไม่ดีเท่าไร ที่ร่ำรวยก็มีเพียงสำนักบำเพ็ญเพียรที่คอบกอบโกยอยู่เบื้องหลังเหล่านั้นเท่านั้น…”

หนิวโหย่วเต้าฟังแล้วกะพริบตาปริบๆ เหตุใดถึงรู้สึกว่าสตรีนางนี้พูดจาออกทะเลไปเรื่อยๆ แล้วนะ

“แค่กๆ!” กงซุนปู้เองก็ทนฟังคำพูดยืดยาวไม่ไหวแล้วเช่นกัน จึงกระแอมแล้วเอ่ยตัดบทว่า “เต้าเหยี่ย ความหมายที่น้องหมู่ตานจะสื่อคือแคว้นเว่ยมักจะขนส่งธัญพืชผ่านเส้นทางทะเลออกไปตามแคว้นต่างๆ ดังนั้นแคว้นเว่ยจึงมีเรือประเภทนี้ค่อนข้างมากขอรับ”

หนิวโหย่วเต้าร้องอ่อ เอ่ยถามเขา “รวมๆ แล้วมีประมาณเท่าไร?”

กงซุนปู้ส่ายหน้าเอ่ยตอบว่า “ไม่เคยสังเกตในเรื่องนี้เลย ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับ”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “เรือใหญ่ชนิดนี้แคว้นเว่ยมีอยู่อย่างน้อยๆ หลักพันลำ ต่อให้นำเรือของแคว้นอื่นๆ มารวมกันแล้วก็ยังไม่แน่ว่าจะมีมากเท่าแคว้นเว่ย เพียงแต่ข้าคิดว่าทางมณฑลเป่ยโจวก็ไม่น่าจะเอาเรือมาจากแคว้นเว่ยทั้งหมดเจ้าค่ะ ถ้าเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่หลักร้อยลำแล่นออกมาจากสถานที่เดียวกันล่ะก็ แบบนั้นมันจะดูสะดุดตาเกินไปเจ้าค่ะ”

“ด้วยปริมาณเท่านี้ ดูเหมือนจะรวบรวมมาได้ไม่ยากเย็นอะไร เช่นนี้แล้ว มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้วิธีดัดแปลงเรือจริงๆ…” หนิวโหย่วเต้าลูบคางพลางพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “เต้าเหยี่ย พูดถึงเรื่องนี้แล้ว หากพวกเราต้องการขนส่งม้าศึกทางทะเลล่ะก็ เกรงว่าคงต้องเตรียมการเรื่องเรือขนส่งเอาไว้แต่เนิ่นๆ นะเจ้าคะ”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างทั้งฉุนทั้งขำ “เตรียมการหรือ? เตรียมอย่างไรเล่า? ยุ่งยากขนาดนี้ ตอนนี้เพิ่งจะมาพูดเรื่องเตรียมการ ด้วยกำลังคนของพวกเราในตอนนี้ กว่าจะจัดเตรียมเรืออย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยได้ก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไร ยังจะเตรียมบ้าอะไรอีก! ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาม้าศึกมาได้หรือไม่ เรื่องนี้ก็ต้องโทษข้าด้วย เพราะข้าไม่ได้ใส่ใจตั้งแต่แรก พอจวนตัวค่อยมาคิดตัดสินใจ ถึงได้พบว่ามันยุ่งยากกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้”

เฮยหมู่ตานถาม “หรือจะขนส่งทางบกล่ะเจ้าคะ? เกรงว่าคงลำบากยิ่งกว่า ต้องเปิดทางมากมายหลายด่านเลย”

หนิวโหย่วเต้าไม่สนใจเรื่องนี้ ยกมือไพล่หลังเดินใคร่ครวญกลับไปกลับมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็โบกมือสั่งการเฮยหมู่ตาน “แผนที่!”

เฮยหมู่ตานหยิบแผนที่มากางทันที แขวนไว้บนผนัง

หนิวโหย่วเต้ายืนอยู่หน้าแผนที่ พูดจาดุดัน “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเรือมากมายขนาดนั้นจะสามารถปกปิดซ่อนเร้นไว้ได้ อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องอื่น ต้องสืบเรื่องเรือของทางมณฑลเป่ยโจวให้ข้าให้ได้ อยู่ต้องเห็นเรือ ตายต้องเห็นซาก หากข้าไม่ได้ ทางมณฑลเป่ยโจวก็อย่าหวังจะได้เช่นกัน!”

…………………………………………………………