บทที่ 246 วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 246 วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา

“คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลคือคุณสมบัติที่อยู่นอกมรรคาสวรรค์ มรรคาสวรรค์นั้นเป็นฟ้าบุพกาลมาก่อน สามารถถือกำเนิดด้วยคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลนอกมรรคาสวรรค์ได้ เจ้าเป็นใครมาจากที่ใดกันแน่”

น้ำเสียงของจักรพรรดิสวรรค์นั้นจริงจัง ทั่วทั้งวังสวรรค์ล้วนไม่มีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลนี้

หานเจวี๋ยพูดในใจว่า ‘ข้าเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ได้รับการสืบทอดจากจักรพรรดิเซียน ไม่ได้มาจากที่ใด’

เขาถามต่อว่า “คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลนั้นหายากมากหรือ หรือมีเพียงข้าเท่านั้น”

คำถามนี้สำคัญมาก!

อันแรกแสดงถึงความเป็นไปได้ของศัตรูที่แข็งแกร่ง และอันหลังแสดงถึงการอยู่ยงคงกระพัน

“วังเทพมีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลหนึ่งคน ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าสร้างความตกใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน เมื่อหลายล้านปีก่อน สั่นสะเทือนทั้งสวรรค์และโลกา วังเทพสามารถมีวันนี้ได้ เขาถือเป็นแรงสำคัญ”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างสบายๆ น้ำเสียงยากที่จะคาดเดา

‘วังเทพอีกแล้ว!’

เหตุใดหานเจวี๋ยถึงมีความรู้สึกว่าในแดนเซียนนี้วังเทพนั้นเจ๋งที่สุด

เดี๋ยวก็บุตรแห่งสวรรค์ เดี๋ยวก็ปีศาจ

หานเจวี๋ยพูดในใจทันทีว่า ‘สักวัน ข้าจะก้าวข้ามผู้ที่อยู่ในวังเทพผู้นั้น และช่วยให้วังสวรรค์แข็งแกร่งขึ้น’

ในตอนนั้น จะต้องทำให้ตำแหน่งของตนชัดเจนให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะดึงความหวาดกลัวของจักรพรรดิสวรรค์

ยิ่งจักรพรรดิสวรรค์ปฏิบัติต่อเขาดีมากเท่าไร หากเขาทรยศ จักรพรรดิสวรรค์ยิ่งปฏิบัติต่อเขาโหดเหี้ยมมากขึ้นเท่านั้น

จักรพรรดิสวรรค์ไร้การโต้ตอบ

หานเจวี๋ยรู้สึกวิตกกังวล

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาปฏิเสธจักรพรรดิสวรรค์

จักรพรรดิสวรรค์จะพาลโกรธหรือไม่

“อืม ไม่มาก็ไม่มา ก่อนหน้านี้เจ้าก็บอกแล้วว่าเจ้ามีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล เราจะให้ไท่ไป๋ส่งสมบัติหนึ่งชิ้นไปให้ เพื่อประโยชน์ต่อการฝึกฝนของเจ้า” จักรพรรดิสวรรค์แค่นเสียงเอ่ย

หานเจวี๋ยรีบขอบคุณเขา

จักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้กล่าวอะไรอีกต่อไป

อู้เต้าเจี้ยนเห็นหานเจวี๋ยพลันลุกขึ้นยืนขึ้นและโค้งคำนับ จึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “นายท่าน ท่ายกำลังทำอะไรหรือ”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เหนือศีรษะสามฉื่อมีเทพอยู่ ข้ากำลังอธิษฐานขอให้เทพปกป้องคุ้มครองข้า”

“ท่านก็ไม่ใช่เทพหรอกหรือ”

“เจ้าต้องการงัดข้าหรือ”

“งัดคือสิ่งใด”

“เจ้าจงพูดว่าข้าผิดไปแล้วหมื่นครั้ง!”

“หา?”

“เร็วเข้า! ไม่เช่นนั้นก็ออกไปเสีย!”

“เจ้าค่ะ…”

อู้เต้าเจี้ยนเม้มริมฝีปากของตนด้วยความโศกเศร้า และเริ่มพูดซ้ำไปซ้ำมาว่านางผิดไปแล้ว

หานเจวี๋ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ

…..

สามปีต่อมา

ตี้ไท่ไป๋ส่งมรรควิถีมาให้หนึ่งม้วน เขาเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรมาก เมื่อส่งแล้วก็จากไป

หานเจวี๋ยนั่งบนเตียงพร้อมกับม้วนมรรควิถีในมือ ในมรรควิถีม้วนนั้นไม่มีตัวอักษรใด จำเป็นต้องใช้พลังจิต

หานเจวี๋ยใช้พลังจิตสำรวจในม้วนมรรควิถีทันที

ตู้ม!

ความทรงจำมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในสมองของหานเจวี๋ยมากมายราวกับแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่ง

วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา!

นี่เป็นวิธีการดับกายาที่เหมาะสำหรับคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล มีความล้ำลึกเป็นอย่างมาก สามารถกระตุ้นศักยภาพของคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลได้

หานเจวี๋ยใช้เวลาสองสามวันในสะสางปัญหาได้สำเร็จ

เขารู้สึกปีติเป็นอย่างมาก

เป็นของที่เยี่ยมยอดยิ่งนัก!

วิธีนี้ไม่ต้องใช้แรงจากภายนอก ใช้แรงในร่างของตัวเองมาฝึกดับคุณสมบัติกาย แม้ว่ากระบวนการจะซับซ้อน แต่ข้อกำหนดเบื้องต้นก็เรียบง่าย

หานเจวี๋ยเริ่มฝึกวิชาชุบร่างวัฏจักรดาราในทันที

แรกเริ่มค่อนข้างยาก แต่โชคดีที่พรสวรรค์ของเขาแข็งแกร่งมาก ใช้เวลาราวครึ่งปีในการเรียนรู้พื้นฐาน

พลังเวทหกวิถีดับกายดาราอนธการ ทำให้พลังที่ออกมาของหานเจวี๋ยกดดันมากเสียจนอู้เต้าเจี้ยนลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ

นางถูกกดดันจนรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง

หลังจากทนทุกข์อยู่พักหนึ่ง อู้เต้าเจี้ยนก็ทนไม่ไหว นางจึงเลือกที่จะออกจากถ้ำไป

ช่วงนี้ถูหลิงเอ๋อร์ไม่ได้ออกไปที่ใด เมื่อเห็นนางออกมา จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าออกมาด้วยเหตุใดกัน”

อู้เต้าเจี้ยนตอบว่า “ดูเหมือนว่านายท่านกำลังทะลวงขั้น ความกดดันภายในนั้นแรงเกินไป ข้าทนรับไม่ไหว”

ทะลวงขั้น?

คนอื่นๆ จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดู

เหตุใดไม่ทันไรหานเจวี๋ยก็จะทะลวงขั้นอีกแล้ว

หลงเฮ่าเอ่ยด้วยความซาบซึ้งว่า “อาจารย์เก่งกาจมากจริงๆ ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับอาจารย์ ข้าก็กลัวเป็นอย่างมาก”

นับตั้งแต่ที่เขาถูกหานเจวี๋ยลากไปสั่งสอนที่ห้วงอวกาศ เขาก็กลัวหานเจวี๋ยเป็นอย่างมาก

“ฮ่าๆๆ ไม่แน่นายท่านอาจจะอยู่เหนือเทพเซียนเสียนานแล้ว!” ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยราวกับว่าตนเป็นผู้ทะลวงเสียเอง หาใช่หานเจวี๋ยไม่

คนอื่นได้แต่ทอดถอนใจ

ในเวลาเดียวกันนั้น

จักรพรรดิสวรรค์ผู้อยู่เหนือเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าในแดนเซียนก็เผยรอยยิ้มออกมา

‘เจ้าเด็กนี่! คาดไม่ถึงว่าจะมีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลจริงๆ! วังสวรรค์กำลังจะผงาดขึ้นแล้ว!’

จักรพรรดิสวรรค์พึมพำกับตนเอง เผยรอยยิ้มพออกพอใจ

กี่ปีมาแล้ว!

ในที่สุดเขาก็รอจนพบบุตรแห่งสวรรค์เช่นนี้!

ทุกครั้งที่เขาได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จอันน่าสะพรึงกลัวของเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ในวังเทพ แม้ภายนอกเขาจะเฉยเมย แต่ในใจกลับรู้สึกอิจฉายิ่งนัก

แม้ว่ายอดแม่ทัพเทพจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับพวกปีศาจในวังเทพก็ยังแย่กว่าอยู่ดี

ยกตัวอย่างจักรพรรดิเทพเมี่ยวเจิน ในวังเทพก็ไม่ได้นับว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่กลับสามารถทำให้ยอดแม่ทัพเทพและหลงจวินเลื่อมใสได้เป็นอย่างมาก นี่จึงสามารถสะท้อนช่องว่างระหว่างกองกำลังทั้งสองได้

เบื้องลึกของวังสวรรค์ยิ่งแข็งแกร่ง มีเทพเจ้าโบราณมากมายไม่ว่าจะเป็นสี่ยอดมหาจักรพรรดิ หรือยี่สิบสี่จอมเวท

หากภายภาคหน้าวังเทพแข็งแกร่งขึ้น คงมีบุตรแห่งสวรรค์นับไม่ถ้วน

เมื่อนึกถึงภาพฉากที่หานเจวี๋ยเติบโตขึ้น จิตใจของจักรพรรดิสวรรค์ก็รู้สึกมีความสุขมาก

เขารีบเรียกตี้ไท่ไป๋ขึ้นในทันที

ไม่ช้า ตี้ไท่ไป๋ก็มาถึงวังจักพรรดิสวรรค์

จักรพรรดิสวรรค์มีรับสั่งว่า “จงหาวิธียกระดับโชคชะตาและพลังของโลกเขย่าพิภพ เราต้องการทำให้โลกเขย่าพิภพกลายเป็นโลกมนุษย์ห้าสิบอันดับแรกบนศิลาจารึกของวังสวรรค์”

ตี้ไท่ไป๋ตะลึงงันไป กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ฝ่าบาท เช่นนี้จะเป็นการทำลายสมดุลหรือไม่…”

โลกเขย่าพิภพผงาดขึ้นเร็วเกินไปแล้ว!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหานเจวี๋ยเป็นเจ้าของร้านมือเปล่า!

เทพโลกมนุษย์เช่นนี้ เหตุใดต้องทำเพื่อเขาขนาดนี้ด้วย

“บุตรแห่งสวรรค์ต้องการชื่อเสียง เขาก็ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อวังสวรรค์ด้วย” จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างใจเย็น

ตี้ไท่ไป๋เผยรอยยิ้มออกมาในทันที เป็นการแสดงออกว่าเข้าใจแล้ว

…..

สิบปีต่อมา

กายดาราอนธการของหานเจวี๋ยเกิดการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่กำลังมีคุณสมบัติชุบร่างพลังเวทก็แข็งแกร่งขึ้น

แม้กระทั่งเขารู้สึกว่าวิชาชุบร่างวัฏจักรดารานั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าวิชาวัฏจักรหกวิถี!

วิชาชุบร่างวัฏจักรดาราเหมาะสำหรับคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลเท่านั้น ไม่สามารถสร้างพลังเวทได้ ทำได้เพียงให้พลังเวทเพิ่มขึ้นเองเท่านั้น

หานเจวี๋ยเริ่มทำแบบจำลองการทดสอบกับเจียงอี้

หนึ่งชั่วยามต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

ถึงแม้ว่ายังพ่ายแพ้เช่นเดิม ทว่าเขากลับก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าเจียงอี้ไม่ใช่คนที่จะต่อสู้ไม่ได้อีกต่อไป

ในช่วงกลางของการต่อสู้ มีครั้งหนึ่งเขาคุมเจียงอี้ได้

เขาเข้าใกล้การสังหารเจียงอี้ในฉับพลันไปอีกขั้น!

ด้วยความพอใจ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งศัตรู

นับตั้งแต่ซูฉีออกจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวง หานเจวี๋ยก็คร้านที่จะสนใจสาปแช่งทั้งราชวงศ์ จักรพรรดินีปีศาจชิงชิว จักรพรรดิปีศาจ พุทธาเทพฟ้าพิโรธ อวี้เทียนเป่าและศัตรูคนอื่นๆ เขาไม่ได้ละทิ้งไปและจดจำพวกเขาทั้งหมด

แต่ทว่าหลายปีมานี้ ตอนนี้ไม่มีศัตรูคนใดที่ถูกเขาสาปแช่งจนตาย เขายังคงรู้สึกดายอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยสาปแช่งไปพลางตรวจสอบจดหมาย

ช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น สงบสุขดี

ไม่เลวนี่

ความปรารถนาของหานเจวี๋ยคือสามวัฏจักรสันติ

หลายเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงและเรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยถาม เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงรีบหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาในทันที

ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้งและยังคงสั่นไหวไม่หยุด

หานเจวี๋ยไม่ได้พูดอะไรให้มากความ โยนป้ายมรรคาสวรรค์ออกไปทันที และปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้น

คาดว่าคงเป็นจักรพรรดิสวรรค์กำลังทำสักอย่างกับเขา พยายามเพิ่มอันดับของโลกเขย่าพิภพ ดึงดูดศัตรูที่แข็งแกร่งเข้ามาให้เขาช่วยแก้ปัญหา

สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้ขัดมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเพิ่งได้รับวิชาชุบร่างวัฏจักรดารามา เขาเองก็ควรจะมีส่วนทำประโยชน์ให้วังสวรรค์ด้วย

ตราบใดที่ไม่ใช่จักรพรรดิเซียน เชิญมาได้ตามสบาย!

หากเป็นจักรพรรดิเซียน จักรพรรดิสวรรค์ไม่ลงมือ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงวิ่งหนีเท่านั้นแล้ว

‘ชีวิตต้องมาก่อน อย่างอื่นไว้ทีหลัง’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

“นายท่าน เมื่อครึ่งปีก่อนกิ่งของต้นฝูซังเริ่มสั่นไหว!” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

เมื่อครึ่งปีก่อนนางก็อยากจะเข้าไปด้านใน แต่หานเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางกลัวว่าจะถูกความกดดันของหานเจวี๋ยทำร้ายเข้า ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงรอมาตลอด

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวต่อว่า “ไก่คุกรัตติกาล เจ้าใหญ่และเจ้ารองล้วนอยู่บนต้นไม้ ทว่ากลับไร้ประโยชน์”

………………………………………………