ตอนที่ 473 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (7) ตอนที่ 474 สตรีที่เป็นดั่งอสรพิษ (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 473 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (7) / ตอนที่ 474 สตรีที่เป็นดั่งอสรพิษ (1)
ตอนที่ 473 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (7)

เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง ศิษย์คนนั้นจึงได้คายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้ออกมาจนหมด

ก่อนที่งานล่าวิญญาณจะเริ่มต้นขึ้น อิ่นเหยียนได้เรียกเขาให้ไปพบ กลุ่มของเขาคือศิษย์เก่าของสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณและสาขาผู้ใช้อาวุธวิญญาณ และแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่ใช่อันดับต้นๆ แต่วงแหวนภูติวิญญาณของพวกก็มีคุณสมบัติที่พิเศษมากเช่นกัน อย่างเช่นศิษย์คนนั้นที่ตรึงความเคลื่อนไหวของฟ่านจิ่นไว้ในตอนต้น หากไม่ใช่เพราะเฟยเยียนยื่นมือเข้ามาแทรกกลางคัน ฟ่านจิ่นคงโดนกำจัดไปแล้ว และงานของพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้นที่สุด

เนื่องจากสถานะของอิ่นเหยียนคือศิษย์สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ คำมั่นสัญญาของเขาถึงผลประโยชน์มากมายที่คนเหล่านี้จะได้รับ ถึงน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก เขาบอกกับพวกเขาเป็นนัยว่า ตราบเท่าที่พวกเขากำจัดฟ่านจิ่นสำเร็จ ตำแหน่งของพวกเขาในสำนักศึกษาเฟิงหัวจะมั่นคงขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

“ทุกคนรู้ดีว่าอิ่นเหยียนและศิษย์พี่หนิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ศิษย์พี่หนิงเป็นบุตรีของท่านรองอาจารย์ใหญ่ คำพูดของอิ่นเหยียนจึงยิ่งมีน้ำหนักในสายตาของพวกเรา เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับการที่ศิษย์พี่หนิงพูดเองเลย เรา…พวกเราดวงตามืดบอด ถูกความโลภเข้าครอบงำ! ศิษย์พี่ฟ่าน! ได้โปรดแสดงความเมตตาไว้ชีวิตน้อยๆ ของข้าไปสักครั้งเถิด ข้าไม่กล้าอีกแล้ว” ศิษย์คนนั้นร้องไห้และอ้อนวอนทั้งน้ำตา หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากหนิงซิน พวกเขาจะตกลงทำตามคำขอของอิ่นเหยียนได้อย่างไร

ต้องรู้ก่อนว่าฟ่านจิ่นเป็นบุตรบุญธรรมของอาจารย์ใหญ่!

“หนิงซิน…เป็นไปได้อย่างไร…เป็นนางได้อย่างไร” เมื่อฟ่านจิ่นได้ยินชื่อของหนิงซิน สีเลือดบนใบหน้าของเขาก็ซีดจางลงในทันที เขาเซถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่อาจยอมรับได้ ไม่สามารถยอมรับคำพูดของศิษย์คนนั้นได้อย่างสมบูรณ์

จวินอู๋เสียเหลือบมองฟ่านจิ่นและหันไปพูดกับศิษย์คนนั้นว่า “นอกจากเจ้าแล้วยังมีคนอื่นอีกหรือไม่”

ศิษย์คนนั้นส่ายหัวพรืดและรีบกล่าวว่า “ไม่มีแล้ว! ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว! อิ่นเหยียนบอกกับพวกเราว่าเขาจะหาวิธีบังคับให้เจ้าและ ศิษย์พี่ฟ่านเข้าร่วมงานล่าวิญญาณเอง เมื่อถึงตอนนั้นข้างกายของศิษย์พี่ฟ่านก็จะมีตัวถ่วงเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง…นี่จะทำให้งานของพวกเราง่ายขึ้นมาก” ศิษย์คนนั้นเหลือบมองจวินอู๋เสียและกล่าวด้วยความหวาดกลัว

“อะไรนะ!” ฟ่านจิ่นเบิกตากว้าง เขามองไปที่ศิษย์คนนั้น ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีแล้ว

ถ้าหากว่าการที่จวินอู๋เสียเข้าร่วมงานล่าวิญญาณเป็นแผนการที่อิ่นเหยียนวางไว้แต่แรก เช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่มีคนบุกเข้าไปในลานป่าไผ่เพื่อสาปแช่งด่าทอจวินอู๋เสีย ทั้งหมดล้วนถูกจัดฉากโดยอิ่นเหยียนอย่างนั้นหรือ

จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของฟ่านจิ่น เขายกมือขึ้นปิดหน้าของเขา หยาดเหงื่อเย็นหลั่งไหลเต็มแผ่นหลัง

เป็นไปได้หรือไม่ว่าข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับจวินอู๋เสียก่อนหน้านี้ทั้งหมด ล้วนเป็นพวกเขาที่กระจายข่าวลือออกมาเพื่อใช้เขาเป็นหมากในการกำจัดเขา…

เช่นนั้นก็หมายความว่าตั้งแต่แรก ไม่ใช่เขาที่ถูกจวินอู๋เสียลากเข้ามาพัวพันด้วย แต่เป็นเขาต่างหากที่ดึงจวินอู๋เสียลงมาจมปลักโคลนด้วยกัน!

ความคิดนี้ทำให้เท้าของฟ่านจิ่นอ่อนแรงเกือบจะยืนไม่มั่นคง มันทำให้เขาตกใจมากจริงๆ

ฟ่านจิ่นพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว จวินอู๋เสียจึงเป็นฝ่ายตั้งคำถาม ถามศิษย์คนนั้นไปอีกสองสามประโยค หลังแน่ใจแล้วว่าจะไม่ได้รับข้อมูลใดๆ ที่เป็นประโยชน์อีกต่อไป นางก็ส่งสายตาให้กับเฉียวฉู่

ไม่ทันให้ศิษย์คนนั้นได้มีเวลาร้องขอความเมตตา เฉียวฉู่ก็หักคอของเขาโดยตรง

เมื่อเห็นศิษย์คนนั้นกลายเป็นศพไร้ชีวิตนอนราบอยู่บนพื้น ดวงตาของฟ่านจิ่นก็เต็มไปด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่จวินอู๋เสีย “น้องเสีย เจ้ารู้มาโดยตลอดหรือว่านี่เป็นกับดัก”

จวินอู๋เสียพยักหน้ายอมรับ

“เช่นนั้นนับตั้งแต่ที่ศิษย์คนนั้นที่ได้รับบาดเจ็บปรากฏตัว เจ้าก็รู้แล้ว?” ฟ่านจิ่นจ้องจวินอู๋เสียอย่างดื้อดึง

“เป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์อายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีจะปรากฏตัวในตึกรอง” จวินอู๋เสียกล่าวเบาๆ ทักษะการแสดงของศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นไม่เลวเลย แต่อายุของเขาดูไม่เข้าพวกกับศิษย์ที่แท้จริงของตึกรองไปสักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์คนนั้นยังจำฟ่านจิ่นได้ตั้งแต่แรกเห็นอีกด้วย นี่มันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ

ตอนที่ 474 สตรีที่เป็นดั่งอสรพิษ (1)

ถ้าหากมีคนจำนวนมากขนาดนั้นได้รับบาดเจ็บจริงๆ กลิ่นคาวเลือดในอากาศก็ต้องรุนแรงมากกว่านี้ เพียงแค่สูดดมเบาๆ จวินอู๋เสียก็มั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน

ฟ่านจิ่นเม้มริมฝีปากปากแน่น “เจ้าจงใจเข้ามาที่นี่เพื่อจับคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างนั้นสินะ”

จวินอู๋เสียพยักหน้าอีกครั้ง

ฟ่านจิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อมองไปที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ พวกเขาน่าจะรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วเหมือนกัน แต่คนเหล่านี้ก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วเดินเข้าสู่กับดักที่ศัตรูวางไว้ ส่วนเป้าหมายแท้จริงที่พวกเขาต้องการวางกับดักก็คือเขาเอง

ตลอดมา เขาเรียกตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์ของจวินอู๋เสียเสมอ แต่ตอนนี้ฟ่านจิ่นตระหนักได้แล้วว่าการโจมตีจวินอู๋เสียเกือบทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขา ทันใดนั้นความรู้สึกผิดก็จู่โจมเข้าท่วมท้นหัวใจ มันทำให้ฟ่านจิ่นหายใจแทบไม่ออก

“เราจะทำอย่างไรต่อไป” เฉียวฉู่เห็นสีหน้าที่หดหู่คล้ายกับโลกกำลังจะล่มสลายของฟ่านจิ่น ก็อดใจไม่ไหวเดินเข้าไปปลอบเขาเสียงเบา พยายามเบี่ยงประเด็นสนทนา

จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดขึ้นทันทีว่า “เยี่ยซา”

ทันทีที่เสียงของจวินอู๋เสียสิ้นสุดลง เงาร่างสีดำก็มาปรากฏขึ้นข้างหลังนางอย่างเงียบๆ

ความเร็วของคนผู้นั้นเร็วมาก มันทำให้ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ จวินอู๋เสียตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อฮวาเหยาและเฉียวฉู่ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเยี่ยซาชัดๆ พวกเขาก็ตะลึง

“เจ้า…เจ้า…เจ้าไม่ใช่…” เฉียวฉู่ไม่มีวันลืมใบหน้านี้ไปตลอดทั้งชีวิตของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนี้ได้เสียสละยอมระเบิดตัวเองในเทือกเขาเมฆาวันนั้น พวกเขาคงจะตายไปนานแล้ว แต่ในเทือกเขาเมฆา พวกเขาแน่ใจว่าได้เห็นชายชุดดำคนนี้ระเบิดตัวเองกับตา แต่ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้แถมยังแข็งแรงสมบูรณ์ดีอีกด้วย

เยี่ยซาจ้องไปที่จวินอู๋เสียด้วยใบหน้าว่างเปล่าไร้ความรู้สึก เมินเฉยเฉียวฉู่โดยสิ้นเชิง

“นั่นไม่ใช่เขา” จวินอู๋เสียพูดขึ้นมาทันที

เฉียวฉู่อ้าปากของเขาเล็กน้อย มองไปที่เยี่ยซาด้วยความสับสน แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา

“ค้นหาตำแหน่งของหนิงซินให้ข้า” จวินอู๋เสียหันไปมองเยี่ยซาและสั่ง

“ขอรับ!” ร่างของเยี่ยซากะพริบเล็กน้อย จากนั้นมันก็หายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

ฟ่านจิ่นถูกทำให้ตกใจนับครั้งไม่ถ้วนจนเวลานี้ ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าได้อีกแล้ว

“น้องเสีย เจ้าวางแผนจะจัดการหนิงซินและอิ่นเหยียนนั่นอย่างไรหรือ” เฟยเยียนถามจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม ด้วยคำสารภาพจากปากของศิษย์คนนั้นก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าใจทุกอย่างแล้วว่าเหตุการณ์ลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ผู้ใดเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

“ยังไม่รีบ” จวินอู๋เสียส่ายหัวเล็กน้อย

สิ่งที่หนิงซินได้ทำกับฟ่านจิ่น ก็เป็นเหมือนกับการหลอมรวมเบาะแสต่างๆ เข้าด้วยกัน จวินอู๋เสียนิ่งคิดชั่วครู่ พยายามคาดการณ์ข้อสรุปในใจ แต่นางยังคงต้องการเบาะแสบางอย่างเพิ่มเติมอยู่

“หนิงซินคือผู้ใดหรือ” จวินอู๋เสียหันไปถามฟ่านจิ่นที่ยังคงตีสีหน้าหดหู่ เมื่อศิษย์คนนั้นกล่าวถึงหนิงซิน การแสดงออกของฟ่านจิ่นก็ไม่ถูกต้อง ราวกับว่าการที่หนิงซินเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังนั้น ทำให้เขารับไม่ได้ยิ่งกว่าได้รู้ว่าอิ่นเหยียนต้องการจะฆ่าเขาเสียอีก

“นางเป็นบุตรีของหนิงรุ่ย และหนิงรุ่ยก็คือศิษย์น้องของท่านพ่อข้า ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งเป็นรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัว เขากับท่านพ่อข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก และหนิงซิน ข้า และเสี่ยวจัวก็เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ยิ่งไปกว่านั้น…หนิงซินกับเสี่ยวจัวยังมีสัญญาหมั้นหมายต่อกันด้วย แต่ทั้งคู่ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนักหรอก เนื่องจากเสี่ยวจัวไม่สบายและต้องการการพักผ่อน หนิงรุ่ยทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการหายามาเพื่อรักษาพยาบาลอาการเจ็บป่วยของเสี่ยวจัวเป็นอย่างมาก หนิงซินยังแวะมาคอยดูแลเขาเป็นครั้งคราว…จะเป็นนางไปได้อย่างไร” ฟ่านจิ่นขยี้หัวอย่างแรงด้วยความคับข้องใจ เป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะเชื่อมโยงแผนการอันต่ำช้าและโหดเหี้ยมนี้เข้ากับเด็กสาวที่อ่อนโยนและนุ่มนวลในความทรงจำของเขา

แม้ว่าฟ่านจัวและหนิงซินจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ฟ่านจิ่นก็ถือว่าหนิงซินเป็นน้องสะใภ้ของเขามาตั้งนานแล้ว