ตอนที่ 320 ประหาร

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 320 ประหาร

ริมแม่น้ำที่ห่างจากนครบาลไกลสิบลี้ กองทัพใต้ปักหลักอยู่บริเวณนี้มานับหลายวันแล้ว

เซียวอี้ออกคำสั่งให้พักผ่อน แต่กลับไม่ยอมกลับเมืองหลวง ทหารด้านล่างต่างมีคำวิพากษ์มากมาย

พักอยู่ในค่ายย่อมไม่ดีเท่าค่ายใหญ่ของกองทัพใต้ที่อยู่นอกเมืองหลวง

เมื่อเห็นด้านหน้าเป็นนครบาลแล้ว แต่กลับไม่ยอมถอนค่าย มีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือ

กระโจมแม่ทัพ เซียวอี้กำลังถือตำนานเล่มหนึ่งอ่านอย่างสบายอารมณ์

ไม่ว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ เขาจะผ่อนคลาย ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย

จี้ซินแสในฐานะกุนซือยังกังวลกว่าเขาเสียอีก

“ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต เซียวเฉิงอี้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ เถาฮองเฮากลายเป็นพระพันปี นายน้อยสูญเสียที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดไป เพียงแค่ความแค้นระหว่างนายน้อยกับตระกูลเถา เมื่อกลับถึงเมืองหลวงย่อมต้องถูกพระพันปีเถาลงโทษ!”

เซียวอี้พลิกกระดาษ พลันพูด “กองทัพเหนือช่างมีความสามารถ เพียงแค่พ่ายแพ้สงครามครั้งเดียวก็ทำให้ฮ่องเต้องค์ก่อนโกรธจนตายได้”

“นายน้อยพูดผิดแล้ว สาเหตุที่พระวรกายของฮ่องเต้องค์ก่อนย่ำแย่เพียงนั้นล้วนเป็นเพราะการบีบเค้นของบรรดาขุนนาง หากไม่มีการบีบเค้นของบรรดาขุนนางก่อนหน้านี้ แม้กองทัพเหนือจะพ่ายแพ้อีกสามครั้ง ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ไม่ถึงกับต้องตาย”

จี้ซินแสพูดด้วยความเป็นธรรม

นับแต่ปีที่แล้ว ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงปะทะกับตระกูลขุนนาง พระอาการนับวันยิ่งทรุดลง

ก่อนกองทำเหนือพ่ายแพ้ หมอหลวงก็ได้ยืนยันแล้วว่าฮ่องเต้องค์ก่อนจะทรงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน

สุดท้ายการแพ้สงครามจึงจบสิ้นชีวิตของฮ่องเต้องค์ก่อนล่วงหน้า

มันเป็นโชคชะตา!

ถึงแม้จะเป็นกษัตริย์ก็ยากที่จะฝืนโชคชะตา

เซียวอี้ส่งเสียงไม่พอใจ “กองทัพเหนือทำให้ฮ่องเต้องค์ก่อนโกรธจนสวรรคต มันคือเรื่องจริง เจ้าลองดูแม่ทัพกองทัพเหนือ เวลานี้เข้าหนีบหางเอาไว้ เฝ้าระวังคูเมืองรอกองทัพหนุนมาถึง ดูท่าทางทางเมืองหลวงยังคิดจะให้เขานำทัพต่อ แต่กลัวว่าเขาจะควบคุมแม่ทัพท้องถิ่นเหล่านั้นไม่อยู่”

“นายน้อยคิดจะทำอย่างไร”

จี้ซินแสเป็นกังวลเรื่องนี้ที่สุด

กองทัพเหนือหรือไม่กองทัพเหนือ เขาไม่สนใจ

“นายน้อยกำลังตกอยู่ในอันตราย เหตุใดนายน้อยจึงไม่กังวล”

เซียวอี้พูดอย่างเชื่องช้า “กังวลแก้ไขปัญหาไม่ได้ พระพันปีเถาไม่ได้ต้องการชีวิตของข้าเป็นวันแก นับตั้งแต่ข้าสังหารนายท่านรองตระกูลเถาในวันนั้น ข้าก็อยู่ในรายขื่อคนตายของนางแล้ว”

จี้ซินแสถามอย่างร้อนใจ “ทั้งที่นายน้อยรู้ว่าพระพันปีเถาต้อวงการชีวิตของท่าน แต่ท่านกลับปักหลักอยู่ที่นี่อย่างไม่ทุกข์ร้อน นายน้อยจะทำอันใด ทหารเบื้องล่างไม่พอใจแล้ว พวกเขารีบร้อนที่จะกลับค่ายทหาร นายนอยคงจะปักหลักอยู่ที่นี่ ไม่กลับเมืองหลวงตลอดไปไม่ได้ เกรงว้าวลานั้น ไม่รอพระพันปีเถาลงมือ ทหารเบื้องล่างก็จะอาละวาดขึ้นมาก่อน”

เซียวอี้ยิ้ม “ร้อนใจเรื่องใด! ข้าปักหลักอยู่ตรงนี้ก็เพื่อรอพระพันปีเถาลงมือ รอเมืองหลวงวุ่นวายขึ้นมา”

“เมืองหลวงจะวุ่นวาย?”

“สำนักอาวุธเกิดเหตุระเบิดใหญ่ มีคนทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว รอดูเถิด เมื่อเมืองหลวงวุ่นวายขึ้นมา ทางพระพันปีเถาจะมีเวลาใดมาสนใจข้า ไม่แน่เมื่อถึงเวลานั้น นางยังต้องประนีประนอมกับข้าเอง”

จี้ซินแสขมวดคิ้ว “สำนักอาวุธเกิดระเบิด นายน้อยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้ รู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด”

“มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ลองเดาดูหลายรอบก็ย่อมจะเดาได้

จี้ซินแสไม่เชื่อ

เขามั่นใจว่านายน้อยอี้ต้องรู่เรื่องบางอย่าง

เขาซุ่มอยู่ในเมืองหลวงมานับปี ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามีสายสืบอยู่ในเมืองหลวงมากน้อยเท่าใด ซื้อคนอีกมากมายเท่าใด

แหล่งขาวของเขา ส่วนหนึ่งแบ่งปันกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน อีกส่วนหนึ่งเป็นแหล่งข่าวลับของเขาโดยเฉพาะ

สุดท้ายแล้วยังมีแหล่งข่าวอีกมากน้อยเพียงใด มีเพียงเซียวอี้รู้ดีที่สุด

จี้ซินแสถาม: “นายน้อยไม่กังวลว่าคุณหนูสี่ตระกูลเยียนจะแต่งงานกับจ้งซูหาวหรือ”

เซียวอี้ไม่ร้อนใจ “เซียวเฉิงอี้ขึ้นครองราชย์ คนที่ทุกข์ใจที่สุดคือองค์หญิงเฉิงหยาง คราวนี้จวนองค์หญิงกำลังวางแผนการใหญ่อย่างลับๆ อยู่ จะมีเวลาใดมาคำนึงถึงเรื่องแต่งงาน”

“นายน้อยไม่อยู่ในเมืองหลวง แต่กลับรู้เรื่องในเมืองหลวงอย่างดี ข้านับถือ!”

เซียวอี้เลิกคิ้วยิ้ม “ซินแสไม่ต้องทำเช่นนี้! เรื่องบางเรื่อง ท่านไม่รู้จะดีเสียกว่า”

จี้ซินแสไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้แม้แต่น้อย “ข้าในฐานะกุนซือของนายน้อย แต่กลับไม่รู้เรื่องรู้ราวแม้แต่น้อย ข้าจะช่วยเหลือนายน้อยได้อย่างไร ข้าในฐานะกุนซือ ไม่เหมาะสมกับหน้าที่แม้แต่น้อย”

เซียวอี้วางตำราในมือลง “ซินแสผิดแล้ว! ซินแสช่วยข้าปลอบทหารที่อยู่เบื้องล่างก็คือช่วยข้ามากแล้ว อีกทั้งยังได้ทำหน้าที่ของกุนซือแล้ว”

จี้ซินแสอ้าปากค้าง สุดท้ายเหลือเพียงเสียงถอนหายใจ

เขาถามอีกครั้ง “พระพันปีเถาทรงต้องการศีรษะของนายน้อย นายน้อยไม่ร้อนใจจริงหรือ”

เซียวอี้ดื่มชา พลันพูด “ข้ารอนางลงมือ ไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหารหรือประหาร ข้าล้วนเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว”

“ต่อจากนี้ล่ะ นายน้อยคิดจะทำอย่างไร ท่านจะไม่เป็นขุนนางหรือ” จี้ซินแสถามรัว

เซียวอี้ยิ้ม พลันพูด “เรื่องอนาคตค่อยว่ากัน เวลานี้ตำนานในมือของข้าสำคัญกว่า”

ช่าง…น่าโมโหยิ่งนัก!

เวลาใดแล้ว ยังมีกะจิตกะใจอ่านตำนานอีก

จี้ซินแสส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ

เอาเถิด เอาเถิด เขาไปปลอบทหารเบื้องล่าง ไม่ให้พวกเขาอาละวาดก่อน

พระราชวัง!

เมื่อพระพันปีเถาทรงรู้ว่าเซียวอี้นำกองทัพใต้ปักหลักอยู่ในเขตนครบาล แต่ไม่ยอมกลับเมืองหลวงเสียที นางจึงหัวเราะขึ้นมา

“ที่แท้เขาก็กลัวตายหรือ! เขาคิดว่าเขาไม่กลับเมืองหลวงจะรอดหรือ ให้สำนักทหารออกคำสั่งต่อเซียวอี้ ให้เขารีบกลับมารายงานตัวที่เมืองหลวง”

เหมาเส้าเจี้้ยนเอ่ยเตือนเสียงเบา “เกรงว่าเซียวอี้จะไม่ฟังคำสั่งของสำนักทหาร เขาเป็นคนที่ไร้กฎเกณฑ์แต่ยังเด็ก เรื่องดีไม่รู้จักร่ำเรียน แต่กลับเรียนรู้ที่จะไม่ฟังคำสั่งหลังจากที่ติดตามท่านลุงของเขา ท่านโหวผิงอู่สืออุน ต่อหน้าทำอย่าง ลับหลังทำอย่าง”

พระพันปีเถาขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าให้ฝ้าบาททรงออกพระราชโองการเรียกเขากลับมาหรือ”

เหมาเส้าเจี้้ยนพูดอีกครั้ง “แม้จะมีพระราชโองการ แต่เขายังคงสามารถหาข้ออ้างเพื่อถ่วงเวาได้ หรือแม้แต่ข้ออ้างอาจยังไม่ต้องหา กระหม่อมคิดว่า หากต้องการจัดการเขา เราคงต้องหาวิธีที่แตกต่างออกไป อย่างให้ฝ่าบาททรงพระราชทานสุราพิษ ให้องครักษ์จินอู่กำจัดเขา”

พระพันปีเถาขมวดคิ้วเล็กน้อย “หากประหารแม่ทัพใหญ่โดยตรง เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะเวลานี้เมืองหลวงมีความวุ่นวาย สำนักอาวุธเกิดเหตุระเบิดยังจัดการไม่เสน็จสิ้น ไม่แน่ว่าอาจะได้ใช้งานกองทัพใต้”

“หากเช่นนี้ก็ออกพระราชโองการปลดอำนาจทางการทหารของเซียวอี้ ส่งคนรับมือกองทัพใต้ ในเวลาเดียวกันก็ประหารเซียวอี้ทิ้งเสีย”

“ไม่กลัวเขาจะกลายเป็นสุนัขจนตรอกกระโดดกัดเราหรือ”

“พระพันปี ในไม่ช้าเซียวอี้จะกลายเป็นสุนัขจนตรอกอยู่ดี กระหม่อมคิดว่าพวกเราต้องลงมือให้เขาตั้งรับไม่ทัน มิฉะนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้”

ชะงักไปสักพัก เหมาเส้าเจี้้ยนถึงได้รู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ยังมีน้ำหนักไม่พอ ดังนั้นจึงพูดเสริมขึ้น

“เซียวอี้เป็นคนที่กล้าฆ่าคนในตำหนักจินหรวน เขาตัวคนเดียว ไม่มีคนที่ต้องกังวล ซึ่งหมายความว่าเขาไม่กลัวสิ่งใด ไม่มีสิ่งใดคุกคามเขาได้ หากเรื่องนี้ยังคงยืดเยื้อต่อไป กระหม่อมเกรงว่าเซียวอี้จะเดินหมากเสี่ยง สร้างเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเมืองหลวง

สู้กำจัดเขาก่อนที่เขาจะตัดสินใจ หากดำเนินอย่างเหมาะสม อาจจะเชื่อมโยงเหตุระเบิดในสำนักอาวุธกับเขาได้ เมื่อถึงเวลาหากมีคนถามถึงสาเหตุการตายของเขา ย่อมสามารถปิดปากของคนเหล่านั้นได้อย่างสมเหตุสมผล”

พระพันปีเถาขมวดคิ้วครุ่นคิด

นางไม่อยากจะกำจัดเซียวอี้อย่างเอิกเกริก

เรื่องนี้จัดการอย่างไร้เสียง กองทัพใต้ถูกเปลี่ยนมืออย่างราบรื่นจะดีที่สุด

แต่เซียวอี้ผู้นี้เจ้าเล่ห์อย่างมาก

เขามาถึงเขตนครบาลนานแล้ว แต่ไม่ยอมข้ามเขตมาเสียที อีกทั้งยังไม่ยอมกลับค่ายใหญ่ในเมืองหลวง

เจตนาของเขาชัดเจนโดยไม่ต้องพูด

เขากำลังมีแผนการบางอย่าง

เขาจะยอมส่งอำนาจทางการทหารออกมาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การไล่ล่าของมือสังหารทั้งชีวิตหรือ

เห็นได้ชัดว่าเซียวอี้ไม่ใช่คนเช่นนั้น

ในที่สุดพระพันปีเถาก็ตัดสินใจได้ “เจ้าพูดถูก เซียวอี้ผู้นี้จะใช้ความคิดของคนปกติไปคาดเดาเขาไม่ได้ ให้ฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการ พระราชโองการฉบับแรกเรียกให้เขาเข้ามารรายงานตัวในเมืองหลวงทันที หากเขาไม่ปฏิบัติตาม พระราชโองการฉบับที่สองก็คือปลดหน้าที่ของเขาในกองทัพใต้ ส่งงคืนอำนาจทางการทหาร เรียกคืนตราพยัคฆ์

พระราชโองการฉบับที่สามคาดโทษประหารให้เขาอย่างสมเหตึสมผล สุราพิษจอกหนึ่งจบสิ้นทุกอย่าง หากเขากล้าขัดขืน ไม่ยอมน้อมรับพระราชโองการ มีเจตนานำทัพก่อกบฏก็ประหารเขาทันที!”

“พระพันปีทรงพระปรีชา”

พระพันปีเถาคิด “มอบหมายงานนี้ให้องครักษ์จินอู่ บอกให้เจิ้งกังตรียมมือดีอีกหลายคน อย่าเลย อย่าเลย เจิ้งกังกำลังยุ่งอยู่กับการสืบคดีสำนักอาวุธ เจ้านำมือดีขององครักษจินอู่ มุ่งหน้าไปถ่ายทอดพระราชโองการให้กองทัพใต้ พวกเราต้องจู่โจมให้ตรงจุดภายในครั้งเดียว ต้องกำจัดเซียวอี้ให้ได้!”

“กระหม่อมน้อมรับพระราชโองกา!”

ดวงตาของเหมาเส้าเจี้้ยนมีประกายลุกวาว

ร่างกายทีแก่ชราของเขาไม่ได้ขยับเขยื้อนมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาออกจากเมืองหลวงไปขยับร่างกายบ้างแล้ว

ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ไม่มีข้อคัดค้านเกี่ยวกับการประหารเซียวอี้

คนอย่างเซียวอี้ยากที่จะควบคุม

ในเมื่อไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่นนั้นก็ประหารเขาตามที่พระพันปีต้องการเสียดีกว่า

พระราชโองการสามฉบับเสร็จสิ้น

เหมาเส้าเจี้้ยนเตรียมออกจากเมืองหลวงแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น เพื่อไปถ่ายทอดพระราชโองการในพื้นที่ที่กองทัพใต้ปักหลักอยู่

จวนท่านอ๋องผิงชิน

เฟ่ยกงกงรีบกลับมาจากด้านนอก เข้าพบท่านอ๋องผิงชิง เซียวเฉิงเหวินในห้องตำรา

“ท่านอ๋อง มีความเคลื่อนไหวในพระราชวังแล้ว พระพันปีเถาทรงตัดสินพระทัยประหารชีวิตเซียวอี้ ฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการแล้ว พรุ่งนี้เช้า เหมาเส้าเจี้ยนจะออกเดินทางไปหากองทัพใต้เพื่อประหารเซียวอี้ตามพระราชโองการของฮ่องเต้ เพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดคิด เหมาเส้าเจี้ยนจะนำมือดีขององครักษ์จินอู่ไปด้วย”

เซียวเฉิงเหวินปิดตำรา พลันพูด “มือดีที่ว่าก็คิดจะประหารแม่ทัพใหญ่ที่นำทัพในค่ายทหาร หาที่ตายเสียจริง พวกเขาคิกว่าเซียวอี้จะยอมรอความตายอยู่ในค่ายทหารอย่างไม่เตรียมการจริงหรือ เหมาเส้าเจี้้ยนทำงานอย่างไร เขามั่นใจเกินไปหรือไม่ เขาไม่กังวลว่าการที่เซียวอี้ไม่ยอมกลับเมืองหลวงเสียทีจะเป็นกับดักหรือ”

“ท่านอ๋องหมายความว่าเซียวอี้จงใจพักอยู่ในเขตนครบาลเพื่อล่อเหยื่อหรือ แต่เหมาเส้าเจี้้ยนมีพระราชโองการ หากเซียวอี้ขัดขืนพระราชโองการ อีกทั้งยังสังหารขุนนางที่ถ่ายทอดพระราชโองการ เขาจะกลายเป็นกบฏที่ทุกคนต้องการกำจัดไม่ใช่หรือ”

เฟ่ยกงกงไม่เชื่อว่าเซียวอี้จะกล้าก่อกบฏ

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “ถึงแม้ทุกคนต่างต้องการกำจัดเซียวอี้ แต่ผู้ใดจะกำจัดเขาได้ หากข้าเดาไม่ผิด ทหารหลายพันนายที่เขาเลี้ยงไว้ในเรือนพักร่ำรวยออกจากเรือนพักมานานแล้ว อีกทั้งยังกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ระหว่างทางไปค่ายทหาร”

เฟ่ยกงกงตกใจ “ท่านอ๋อง ระยะนี้คนของพวกเราจับตาดูเรือนพักร่ำรวยอยู่เสมอ ไม่พบมีทหารออกมาแม้แต่น้อย”